​10 ท่ายาก การลงทุน (2/2)/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

​10 ท่ายาก การลงทุน (2/2)/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ โดย Thai VI Article » พฤหัสฯ. ต.ค. 17, 2013 8:02 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

   จากตอนที่แล้ว ได้กล่าวถึง 5 ท่ายากของการลงทุน ได้แก่ ท่าแรก ลงทุนแบบไม่มีหลักการลงทุน ท่าที่สอง ลงทุนเกินขอบข่ายความรู้ ท่าที่สาม ลงทุนแบบไม่เคยประเมินมูลค่า ท่าที่สี่ ลงทุนแบบซื้อขายบ่อยเกินไป และท่าที่ห้า ลงทุนแบบไม่กระจายความเสี่ยง บทความนี้จะกล่าวถึงอีก 5 ท่ายากที่เหลือ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
   ท่าที่หก การตัดสินใจซื้อขายจากการคาดเดาภาวะตลาด ในโลกการลงทุน ไม่มีใครสามารถคาดเดาการขึ้นลงของหุ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ หากมีการติดตามผลจะพบว่ามีทั้งถูกและผิดเสมอแม้การคาดการณ์นั้นจะมาจากนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญหรือผู้ประสบการณ์ลงทุนอย่างยาวนานก็ตาม  เราจึงพบเห็นปรากฏการณ์ทั้ง Sell on Fact หรือ Buy on Fact ราคาหุ้นขึ้นแม้ผลประกอบการแย่หรือราคาหุ้นลงแม้ผลประกอบการดี หุ้นไทยขึ้นสวนทางตลาดต่างประเทศหรือบางครั้งไปในทิศทางเดียวกัน
   ในระยะสั้น ราคาหุ้นมักอ่อนไหวขึ้นลงตามปัจจัยภายนอกและอารมณ์นักลงทุนที่แปรปรวนรายวัน วิธีเลี่ยงหนึ่งคือ การเลือกลงทุนในกิจการที่สามารถคาดได้ว่าจะมีผลประกอบการดีขึ้นในระยะยาว ซึ่งราคาหุ้นจะต้องสะท้อนผลประกอบการนั้นในที่สุด
   ท่าที่เจ็ด ไม่มีความอดทนเพียงพอ ความอดทนเป็นคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ยามภาวะหุ้นขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่มักตัดสินเข้าซื้อหุ้นโดยไม่อดทนรอราคาที่เหมาะสม ส่วนในยามภาวะตลาดย่ำแย่ นักลงทุนก็ต้องอดทนเห็นหุ้นของตนราคาลดลงให้ได้ และควรต้องพิจารณาซื้อเพิ่มหากยังเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมที่มีส่วนต่างความปลอดภัยเพิ่มขึ้น นักลงทุนต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า มีโอกาสที่ดีเสมอในตลาดหุ้นสำหรับผุ้ที่มีความอดทน
   โอกาสเดียวที่จะทำกำไรจากการไล่ซื้อหุ้นในราคาสูงคือ ราคาหุ้นจะต้องขึ้นสูงเพิ่มไปอีก แต่หากปัจจัยพื้นฐานหรือผลประกอบการไม่ได้โดดเด่นมากนัก แม้ราคาหุ้นจะขึ้นต่อไปอีกแต่อาจจะไม่สามารถรักษาระดับราคานั้นได้ วิธีเลี่ยงคือการออกห่างตลาดยามหุ้นขึ้น และติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าซื้อหุ้นที่ศึกษามาอย่างดีในราคาเหมาะสมยามตลาดหุ้นลงนั่นเอง
   ท่าที่แปด ลงทุนด้วยมาร์จิ้นหรือซอร์ตเซล การลงทุนด้วยวิธีดังกล่าวแม้จะทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น แต่นับว่าเป็นท่ายากท่าหนึ่งเลยทีเดียว เพราะนักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจ มีความเชี่ยวชาญ มีจิตวิทยาการลงทุนดี ไม่หวั่นไหวหากราคาหุ้นไม่เป็นไปดังคาด และต้องติดตามราคาซื้อขายอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น การเลือกใช้ท่ายากนี้ยังมีต้นทุนธุรกรรมแฝงอยู่อีกด้วย
   คำแนะนำในการหลีกเลี่ยงท่ายากนี้และยังได้เพิ่มผลตอบแทนคือ การให้ยืมหุ้นเพื่อซอร์ตเซลในกรณีที่ถือหุ้นเต็มพอร์ต แม้จะได้ดอกเบี้ยรายวันในอัตรา 3-5% ต่อปีแต่ก็ดีกว่าถือหุ้นไว้เฉยๆ ส่วนนักลงทุนที่ถือเงินสดเต็มพอร์ต ควรพิจารณานำเงินสดนั้นลงทุนใน Money Market Funds ระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์
   ท่าที่เก้า ลงทุนในธุรกิจสวนกระแสแนวโน้มใหญ่ (mega trend) เป็นอีกท่ายากหนึ่งหากลงทุนในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่สวนกระแสและยังคาดหวังให้ผลประกอบการโดดเด่นเพื่อผลตอบแทนการลงทุนที่ดี แนวโน้มใหญ่ส่วนมากนั้นมักเกิดขึ้นก่อนในต่างประเทศ นักลงทุนสามารถเรียนรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจและราคาหุ้นจากกรณีศึกษาเหล่านั้นด้วย
   ​หากถือหุ้นที่อยู่ในธุรกิจดังกล่าว นักลงทุนควรพิจารณาขายหุ้นให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเพิ่มขึ้น เพราะหากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าธุรกิจต้องได้รับผลกระทบมากขึ้นจากแนวโน้มใหญ่ ราคาหุ้นจะต้องปรับตัวลงอีก อย่างไรก็ตามแม้ราคาหุ้นจะลดลงจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยบวกเดียวที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นบ้างคือราคาหุ้นนั้นถูกเกินไปนั่นเอง
   ท่าที่สิบ ลงทุนแบบหวังผลเลิศ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนคุ้นเคยกับการซื้อถูกขายแพง อย่างไรก็ตาม การตั้งความหวังที่จะได้ผลตอบแทนสูงเช่นเดิมนั้น นอกจากจะเป็นท่ายากแล้ว ยังอาจเป็น “กับดัก” ให้นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วยการเล่นท่ายากอื่นหากผลตอบแทนไม่เป็นดังคาดอีกด้วย
   มีสามปัจจัยสำคัญในการคำนวณผลตอบแทนทบต้น ได้แก่ อัตราผลตอบแทนต่อปีทบต้น เงินลงทุน และระยะเวลาลงทุน การคาดหวังผลตอบแทน 12-15% ต่อปีถือว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทายแต่ปฏิบัติได้จริง วิธีหลีกเลี่ยงท่ายากนี้คือ การเพิ่มความสำคัญอีกสองปัจจัยที่เหลือ โดยปัจจัยที่เพิ่มง่ายที่สุดคือ การเพิ่มระยะเวลาลงทุน ที่สนับสนุนคำพูดที่ว่า “เริ่มก่อนได้เปรียบ” นั่นเอง
   การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ จะว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่าย ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ทั้งหมด การรู้ทฤษฏีเหมือนกันก็ไม่อาจปฏิบัติให้ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน   ในฐานะ Value Investor จึงควรประเมินและหลีกเลี่ยงท่ายากในการลงทุนของตนให้มากที่สุด หากเป็นไปได้ก็เลือกเฉพาะท่าง่ายสำหรับตนเองที่เข้าข่าย KISS – Keep It Simple Stupid เพื่อความสุขและสบายใจตลอดการเดินทางบนถนนการลงทุนสายนี้
[/size]



ตอบกลับโพส