เพื่อนๆช่วยกันแสดงความเห็นเกี่ยวกับ RichDad Series ด้วย
เพื่อนๆช่วยกันแสดงความเห็นเกี่ยวกับ RichDad Series ด้วย
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบงานเขียน richdad series แต่ผมได้อ่านมา 3 เล่มแรก ผมรู้สึกว่า ผู้เขียน
บอกเพียงปรัชญาคร่าวๆ และกระตุ้นแรงบันดาลใจให้เท่านั้น
ไม่ได้อธิบายถึงวิธีการ การคำนวน เหตุการณ์จริงที่เป็นรูปธรรมให้ผู้อ่านเห็นกันชัดๆ เลย เนื้อหาเพียงวกไปวนมา ทั้งๆที่ จริงๆ แล้วสามารถสรุปเนื้อหา 5-6 เล่มให้จบภายในเล่มเดียว หรือ สองเล่ม
ผิดกับหนังสือ The Buffethology หรือ หนังสือของ ดร.นิวเศน์
ที่พอได้อ่านแล้วจะเห็นภาพ และเข้าใจการลงทุนอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากกว่าเยอะ
ผมขออนุญาตสงสัยกับการกระทำดังกล่าวว่า การที่คิโยซากิ เขียนหนังสือเนื้อหาคลุมเครือ และเยิ่นเย้อ วกไปวนมาเช่นนั้นมาจากสาเหตุ
1.ผู้เขียนต้องการขายหนังสือให้ได้เยอะๆ อีกหลายๆ เล่ม และเกมcash flow101 เท่านั้น (ข้อนี้สมมติฐานคือ คิโยซากิมีอิสรภาพทางการเงินจากการลงทุนจริง และมีความรู้จริง)
หรือ 2.ผู้เขียนอาจจะเป็นแค่เพียงคนที่เขียนหนังสือเก่ง
แต่ไม่ได้มีความรู้และอิสรภาพทางด้านการเงินแบบที่ได้กล่าวอ้างไว้
(ใครมีข้อมูลช่วยบอกด้วย) หรือ มีอิสระภาพทางการเงินได้เพราะ รายได้จากยอดขายหนังสือกันแน่
จุดประสงค์ของกระทู้นี้ เพื่อขอความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหนังสือของนักเขียนท่านนี้ มิได้ต้องการโจมตีหนังสือเล่มนี้ ถ้าเพื่อนๆที่ได้อ่านแล้วได้วามรู้จากหนังสือ series นี้อย่างเป็นรูปธรรม ก็เป็นสิ่งที่ดี และ ขอให้เพื่อนๆ แสดงความคิดเห็น หรือช่วยชี้แนะข้าพเจ้าเรื่องนี้ด้วยครับ
บอกเพียงปรัชญาคร่าวๆ และกระตุ้นแรงบันดาลใจให้เท่านั้น
ไม่ได้อธิบายถึงวิธีการ การคำนวน เหตุการณ์จริงที่เป็นรูปธรรมให้ผู้อ่านเห็นกันชัดๆ เลย เนื้อหาเพียงวกไปวนมา ทั้งๆที่ จริงๆ แล้วสามารถสรุปเนื้อหา 5-6 เล่มให้จบภายในเล่มเดียว หรือ สองเล่ม
ผิดกับหนังสือ The Buffethology หรือ หนังสือของ ดร.นิวเศน์
ที่พอได้อ่านแล้วจะเห็นภาพ และเข้าใจการลงทุนอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากกว่าเยอะ
ผมขออนุญาตสงสัยกับการกระทำดังกล่าวว่า การที่คิโยซากิ เขียนหนังสือเนื้อหาคลุมเครือ และเยิ่นเย้อ วกไปวนมาเช่นนั้นมาจากสาเหตุ
1.ผู้เขียนต้องการขายหนังสือให้ได้เยอะๆ อีกหลายๆ เล่ม และเกมcash flow101 เท่านั้น (ข้อนี้สมมติฐานคือ คิโยซากิมีอิสรภาพทางการเงินจากการลงทุนจริง และมีความรู้จริง)
หรือ 2.ผู้เขียนอาจจะเป็นแค่เพียงคนที่เขียนหนังสือเก่ง
แต่ไม่ได้มีความรู้และอิสรภาพทางด้านการเงินแบบที่ได้กล่าวอ้างไว้
(ใครมีข้อมูลช่วยบอกด้วย) หรือ มีอิสระภาพทางการเงินได้เพราะ รายได้จากยอดขายหนังสือกันแน่
จุดประสงค์ของกระทู้นี้ เพื่อขอความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหนังสือของนักเขียนท่านนี้ มิได้ต้องการโจมตีหนังสือเล่มนี้ ถ้าเพื่อนๆที่ได้อ่านแล้วได้วามรู้จากหนังสือ series นี้อย่างเป็นรูปธรรม ก็เป็นสิ่งที่ดี และ ขอให้เพื่อนๆ แสดงความคิดเห็น หรือช่วยชี้แนะข้าพเจ้าเรื่องนี้ด้วยครับ
รายได้จากสินทรัพย์ ให้มากกว่าค่าใช้จ่ายเรา โดยเราไม่ต้องทำงาน
จินตนาการนั้นผมเห็นด้วยกับคุณนักดูดาวว่าสำคัญ แต่ความรู้นั้นผมว่าก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เช่น ผมจินตนาการว่าผมเป็น VI แล้วซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า (ที่จินตนาการหรือ วิเคราะห์อย่างไม่มีความรู้) แล้วไปซื้อที่ราคาแพงมากกกกกก ผมว่าผมโอกาสประสบความสำเร็จน้อย
ผมว่าซื้อ RichDad แค่เล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นหนังสือที่ดี แล้วไปหาหนังสือการลงทุนอย่าง Buffett ,Lynch ,Soros, Fisher etc.. แล้วลองนำมาประยุกต์และปฏิบัติจริง จะดีกว่า การมัวไปอ่าน "ของไม่จริง แค่ทำเหมือน" มากกว่าครับ
จินตนาการนั้นผมเห็นด้วยกับคุณนักดูดาวว่าสำคัญ แต่ความรู้นั้นผมว่าก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เช่น ผมจินตนาการว่าผมเป็น VI แล้วซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า (ที่จินตนาการหรือ วิเคราะห์อย่างไม่มีความรู้) แล้วไปซื้อที่ราคาแพงมากกกกกก ผมว่าผมโอกาสประสบความสำเร็จน้อย
ผมว่าซื้อ RichDad แค่เล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นหนังสือที่ดี แล้วไปหาหนังสือการลงทุนอย่าง Buffett ,Lynch ,Soros, Fisher etc.. แล้วลองนำมาประยุกต์และปฏิบัติจริง จะดีกว่า การมัวไปอ่าน "ของไม่จริง แค่ทำเหมือน" มากกว่าครับ
เรื่องธรรมมะ นั้น ไม่ใช่วกไปวนมา แต่เพราะรายละเีอียดของเนื้อหานั้นมากมายและลึกซึ้งจริงๆ และ พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้ตรัสรู้นั้น "รู้จริง" ในเรื่องธรรมมะ (เป็นความคิดเห็นจากการที่ได้ศึกษามาบ้าง)
ส่วน RichDad นั้นหลังจากทำใจเป็นกลางและศึกษาเนื้อหาแล้ว อย่างที่ผมบอก เป็นการจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจมากกว่า ดังนั้นผมจึงยกให้ เล่มที่หนึ่ง เป็นหนังสือที่ดีที่สุด ส่วนเล่มอื่นไม่คุ้มค่าที่จะอ่าน (สำหรับผม แต่สำหรับท่านอื่นที่ "จินตนาการ และประยุกต์" ได้จากเนื้อหาเล่มอื่นๆนั้น ผมขอสนับสนุนให้อ่าน)
ที่ผมโพสต์ขึ้นมานี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวว่า การเขียนหนังสือเนื้อหาวกวนเช่นนั้น เป็นการไม่เคารพคนอ่านซึ่งเคย "เคารพและศรัทธา" ในตัวคุณ คิโยซากิ เหมือนกับว่า ยิ่งเวลาผ่านไป จุดประสงค์ที่ซ่อนเร้น คือ การขายหนังสือ+เกมส์กระแสเงินสด ยิ่งเด่นชัดออกมา โดยที่ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้แตกฉาน หรือมีประสบการณ์การลงทุน และ อิสรภาพทางการเงินจาก "การลงทุน" จริงๆ ไม่ใช่อิสรภาพจกาการ "ขายหนังสือ"
แต่ยังไงก็ตาม อย่างที่เค้าเคยบอกเค้าเป็นนักเขียน "Best Seller" ไม่ใช่ "Best Book" หนังสือเค้าขายได้ ไม่ว่าจะเพราะเค้าโดนใจคนอ่านมากกว่า เนื้อหาการลงทุนที่ ยอดเยี่ยมจริงๆ
นี่อาจเป็นเพียงผู้ที่ผิดหวังกับหนังสือชุดนี้ เพราะ "คาดหวัง" ไว้สูงมาก
...... ก็เ่ท่านั้น
ส่วน RichDad นั้นหลังจากทำใจเป็นกลางและศึกษาเนื้อหาแล้ว อย่างที่ผมบอก เป็นการจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจมากกว่า ดังนั้นผมจึงยกให้ เล่มที่หนึ่ง เป็นหนังสือที่ดีที่สุด ส่วนเล่มอื่นไม่คุ้มค่าที่จะอ่าน (สำหรับผม แต่สำหรับท่านอื่นที่ "จินตนาการ และประยุกต์" ได้จากเนื้อหาเล่มอื่นๆนั้น ผมขอสนับสนุนให้อ่าน)
ที่ผมโพสต์ขึ้นมานี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวว่า การเขียนหนังสือเนื้อหาวกวนเช่นนั้น เป็นการไม่เคารพคนอ่านซึ่งเคย "เคารพและศรัทธา" ในตัวคุณ คิโยซากิ เหมือนกับว่า ยิ่งเวลาผ่านไป จุดประสงค์ที่ซ่อนเร้น คือ การขายหนังสือ+เกมส์กระแสเงินสด ยิ่งเด่นชัดออกมา โดยที่ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้แตกฉาน หรือมีประสบการณ์การลงทุน และ อิสรภาพทางการเงินจาก "การลงทุน" จริงๆ ไม่ใช่อิสรภาพจกาการ "ขายหนังสือ"
แต่ยังไงก็ตาม อย่างที่เค้าเคยบอกเค้าเป็นนักเขียน "Best Seller" ไม่ใช่ "Best Book" หนังสือเค้าขายได้ ไม่ว่าจะเพราะเค้าโดนใจคนอ่านมากกว่า เนื้อหาการลงทุนที่ ยอดเยี่ยมจริงๆ
นี่อาจเป็นเพียงผู้ที่ผิดหวังกับหนังสือชุดนี้ เพราะ "คาดหวัง" ไว้สูงมาก
...... ก็เ่ท่านั้น
