ลงทุนในงานศิลปะ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

ลงทุนในงานศิลปะ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ โดย Thai VI Article » จันทร์ ก.พ. 24, 2014 12:50 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

	ดิฉันเคยเขียนเรื่องการลงทุนในศิลปะไปแล้วเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน โดยกล่าวถึงการลงทุนในศิลปะว่าเป็นการลงทุนทางเลือกอย่างหนึ่ง และมีปัจจัยที่มีผลต่อราคาศิลปะ 7 ปัจจัยคือ ศิลปิน เรื่องราวหรือที่มา ความสำคัญทางประวัติศาสตร์  สภาพ ความหายาก รสนิยม และความต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
	สัปดาห์นี้อยากจะขอเขียนถึงลักษณะพิเศษของการลงทุนทางเลือกประเภทนี้ และข้อควรระวัง เนื่องจากเมื่อมีความมั่งคั่งสูงขึ้น ผู้ลงทุนจะสนใจลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้เพิ่มขึ้น
	ประการแรกที่ผู้ลงทุนต้องเข้าใจคือ การลงทุนทางเลือกส่วนใหญ่จะมีสภาพคล่องต่ำ อาจจะยกเว้นทองคำ หรือกองทุนรวมทองคำ แต่หากเป็นการลงทุนทางเลือกอื่น เช่น งานศิลปะ ทีมกีฬา ของสะสมมีค่า เรือยอชท์ ฯลฯ รวมถึงงานศิลปะ จะมีสภาพคล่องต่ำ และหามูลค่าที่แท้จริงได้ยาก
	ประการที่สอง การลงทุนในศิลปะมีวัฏจักรการลงทุนที่ยาวกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยทั่วไปจะใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 5 ปี และบ่อยครั้งที่ต้องใช้ระยะเวลาลงทุนถึง 10 ปี แม้จะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมก็ตาม
	ประการที่สาม ผู้ลงทุนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ในสิ่งที่ลงทุน ต้องศึกษาให้ดี เพราะยิ่งเป็นของมีราคา หายาก คนก็จะไม่รู้จักคุ้นเคย ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆก็จะมีน้อย ทำให้มีผู้อยากฉวยโอกาสทำปลอม ทำเลียนแบบขึ้นมา เพราะโอกาสที่จะผู้ลงทุนจะไม่ทราบว่าเป็นของปลอมจะมีสูง แม้กระทั่งของที่นำไปประมูลในงานประมูลศิลปะก็อาจจะมีของปลอม
	ประการที่สี่ อย่าคิดว่าลงทุนแล้วต้องได้กำไรเสมอไป ผู้ที่ลงทุนในศิลปะ ส่วนใหญ่ลงทุนเพราะมีความชอบเป็นการส่วนตัว คนที่ไม่ชอบสิ่งที่ลงทุน มีโอกาสหมดเนื้อหมดตัวได้ง่ายๆ เพราะหากลงทุนผิด ก็อาจจะต้องทนดูงานชิ้นนั้นไปตลอด เนื่องจากไม่สามารถขายออกไปได้  แต่หากชอบ แม้จะขายไม่ได้ ก็ยังสามารถเอาไว้ชมเชย เอาไว้ดูใช้ชื่นตา ให้สบายใจ 
	ดังนั้น ผู้ที่จะลงทุนในศิลปะ ควรลงทุนเพราะชอบเป็นหลัก อย่าไปหวังจะทำกำไรอะไรมากมาย แต่เมื่อมีเวลาและโอกาส ก็อาจจะสามารถขายออกไปได้ในราคาดีและมีกำไร  ถ้าคิดได้แบบนี้ จะมีความสุขกับการสะสมและลงทุนค่ะ
	ประการที่ห้า อย่าใจร้อน  มูลค่าและราคาของศิลปะ จะผันผวน และตามที่เขียนไปในข้อแรก คือ มูลค่าหายาก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เพราะฉะนั้น หากไม่สามารถลงทุนได้นานๆ ต้องตัดใจขายไป อาจจะต้องขาดทุนเป็นจำนวนมาก หากสามารถลงทุนได้นาน รอเวลาที่ราคาขึ้นไป มีความต้องการสูง แล้วจึงขาย จะทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูง
	ประการที่หก เก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย  ความปลอดภัยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะจากการลักขโมย แต่หมายถึงจากสภาพแวดล้อมและภัยอื่นๆด้วย เช่น งานไม้บางอย่าง หรือ งานศิลปะผ้าทอ อาจถูกแมลงกัดกิน รูปภาพที่เก็บไม่ดี ไวน์ที่รักษาไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมอาจเสียหาย ฯลฯ 
	วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์เก็บไว้ไม่เหมาะสมถูกต้อง คือการลงทุนผ่านกองทุน วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ชอบ อยากจะลงทุน แต่ไม่มีความรู้ และไม่ได้ชอบหรือสนใจ ต้องการเพียงผลตอบแทนจากการลงทุนเท่านั้น  
	ไม่ว่าจะลงทุนด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ข้อแนะนำสำหรับผู้ลงทุนที่อยากลงทุนในงานศิลปะ คือ ต้องมีความมั่งคั่งสูง คือสูงเกินกว่า 200 ล้านบาท หากยึดตามนิยามของ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ที่ดิฉันเคยเขียนไปในตอน “ช่องทางลงทุนใหม่ๆสำหรับคนเงินล้น”  
	สาเหตุไม่มีอะไรมากไปกว่า การลงทุนประเภทนี้ มีสภาพคล่องต่ำ มีความเสี่ยงสูง ราคามีความผันผวนสูง โอกาสได้กำไรพิเศษหรือขาดทุนมากเป็นพิเศษจะสูง  หากเงินลงทุนยังมีจำนวนน้อย ไม่เหมาะสมที่จะลงทุนค่ะ และการลงทุนก็ไม่ควรให้เป็นสัดส่วนสูง คือ อาจจะลงทุนไม่เกิน 5% ของพอร์ตการลงทุนเท่านั้น
	ในปี 2013 ที่ผ่านมา การลงทุนในศิลปะทุกแขนง วัดโดยดัชนี MEI Moses World All Art Index ให้ผลตอบแทน 2.3% และหาดูย้อนหลังตั้งแต่ปี 1967-1993 ดัชนีศิลปะจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้น แต่ในช่วง 1987 เป็นต้นมาจนถึงปี 2013 ดัชนีศิลปะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าดัชนีหุ้น S&P 500 ค่ะ
	อย่างไรก็ดี จะมีศิลปะกลุ่มย่อยบางกลุ่ม ให้ผลตอบแทนดี เช่น กลุ่มศิลปะจีน เพราะมีผู้ประกอบการจีนที่มีความมั่งคั่งสูงขึ้นจำนวนมากในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เศรษฐีใหม่เหล่านี้จึงเสาะแสวงหาศิลปะทั้งเก่าและใหม่มาครอบครองค่ะ
	การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง และเพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการลงทุนในศิลปะ ดิฉันขอยกที่ Melanie Gerlis เขียนไว้ในหนังสือที่ออกใหม่ที่วางตลาดในอังกฤษเมื่อกลางเดือนมกราคม และจะออกวางขายในสหรัฐอเมริกาในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ชื่อ Art as an Investment? A Survey of Comparative Assets ว่า เมื่ออธิบายความเสี่ยงของการลงทุนในศิลปะให้กับผู้ลงทุนอาชีพ เธอได้รับคำตอบกลับมาว่า “ต้องได้ผลตอบแทน 50% จึงจะคุ้มค่าความเสี่ยง”
	แต่ละคนก็จะมองต่างกันค่ะ ผู้ที่รักและชื่นชมในศิลปะ ก็มีจำนวนมากที่ได้สะสม มีความสุข และยังสามารถขายออก ซื้อเข้า โดยได้รับผลตอบแทนในอัตราที่ดีพอสมควร 
	ไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนทุกครั้งค่ะ
	วันนี้ขอจบด้วยข้อคิดของศิลปินเอกของโลกสองท่าน
	“ศิลปะ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นอะไร แต่เป็นเรื่องของการทำให้คนอื่นเห็นอะไร”  - เดการ์
	“เด็กทุกคนเป็นศิลปิน ปัญหาอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรจะยังคงเป็นศิลปินอยู่เมื่อเราโตขึ้น” – ปิกัสโซ
[/size]



ตอบกลับโพส