อยากถามเพื่อนๆพี่ๆ ที่มีเงิน 20 ลบ. ขึ้นไปน่ะครับ
อยากถามเพื่อนๆพี่ๆ ที่มีเงิน 20 ลบ. ขึ้นไปน่ะครับ
กับข้อความที่ว่า
"ความทุกข์ จะมาเยือนเราในสภาพที่แตกต่างกัน ไม่ว่า เราจะมีสถานภาพอย่างไรก็ตาม"
ข้อความนี้ เป็นความจริงหรือเป็นเท็จครับ
ความรู้สึก ที่ก่อนจะมีอิสรภาพทางการเงิน กับ หลังมีอิสรภาพ แตกต่างกันหรือไม่
มีความสุข มากขึ้น หรือน้อยลงกว่าเดิม
"ความทุกข์ จะมาเยือนเราในสภาพที่แตกต่างกัน ไม่ว่า เราจะมีสถานภาพอย่างไรก็ตาม"
ข้อความนี้ เป็นความจริงหรือเป็นเท็จครับ
ความรู้สึก ที่ก่อนจะมีอิสรภาพทางการเงิน กับ หลังมีอิสรภาพ แตกต่างกันหรือไม่
มีความสุข มากขึ้น หรือน้อยลงกว่าเดิม
อยากสอบถามพี่ chatchai ครับว่า
(ตอบเท่าที่พี่ตอบได้นะครับ อาจจะเป็นการถามเรื่องส่วนตัวนะครับ)
พี่ใช้เวลาในการลงทุน นับจากวันแรกนะครับ มาจนถึงวันที่พี่คิดว่าสามารถพึ่งพารายได้จากการลงทุนเพียงอย่างเดียว ใช้เวลานานไหมครับ
โดยส่วนตัว ผมเริ่มลงทุนมาได้ 1 ปี กว่า (อายุ 28 ปี)
เริ่มด้วยเงินต้นประมาณ 350,000 ณ วันนี้ได้ผลตอบแทนมา 95 %
ซึ่งผมเชื่อว่าคงมีหลายๆท่านที่สามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่าตัวเลขดังกล่าว แต่ผมยังเชื่อมั่นในหลักการลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประเด็นที่จะถามก็คือ
เป็นไปได้ไหมครับที่เงินต้นจำนวนดังกล่าว
กับแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า สามารถทำให้เราสามารถเป็นอิสระทางการเงินได้ครับ (ประมาณ 200 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน)
หุ้นในพอร์ตทุกตัว ก็เป็นหุ้นพื้นฐาน สภาพคล่องก็ไม่มาก มีปันผลทุกตัวครับ


พี่ใช้เวลาในการลงทุน นับจากวันแรกนะครับ มาจนถึงวันที่พี่คิดว่าสามารถพึ่งพารายได้จากการลงทุนเพียงอย่างเดียว ใช้เวลานานไหมครับ
โดยส่วนตัว ผมเริ่มลงทุนมาได้ 1 ปี กว่า (อายุ 28 ปี)
เริ่มด้วยเงินต้นประมาณ 350,000 ณ วันนี้ได้ผลตอบแทนมา 95 %
ซึ่งผมเชื่อว่าคงมีหลายๆท่านที่สามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่าตัวเลขดังกล่าว แต่ผมยังเชื่อมั่นในหลักการลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประเด็นที่จะถามก็คือ
เป็นไปได้ไหมครับที่เงินต้นจำนวนดังกล่าว
กับแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า สามารถทำให้เราสามารถเป็นอิสระทางการเงินได้ครับ (ประมาณ 200 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน)
หุ้นในพอร์ตทุกตัว ก็เป็นหุ้นพื้นฐาน สภาพคล่องก็ไม่มาก มีปันผลทุกตัวครับ

ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ถ้าเป็นการศึกษาเองควรเริ่มอย่างไรครับ
ถ้าจะอ่านเอง พอไหวไหมครับ
ตอนเริ่มต้นลงทุน ก็พยายามอ่านหนังสือหลายๆเล่ม เพราะจบมาคนละสาขา เศรษฐศาสตร์ก็เคยเรียนตัวเดียวตอนปี 1 คำว่า งบดุล ก็เพิ่งเคยสัมผัสมาได้ไม่นานมา รู้บ้าง งงบ้าง บ้างครั้งไม่รู้จะถามใครก็อาศัยอ่านเอาจากกระทู้ที่ TVI
หนังสือที่พี่ chatchai แนะนำสามารถหาอ่านจากที่ไหนได้บ้างครับ
"งบกระแสเงินสดและงบการเงินรวม" ดร.วรศักดิ์ ทุมมานนท์
เพื่อมีเพื่อนๆที่สนใจ ถ้าเราคิดจะลงทุนอย่างเอาจริงเอาจัง ผมว่าความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ขอเดานะครับว่า
กำไรส่วนหนึ่ง (อาจจะมากเกินครึ่ง) ได้มาจากช่วง ปี 2534-2540 ซึ่งเป็นช่วงที่ทำกำไรให้อย่างมาก แต่คนส่วนมากมักจะไม่สามารถรักษากำไร จากช่วงดังกล่าวไว้ได้
ความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ คงทำให้มองออกว่า หุ้นไทยใกล้จะถึงจุดหายนะแล้ว จึงทำให้พี่สามารถรักษาผลกำไรไว้ได้ ออกจากตลาดก่อนฟองสบู่จะแตก
และการที่พี่กลับมาลงทุนอีกในช่วงปี 2542
ความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ ก็จะทำให้มองออกอีกว่าภาคธุรกิจใดจะ turnaround กลับมาก่อน และภาคธุรกิจใดที่ได้รับผลดีจากการลอยตัวค่าเงินประกอบกับช่วงดังกล่าวราคาหุ้นโดยรวมของตลาดยังมีราคาที่ถูกอยู่มาก สำหรับผู้ที่รู้จริง และเป็นนักลงทุนจริงๆ ช่วงเวลาดังกล่าวจึงเป็นโอกาสทองในการลงทุนที่หาได้ยาก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสูงมาก
กำไรส่วนหนึ่ง (อาจจะมากเกินครึ่ง) ได้มาจากช่วง ปี 2534-2540 ซึ่งเป็นช่วงที่ทำกำไรให้อย่างมาก แต่คนส่วนมากมักจะไม่สามารถรักษากำไร จากช่วงดังกล่าวไว้ได้
ความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ คงทำให้มองออกว่า หุ้นไทยใกล้จะถึงจุดหายนะแล้ว จึงทำให้พี่สามารถรักษาผลกำไรไว้ได้ ออกจากตลาดก่อนฟองสบู่จะแตก
และการที่พี่กลับมาลงทุนอีกในช่วงปี 2542
ความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ ก็จะทำให้มองออกอีกว่าภาคธุรกิจใดจะ turnaround กลับมาก่อน และภาคธุรกิจใดที่ได้รับผลดีจากการลอยตัวค่าเงินประกอบกับช่วงดังกล่าวราคาหุ้นโดยรวมของตลาดยังมีราคาที่ถูกอยู่มาก สำหรับผู้ที่รู้จริง และเป็นนักลงทุนจริงๆ ช่วงเวลาดังกล่าวจึงเป็นโอกาสทองในการลงทุนที่หาได้ยาก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสูงมาก
กระทู้นี้ แทงใจมากๆ
สำหรับผม บอกได้ครับว่า ก่อนและหลังมีอิสรภาพทางการเงิน
มันต่างกัน มากๆ
ก่อนนั้น ผมรักงานที่ทำ สนุกกับงานมากๆ
ตอนนี้ ทำงานไม่สนุกแล้ว รู้สึกว่าการกินเงินเดือนแบบนี้ไม่คุ้ม
งานก็เริ่มไม่สนุก ทำไปวันๆ มันห้ามความรู้สึกไม่ได้ว่า
มาทำงานแบบนี้มันเสียเวลามาก ๆ ผลตอบแทนน้อยๆ
ก่อนหน้านี้ งานมันสนุก ท้าทาย ทำมากผลตอบแทนมาก
การมีเงินง่ายๆ ทำให้รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาก
คิดไปคิดมาหลายครั้งว่า น่าจะออกจากงาน มาอยู่เฉยๆ
แต่.... เรายังแข็งแรงอยู่ ทำใมไม่สร้างผลผลิตให้ชาติ
การทำงานถึงแม้ไม่หวังอะไร แต่อย่างน้อยแรงกาย แรงความคิด
ก็ช่วยพัฒนาโครงสร้างทางสังคม ไม่มากก็น้อย
มาถึงตอนนี้ บางวันก็มานั่งคิดนะ
อิสรภาพทางการเงิน กับอิสรภาพทางใจ
ไม่ไปด้วยกันซะแล้ว
รู้สึกว่า ตัวเอง " มันคิดมากจริงๆ "
สำหรับผม บอกได้ครับว่า ก่อนและหลังมีอิสรภาพทางการเงิน
มันต่างกัน มากๆ
ก่อนนั้น ผมรักงานที่ทำ สนุกกับงานมากๆ
ตอนนี้ ทำงานไม่สนุกแล้ว รู้สึกว่าการกินเงินเดือนแบบนี้ไม่คุ้ม
งานก็เริ่มไม่สนุก ทำไปวันๆ มันห้ามความรู้สึกไม่ได้ว่า
มาทำงานแบบนี้มันเสียเวลามาก ๆ ผลตอบแทนน้อยๆ
ก่อนหน้านี้ งานมันสนุก ท้าทาย ทำมากผลตอบแทนมาก
การมีเงินง่ายๆ ทำให้รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาก
คิดไปคิดมาหลายครั้งว่า น่าจะออกจากงาน มาอยู่เฉยๆ
แต่.... เรายังแข็งแรงอยู่ ทำใมไม่สร้างผลผลิตให้ชาติ
การทำงานถึงแม้ไม่หวังอะไร แต่อย่างน้อยแรงกาย แรงความคิด
ก็ช่วยพัฒนาโครงสร้างทางสังคม ไม่มากก็น้อย
มาถึงตอนนี้ บางวันก็มานั่งคิดนะ
อิสรภาพทางการเงิน กับอิสรภาพทางใจ
ไม่ไปด้วยกันซะแล้ว
รู้สึกว่า ตัวเอง " มันคิดมากจริงๆ "