โค้ด: เลือกทั้งหมด
แม้ข่าวการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในสัปดาห์ที่แล้วจะถูกข่าวการเมืองกลบไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับผู้เสียภาษีซึ่งต้องเสียในอัตรานี้มาตั้งแต่ปี 2535 หรือ 21 ปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ของคนทั่วไปต่ำกว่าในปัจจุบันค่อนข้างมาก
หลายประเทศมีการปรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นระยะๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการครองชีพ และสอดคล้องกับภาพรวมของการจัดเก็บรายได้และการนำมาใช้เป็นงบประมาณของประเทศ
อัตราภาษีที่สูงจนเกินไปก็ทำให้คนอยากหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในสมัยนี้ที่การเป็นพลเมืองของประเทศไหนไม่มีความสำคัญต่อการทำงานประกอบอาชีพมากนัก คนรุ่นใหม่หลายคนจึงมองว่าตัวเองเป็น"พลเมืองของโลก" หรือ "Citizen of the World" ดังเช่นที่ดิฉันเคยเขียนถึงนักออกแบบชื่อดังชาวฝรั่งเศสที่ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า หากรัฐบาลขึ้นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ขึ้นไปสูงสุดที่ 75% เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ เขาจะย้ายไปเป็นพลเมืองของเบลเยียม
> อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดของประเทศที่ต้องการเชิญชวนผู้คนมาเป็นประชากรและเสียภาษีก็จะอยู่ระหว่าง 15-20% ค่ะ โดยสิงคโปร์เก็บในอัตรา 0-20% ฮ่องกงเก็บในอัตรา 2-17% มาเลเซีย เก็บ 0-26% อินโดนีเซียเก็บ 5-30% เกาหลีใต้เก็บ 6-38% สหราชอาณาจักรเก็บ 10-45% โดยเพิ่งจะลดอัตราสูงสุดจาก 50% ลงมาเป็น 45% ตั้งแต่ 6 เมษายน 2556 เป็นต้นมาค่ะ และสหรัฐอเมริกาเก็บแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคนโสด หรือสมรสแล้ว โดยจะเสียในอัตราตั้งแต่ 10-35% แต่ฐานที่ใช้ในการคำนวณกรณีแยกกันยื่นหรือรวมกันยื่นจะแตกต่างกันค่ะ
ตามแผนเดิม กระทรวงการคลังตั้งใจจะประกาศลดอัตราภาษีไปพร้อมๆกับการเพิ่มอัตราค่าลดหย่อน เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้ไม่สูงไม่ต้องอยู่ในฐานที่เสียภาษี แต่เนื่องจากมีกฎหมายต้องผ่านรัฐสภาจำนวนมาก จึงไม่ทันกับการประชุมสภาสมัยนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง จึงตัดสินใจที่เสนอให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแทนที่จะเป็นพระราชบัญญัติ เพื่อให้ทันสำหรับปีภาษี 2556 ซึ่งจะต้องยื่นชำระกันในต้นปี 2557 ที่จะถึงนี้ ตามที่ได้เคยให้นโยบายไว้และประชาชนรับทราบกันทั่วไปตั้งแต่ต้นปี เพียงแต่รอลุ้นว่าจะทันใช้หรือไม่
ต้องขอขอบพระคุณท่านรองนายกฯกิตติรัตน์ ไว้ณ ที่นี้ค่ะ
เอาละค่ะ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และผู้เสียภาษีอย่างเราๆท่านๆจะเตรียมตัวในเรื่องนี้ได้อย่างไร
เดิมอัตราภาษีจองเรามี 5 ขั้น คือ 0% 10% 20% 30% และ 37% อัตราภาษีใหม่จะซอยถี่ขึ้นเป็น 7 ขั้น คือ เพิ่มอัตรา 15% และ25% เข้าไป และลดอัตราสูงสุดจาก 37% เป็น 35%
กลุ่มคนที่มีรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนน้อยกว่า 150,000บาท ซึ่งมีสัดส่วนถึง 72% ของผู้มีรายได้อยู่ในระบบภาษีก็ยังได้รับยกเว้นภาษีเหมือนเดิม
กลุ่มคนมีรายได้ 150,000 บาทขึ้นไปถึง 500,000บาทต่อปีซึ่งแต่เดิมเสียภาษีในอัตรา 10% จะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ หากรายได้สุทธิไม่เกิน 300,000บาท 150,000 บาทแรก ได้รับยกเว้น ส่วน 150,000บาทหลัง จะเสียภาษีในอัตรา 5% หรือเสียเพียง 7,500บาท เท่ากับประหยัดภาษีไปได้ 7,500บาท
ส่วนที่เกิน 300,000บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท จะต้องเสียภาษีในอัตราเดิมคือ10% ค่ะ ถ้าหากท่านมีรายได้สุทธิ 500,000บาทพอดี ท่านก็จะเสียภาษีรวม 27,500 บาท ก็ประหยัดได้ 7,500บาทเท่ากับคนที่รายได้สุทธิ 300,000บาทค่ะเพราะ 200,000บาทหลัง ต้องเสียภาษีในอัตราเท่าเดิม
รายได้สุทธิส่วนที่เกิน 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 750,000 บาท เดิมเคยเสียภาษีในอัตรา 20% ก็จะลดลงเหลือ 15% ซึ่งหากมีรายได้สุทธิเท่ากับ 750,000บาทพอดี ก็จะเสียภาษีรวม 65,000 บาท ประหยัดได้ 20,000บาท จากเดิมที่ต้องเสีย 85,000 บาท
รายได้สุทธิในส่วนที่เกิน 750,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท เสียภาษีในอัตราเดิมคือ20% ดังนั้นผู้มีรายได้สุทธิ 1,000,000 บาท จึงต้องเสียภาษีรวม 115,000 บาท จากเดิมที่เสีย 135,000 บาท ประหยัดภาษีได้เท่ากับผู้มีรายได้สุทธิ 750,000 บาท คือประหยัดได้ 20,000บาทค่ะ
รายได้สุทธิส่วนที่เกิน 1,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท เดิมเคยเสียภาษีในอัตรา 30% ก็จะลดลงเหลือ 25% ผู้มีเงินได้สุทธิ 2,000,000 บาท จึงเสียภาษีรวม 365,000 บาท จากเดิมที่เสีย 435,000 บาท ประหยัดได้ 70,000 บาท
รายได้สุทธิส่วนที่เกิน 2,000,000 บาทแต่ไม่เกิน 4,000,000 บาท เสียภาษีในอัตรา 30% เท่าเดิม ดังนั้นผู้มีรายได้สุทธิ 4,000,000 บาท จึงเสียภาษีรวม 965,000 บาท จากเดิมที่เสีย 1.035,000 บาท เงินที่ประหยัดได้จึงเท่ากับ 70,000 บาทเท่ากัน
รายได้ส่วนที่เกิน 4,000,000 บาทขึ้นไป จากเดิมที่เสียภาษีในอัตรา 37% จะลดลงเหลือ 35% เท่ากับภาษีลดลง 20,000 บาท ต่อรายได้ที่ต้องเสียภาษีทุกๆ 1,000,000 บาท
เงินที่ประหยัดภาษีได้ตั้งแต่ 7,500 บาท ไปจนถึง 70,000 หรืออาจจะ 100,000- 200,000 บาท หากท่านนำไปลงทุนก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ช่วยให้ท่านมีรายได้จากผลตอบแทนในการลงทุนเอาไว้ใช้จ่ายมากขึ้น หรือจะเผื่อแผ่แบ่งปันไปบริจาคเพื่อสาธารณกุศลเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนร่วมโลก เพื่อสร้างโลกเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นก็ย่อมได้ค่ะ
ประหยัดได้ 1บาทเท่ากับหาเงินได้เพิ่ม 1 บาท
ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่สามารถหาเงินเพิ่มขึ้นได้จากการประหยัดภาษีค่ะ