โค้ด: เลือกทั้งหมด
โลกในมุมมองของ Value Investor 8 มีนาคม 2557
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Hi-So Party
การใช้เวลาว่างเพื่อการพักผ่อนของผมนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการชมละครหลังข่าวในตอนค่ำ เวลาที่ผมไปจ่ายตลาดประจำสัปดาห์ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตามห้างสมัยใหม่นั้น ผมก็มักจะไปแวะตามร้านหนังสือเพื่อที่จะดูว่ามีหนังสือที่เป็นวิชาความรู้ใหม่ ๆ ที่ผมสนใจไหม และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การแวะดูนิตยสารต่าง ๆ บนแผงหนังสือซึ่งส่วนใหญ่ผมก็จะดูแค่นางแบบหรือนายแบบและเรื่องราวที่อยู่บนปกหนังสือ สิ่งที่ผมสนใจนอกจากความรู้และความบันเทิงแล้วก็คือ “เทรนด์หรือกระแสของสังคม” ว่าเป็นอย่างไรหรือกำลังไปทางไหน? สิ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษก็คือเรื่องของดาราหรือคนที่อยู่บนจอทีวีหรืออยู่บนปกนิตยสาร เพราะคนเหล่านี้ก็คือคนที่มีชื่อเสียงหรือกำลัง “ดัง” ด้วยเหตุผลต่าง ๆ และก็มักจะเป็นคนร่ำรวยเป็นที่อิจฉาหรือหมายปองของคนในสังคม พวกเขาเป็น “เซเลบ” และอยู่ในสังคมที่เรียกกันว่าเป็น “Hi-So Party” ความคิดและวิถีชีวิตของพวกเขานั้นมักจะเป็นสิ่งที่ล้ำหรือนำหน้าคนทั่วไปในสังคมหรืออย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่คนในสังคมกำลังทำอยู่ ดังนั้น การติดตามพวกเขาจะทำให้เรารู้ว่าสังคมกำลังคิดและทำอย่างไรและกำลังไปทางไหนซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการลงทุนหรือนักลงทุน เพราะประเด็นของเราก็คือ เราต้องการลงทุนในธุรกิจที่กำลังเติบโต เราต้องการอยู่ในสิ่งที่เป็นอนาคต เราต้องการเข้าใจสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่และกำลังเปลี่ยนไปเพื่อที่เราจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสังคมนั้นได้อย่างราบรื่น
คนที่สูงอายุอย่างผมนั้นหลายคนอาจจะบอกว่าเสียเปรียบที่จะเรียนรู้และเข้าใจความคิดหรือพฤติกรรมของคน “รุ่นใหม่” ข้อนี้ผมก็คิดว่าจริง อย่างไรก็ตาม ผมมีข้อดีที่พอจะชดเชยความเสียเปรียบได้เหมือนกันนั่นก็คือ ผมอาจจะเข้าใจ “การเปลี่ยนแปลง” ได้มากกว่าคนรุ่นใหม่ เหตุผลก็เพราะผมได้เห็นว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายสิบปีนั้นแต่ละช่วงเป็นอย่างไร ใครคือผู้นำหรือเซเลบในสังคม ความคิดของคนและขนบธรรมเนียมประเพณีในสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ซึ่งนั่นก็ส่งผลไปถึงการใช้จ่ายต่าง ๆ และการเติบโตและร่วงโรยของธุรกิจและกิจการต่าง ๆ ของประเทศไทยมากกว่าคนรุ่นใหม่ที่อาจจะเห็นเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่ไม่รู้ว่าในอดีตเป็นอย่างไร และก็อาจจะทำให้ไม่รู้ว่าอนาคตนั้นอาจจะเปลี่ยนไปได้อีกมากน้อยแค่ไหน และนี่ก็เป็นข้อได้เปรียบของคนสูงอายุที่พยายาม “หวนรำลึก” ถึงความหลัง… ตั้งแต่เด็ก
เริ่มตั้งแต่ผมเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับแรกเมื่ออายุประมาณ 10 ขวบเศษ ๆ เมื่อประมาณ 50 ปีมาแล้ว ผมก็รู้จักกับเซเลบคนแรกที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์นั่นก็คือ คุณ อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทย หลังจากได้รับตำแหน่ง คุณอาภัสราก็เป็นข่าวมากมาย และแน่นอนหนึ่งในเรื่องต่าง ๆ ก็คือเรื่องของ “คู่หมาย” ที่เป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวง “Hi-So Party” ซึ่งก็เป็นข้าราชการที่มีอนาคตไกลหรือบุคคลที่สูงศักดิ์ในสายตาของคนในสังคมในช่วงเวลานั้น นั่นก็แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยในช่วงนั้นยังไม่ได้อยู่ใน “เทรนด์” ของการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่จะทำให้มี “เซเลบ” ในวงการอื่น ๆ เป็นเรื่องเป็นราว
ต่อมาเมื่อผมจบปริญญาตรีและเริ่มทำงานเป็นวิศวกรในโรงงานที่อยู่ต่างจังหวัดระดับอำเภอที่เริ่มมีความ “เจริญ” เข้าถึงบ้าง ในช่วงเวลานั้นกลุ่มคนที่สังคมยอมรับว่าร่ำรวยมากกลุ่มหนึ่งก็คือ เจ้าของร้านทองย่านเยาวราช ผมจำไม่ได้ว่ามี “เซเลบ” ที่เป็นเจ้าของร้านทองเยาวราชหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมเจอก็คือ เซเลบ “ระดับท้องถิ่น” ที่เป็นลูกสาวเจ้าของร้านทองในอำเภอที่ผมทำงานอยู่ ผมเองคงเป็น เซเลบระดับท้องถิ่นเหมือนกันเนื่องจากการเป็นวิศวกรในโรงงานขนาดใหญ่ในท้องถิ่นนั้นก็ต้องถือว่ามีศักดิ์ศรีอยู่ไม่น้อยในสายตาของคนที่อยู่ในอำเภอนั้น ผมเองไม่ได้คิดที่จะจีบสาวที่ว่าเป็นเรื่องเป็นราวอะไร เพียงแต่จะยกประเด็นให้เห็นว่า ในช่วงเวลานั้น สังคมไทยกำลังเริ่มมีธุรกิจเกี่ยวกับทองที่กำลังร้อนแรง เป็นจุดที่คนไทยเริ่มมีเงินเหลือและต้องรักษาหรือ “เก็บ” ไว้ในรูปของทองรูปพรรณ การฝากเงินไว้ในธนาคารยังเป็นเรื่องที่ “ใหม่” สำหรับคนจำนวนมาก
ช่วงต่อมาคือยุคที่การเกษตรของไทยกำลังโตเต็มที่นั้น ผมจำได้ว่าเจ้าของโรงสีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนั้น เป็นคนมีชื่อเสียงมากในแวดวงของสังคมและการค้า บ่อยครั้งเขาให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางหรือนโยบายที่รัฐบาลควรทำเมื่อเกิดภาวะผิดปกติหรือภาวะวิกฤติในเรื่องของข้าวที่เป็นพืชผลส่งออกที่ทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นประเทศที่ทำอุตสาหกรรมมากขึ้น เซเลบที่อยู่ในวงการข้าวก็ค่อย ๆ ลดระดับลง จนถึงปัจจุบันแม้ว่าเรายังส่งออกข้าวจำนวนมากไม่น้อยกว่าเดิมแต่ความมั่งคั่งหรือสถานะของคนที่อยู่ในวงการข้าวนั้นไม่อาจเทียบได้กับวงการอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่เติบโตเร็วกว่ามากได้
อุตสาหกรรมแรกที่มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้าง “เซเลบ” ที่รวมไปถึงนักการเมืองชื่อดังก็คืออุตสาหกรรมสิ่งทอ “จ้าวพ่อ” สิ่งทอกลายเป็นคนที่เป็นข่าวมากที่สุดในแวดวงของเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ เวลามีวิกฤติหรือมีปัญหาทั้งเรื่องของการค้าหรือเรื่องแรงงาน หนังสือพิมพ์ก็จะต้องถามเจ้าของโรงงานสิ่งทอรายใหญ่ของประเทศ ความร้อนแรงของธุรกิจสิ่งทอนั้นสะท้อนออกมาทางเพลงซึ่ง “ดังระเบิด” เช่น เพลง “สาวโรงงาน” ที่ชื่อฉันทนา แต่แล้ว เวลาของธุรกิจสิ่งทอก็หมดลง บริษัทสิ่งทอขนาดใหญ่มากบางแห่งก็ล้มละลาย จนถึงปัจจุบันก็ไม่มีเซเลบจากวงการสิ่งทอแล้ว
จากธุรกิจโรงงานก็ข้ามมาถึงธุรกิจบริการ เช่น การเงินโดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับธนาคารและหลักทรัพย์ และต่อมาก็คือสื่อสาร สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์เพื่อค้าและให้เช่า ค้าปลีกและภัตตาคาร นี่คือกลุ่มที่ยังอยู่ใน “เทรนด์” แม้ว่าความร้อนแรงของแต่ละธุรกิจอาจจะมาไม่พร้อมกันเช่นเดียวกับการสิ้นสุดที่น่าจะไม่พร้อมกันเช่นเดียวกัน
ธุรกิจธนาคารนั้น ว่าที่จริงมีเซเลบที่ “ดังระเบิด” ตั้งแต่สมัยที่ผมยังเป็นเด็กและช่วงทำงานใหม่ ๆ เฉพาะอย่างยิ่งก็คือคุณบุญชู โรจนเสถียร อดีตผู้จัดการแบงค์กรุงเทพ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ซาร์เศรษฐกิจ” ที่ต่อมาได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และคนในแวดวงธนาคารต่างก็เป็นข่าวและได้รับการร้องขอคำปรึกษาจากผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐอยู่เป็นประจำ แม้จนถึงทุกวันนี้ นายธนาคารก็ยังเป็นเซเลบอยู่ไม่น้อยซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าธุรกิจธนาคาร “ไม่มีวันตาย” ถัดจากธนาคารแล้ว สื่อสารดูเหมือนจะสร้างเซเลบที่ดังระเบิดสุด ๆ เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าของธุรกิจอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร ดังขนาดกลายเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ ในด้านอื่น ๆ เช่น สุขภาพนั้น ถึงแม้ว่าจะมีน้อยที่เป็นเซเลบแต่ก็อยู่ในระดับที่เป็นคนรวยระดับต้น ๆ ของประเทศเช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดเซเลบมากมายทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์
ในด้านของบุคคลธรรมดาที่ทำเงินจากผลการทำงานของตนเองนั้น ดารา นักร้อง ดูเหมือนว่าจะเป็นเซเลบมากขึ้นมากมายโดยอาจจะมีนักกีฬาที่มีชื่อเสียงตามมาห่าง ๆ โดยที่นักการเมืองที่มีตำแหน่งในระดับรัฐบาลและข้าราชการนั้น ความเป็นเซเลบได้ตกลงมามาก สังคมไทยดูเหมือนว่าจะมุ่งเข้าสู่สังคมของการบริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ และนี่ก็น่าจะเอื้ออำนวยต่อสินค้าหรือบริษัทที่เน้นการบริโภคของประชาชนระดับที่เป็น Mass ที่เน้น “ความหรูหรามีระดับ” แต่มีราคาที่คนส่วนใหญ่พอรับได้ และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงมุมมองเล็ก ๆ เกี่ยวกับการติดตามสังคมของ Hi-So Party ที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนโดยเฉพาะแบบ VI ที่เน้นการลงทุนระยะยาวตามกระแสของสังคม