TPIPL ปั่นหรือไม่ปั่น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
Boring Stock lover

TPIPL ปั่นหรือไม่ปั่น

โพสต์ โดย Boring Stock lover » เสาร์ ธ.ค. 20, 2003 10:10 am

เป็นเรื่องที่น่าติดตามอีกเรื่อง ในแง่กฏหมาย ผู้เกี่ยวข้อง ระยะเวลาการตัดสิน


---------------------------------------------------

ตลาดแย้งก.ล.ต.ปั่นหุ้นปูนทีพีไอ
'อรพิน'อิงข้อมูล 'กิตติรัตน์' ชี้ซื้อขายโปร่งใส

ผู้จัดการตลาดหุ้น ยันข้อมูลจากตลาด ไม่ถึงขั้นสร้างราคา ประสาร ชี้ ชัดเจนไม่กลั่นแกล้ง
อรพิน ประกาศเตรียมฟ้องกลับระบุ ก.ล.ต.กลั่นแกล้ง ผู้หญิง ยันดำเนินการซื้อหุ้นทีพีไอพีแอล โปร่งใส อ้างข้อมูล กิตติรัตน์ การันตี ไม่ปั่นหุ้น ประสาร ตอบโต้ ตรวจสอบพบ โดยไม่ต้องพึ่งข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ วงกต ขีดเส้น ต้องสรุปคดีให้ได้ภายใน 1 เดือน



นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ อดีตกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัททีพีไอโพลีน จำกัด ได้เปิดแถลงการณ์ ภายหลังจากที่สำนักงานก.ล.ต.ได้กล่าวโทษ ไปยังกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ(สศก.) กรณีการปั่นหุ้น ว่า ตนพร้อมที่จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด และหากมีหลักฐานที่สามารถแสดงความถึงความสุจริต ก็จะดำเนินการฟ้องกลับก.ล.ต.ทันที ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากการดำเนินการซื้อหุ้นทีพีไอพีแอล ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการดำเนินตามมติคณะกรรมการทั้งสองบริษัทคือ ทีพีไอโพลีน และทีพีไอพาวเวอร์ และพอร์ตการซื้อขายหุ้นก็เป็นของทีพีไอพาว เวอร์ ไม่ใช่เป็นการกระทำโดยส่วนตัว

นอกจากนี้พฤติกรรมการซื้อหุ้นในช่วงนั้น ก็ไม่ได้มีการไล่ราคาแต่อย่างใด และใช้ระยะเวลาการซื้อหุ้นนานพอสมควร เพราะแม้กระทั่งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ยังออกมายืนยันว่า ทีพีไอพีแอล ไม่ได้ปั่นหุ้นซึ่งตามขั้นตอนแล้วตลาดหลักทรัพย์จะต้องเป็นด่านแรก ในการตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขาย แต่กรณีของตนนั้นก.ล.ต.เป็นผู้กล่าวหาเอง

ทั้งนี้ การดำเนินการซื้อหุ้น ดังกล่าวก็ได้มีการเปิดเผยอย่างโปร่งใสในหมายเหตุงบการเงินอย่างละเอียด ดังนั้นการกล่าวโทษในครั้งนี้ ถือตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม

"การกล่าวโทษครั้งนี้ถือว่าก.ล.ต.กลั่นแกล้งลูกผู้หญิง ซึ่งดิฉันจำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง โดยจะขอความเป็นธรรมจากสังคมและศาล เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ซึ่งขณะนี้ดิฉันก็รอให้ตำรวจเรียกไปสอบสวนซึ่งก็พร้อมที่จะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม?นางอรพินกล่าว

ส่วนกรณีที่เข้าซื้อหุ้น ทีพีไอพีแอล ในราคาต่ำกว่า 17 บาทซึ่งเป็นราคาที่จะขายเฉพาะเจาะจง P/P เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทีพีไอพีแอล มีแผนที่จะซื้อหุ้นในส่วนของพี/พีที่ราคา 17 บาท แต่เนื่องจากราคาหุ้นในกระดานต่ำกว่าระดับดังกล่าว จึงได้เข้าซื้อคิดเป็นราคาเฉลี่ย 16.50 บาทต่อหุ้น จำนวน 20 ล้านหุ้น ทำให้บริษัทประหยัดเงินได้จำนวนมาก

นางอรพินยังได้กล่าวถึงการลาออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ว่าไม่ได้เป็นการแสดงถึงการยอมรับผิดกับการกล่าวโทษในครั้งนี้ แต่ในช่วงนั้น ทีพีไอพีแอล กำลังอยู่ในระหว่างการยื่นขอกระจายหุ้นจาก ก.ล.ต.รอบใหม่ ซึ่งดร.ประสาร ได้บอกให้ตนลาออก เพื่อแลกกับการอนุมัติให้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนซึ่งตนไม่ได้มีการเซ็นลาออกจากก.ล.ต. แต่เป็นการลาออกเอง เพื่อต้องการให้แผนการขายหุ้นเพิ่มทุนประสบความสำเร็จซึ่งในช่วงนั้นยังไม่ได้มีการกล่าวโทษแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามนางอรพิน ยังได้กล่าวว่า ปัจจุบันหุ้นที่ซื้อมาในช่วงนั้น 20 ล้านหุ้น ยังอยู่ไม่ได้มีการบริจาคออกไป ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด มีเพียง 2 ล้านหุ้นที่เคยถือไว้ก่อนหน้านี้ โดยก่อนหน้านี้ตนเคยได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมจากก.ล.ต. แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด โดยก.ล.ต.อ้างว่าไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมมาหักล้าง

อดีตกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ทีพีไอโพลีน กล่าวต่อว่าการกล่าวหาของก.ล.ตในครั้งนี้จะไม่กระทบต่อแผนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 300 ล้านหุ้นแต่อย่างใด เพราะเป็นการกล่าวโทษส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทและปัจจัยพื้นฐานของทีพีไอโพลีน ก็มีควรแข็งแกร่งพอที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ ซึ่งตนคิดว่านักลงทุนน่าจะแยกแยะออก

กิตติรัตน์อ้าง ตลาดหุ้นไม่เกี่ยว

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า กรณีที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษนางอรพิน ไม่ใช่ผลการตรวจสอบ หรือข้อมูลที่เสนอไปจากตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไม่ผิดปกติถึงขั้นที่จะมีการเสนอเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับต่อไป ขณะเดียวกันก.ล.ต.ถือเป็นหน่วยงานที่มีสิทธิและมีอำนาจดำเนินการตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นหน่วยงานที่ดำเนินงานเรื่องนี้ก็ต้องเป็นฝ่ายที่รับผิดชอบ

"ผมยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาเข้าไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นทีพีไอพีแอล ซึ่งสิ่งที่เราเห็นก็เหมือนกับสิ่งที่ก.ล.ต.เห็น แต่สิ่งที่เราเห็นถือว่าไม่ผิดปกติถึงขั้นจะต้องส่งเรื่องต่อไปให้ก.ล.ต. และในการตรวจสอบการสร้างราคาหรือมีการกล่าวโทษในเรื่องดังกล่าวตลาดจะเป็นผู้ตรวจสอบติดตามดูแลพฤติกรรมการลงทุน หากผิดปกติก็จะทำการวิเคราะห์ และถ้าพบว่ามีมูลจึงจะดำเนินการส่งเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก.ล.ต.ก็ไม่ได้มีการติดต่อขอข้อมูลมาที่ผม"นายกิตติรัตน์กล่าว

ประสาร ชี้ก.ล.ต.ฟ้องได้เอง

ด้านดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล เลขาธิการ กลต. กล่าวว่า การที่ กลต.ดำเนินการกล่าวโทษกับนาง อรพิน สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอให้ ตลาดหลักทรัพย์ส่งข้อมูลมา เนื่องจาก ก.ล.ต.ก็มีแหล่งในการหาข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับราคาหุ้นทีพีไอพีแอลมายัง ก.ล.ต.

"หุ้น ทีพีไอพีแอล อยู่ใน watch list ของตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว ซึ่งในการตรวจสอบหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีเกณฑ์ที่คล้ายกัน และแตกต่างกัน โดย ก.ล.ต.ก็มีแหล่งข้อมูลในการตรวจสอบความผิดปกติของหุ้นทีพีไอพีแอลและขบวนการตรวจสอบก็เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่ง เราไม่จำเป็นต้องรอให้ตลาดหลักทรัพย์ส่งข้อมูลมา เพราะข้อมูลที่มีนั้นมีน้ำหนักเพียงพอในการดำเนินการกล่าวโทษ"ดร.ประสาร กล่าว

อย่างไรก็ตามในการดำเนินการกล่าวโทษต่อ สศก.นั้น เนื่องจากที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ให้โอกาสนางอรพิน ในการชี้แจงในการกระทำดังกล่าวแต่เหตุผลฟังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ดังนั้นจึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบ โดยแจ้งให้ อรพินมาเสียค่าปรับโดยอัตราการปรับนั้นไม่ต่ำกว่า 5แสนบาท และไม่เกิน 2เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ ซึ่ง เธอ ไม่ยอมรับในการตัดสิน และไม่ยอมมาเสียค่าปรับ แต่ เธอ ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ สุชาติ เชาว์วิศิษฐ ในฐานะประธาน กลต. ดังนั้นคณะกรรมการ ก.ล.ต.ก็ได้ประชุมอีกครั้งตามที่ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมมา แต่ คณะกรรมการ ก.ล.ต.ก็ยืนยันตามมติสำนักงานคณะกรรมการเหมือนเดิม

ดร.ประสาร กล่าวว่า หลังจากที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ ก.ล.ต.ตามคำขอแล้ว ทางสำนักงาน ก็มีหนังสือแจ้งไปยัง นางอรพิน อีกครั้งเพื่อให้มาเสียค่าปรับแต่ก็ยังเพิกเฉย ดังนั้นทาง ก.ล.ต.จึงเห็นควรส่งเรื่องไปยัง สศก.เพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของ สศก.ในการพิจารณา แม้ว้า ก.ล.ต.จะดำเนินการกล่าวโทษแต่ก็ยังว่าคดียังไม่สิ้นสุด เพราะแม้ว่า สศก.จะเห็นด้วยตามคำร้องของ ก.ล.ต.ก็ต้องส่งให้อัยการพิจารณาต่อไป

เขา กล่าวว่า การกระทำผิดในการสร้างราคาของนางอรพิน และนางวรัญญู พรหมมาศ นั้นยังถือว่าไม่เป็นการกระทำที่ร้ายแรง เนื่องจากไม่ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อนักลงทุนทั่วไป

" ในการดำเนินการนั้นจะเป็นผลกระทบต่อการขายหุ้นหรือไม่นั้น คงไม่สามารถตอบแทนได้ เพราะเป็นเรื่องที่ผู้บริหารเองที่ต้องชี้แจงเหตุผลให้นักลงทุนทราบ ซึ่ง ก.ล.ต.นั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปกลั่นแกล้ง เพราะไม่มีเรื่องบาดหมางกัน "ดร.ประสาร ทิ้งท้าย

พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังจากที่ก.ล.ต. กล่าวโทษนางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ และนางวรัญญู ว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (19 ธ.ค.) ได้นัดคณะทำงานสืบสวนสอบสวน สศก. และ ก.ล.ต. หารือถึงแนวทางการดำเนินคดี

โดยหาก นางอรพิน และนางวรัญญู ติดต่อเข้ามอบตัว เบื้องต้นจะให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาคือ ทำการขายหลักทรัพย์ให้ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์นั้น ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 2 เท่าของกำไร หรือทั้งจำทั้งปรับไว้ก่อน ส่วนการจับกุมคงต้องดำเนินการตามกฎหมายใหม่ คือต้องรอขออนุมัติหมายจับจากศาล

"การประชุมเมื่อวานนี้ เป็นการวางระบบงาน และมอบหมายตัวบุคคลที่จะเข้าไปสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานตามที่ ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษมา โดยในขั้นตอนนี้ยังไม่มีการขออนุมัติหมายจับใคร เพราะต้องรวบรวมหลักฐานให้ได้ระดับหนึ่งก่อน และทางผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ติดต่อมายังพนักงานสอบสวน" พล.ต.ท.วงกต ระบุ

ผบช.ก.บอกด้วยว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่าง สศก. และก.ล.ต. ได้ข้อสรุปตรงกันว่าจะทำคดีนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน โดยหากพบพฤติการณ์กระทำความผิดจริงตามที่กล่าวหา ก็จะขออนุมัติหมายจับจากศาล และเมื่อได้ตัวมา ก็จะทำสำนวนส่งฟ้องศาลต่อไป ปปง.เชื่อทำเป็นขบวนการเล็งยึดทรัพย์

ด้าน พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวเรื่องเดียวกันว่า หากเป็นการปั่นหุ้นของบุคคลธรรมดา ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพราะไม่ใช่การกระทำความผิดที่เป็นการยักยอกหรือฉ้อโกงหรือประทุษร้ายต่อทรัพย์ หรือกระทำการโดยทุจริตตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกระทำการโดยกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบหรือมีประโยชน์เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ตามที่ระบุไว้ในความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการปั่นหุ้นในลักษณะเช่นนี้ ไม่น่าจะเป็นการกระทำโดยส่วนตัว เพราะโบรกเกอร์ นิติบุคคล หรือบุคคลอื่นที่เป็นนอร์มินีผู้ซื้อขายหุ้น ต้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจร่วมงานกันเป็นขบวนการปั่นหุ้น

ดังนั้น ก.ล.ต.จึงมีหน้าที่ต้องเข้าไปสืบสวนการซื้อขายหุ้นทีพีไอ โพลีน ในช่วงก่อนและหลังวันที่ 25ก.พ -27 มี.ค.2546 ซึ่งถูกระบุว่ามีการปั่นหุ้นจนทำให้ราคาหุ้นทีพีไอ โพลีน ผิดปกติ โดยเปรียบเทียบให้เห็นราคาของหุ้นแล้วทำเป็นสถิติออกมาว่าตัวเลขการซื้อขายเป็นอย่างไร

"ที่สำคัญจะต้องสืบสวนให้ได้ความว่าหุ้นดังกล่าวมีการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์รายใด เนื่องจากบริษัทต้นสังกัดของโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายหุ้นถือเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายฟอกเงิน ดังนั้นทรัพย์ที่ได้ไปจากการปั่นหุ้นถือเป็นทรัพย์ในการกระทำความผิด ตรวจพบที่ใดยึดได้ทันที หากมีการถอนเงินหรือยักย้ายทรัพย์ออกไปซุกซ่อนไว้กับบุคคลอื่น ก็จะมีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินเพิ่มขึ้นอีก 1 ข้อหา" พล.ต.ต.พีรพันธุ์ กล่าว



ล็อคหัวข้อ