โค้ด: เลือกทั้งหมด
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 มี.ค. 57
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้นเครื่องแต่งตัว
เมื่อคนมีรายได้มากขึ้นจนสามารถใช้จ่ายในสิ่ง “จำเป็น” ของชีวิต เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และการรักษาโรค ที่เป็นพื้นฐานแล้ว สิ่งต่อมาที่คนจะใช้จ่ายก็คือ การทำให้ตนเอง “ดูดี” โดยเฉพาะในสายตาของเพศตรงข้าม นี่ก็เป็นเรื่อง “ธรรมชาติ” ที่ว่ามนุษย์นั้นมี “ภารกิจสำคัญ” ที่จะต้อง เอาตัวรอดและเผยแพร่เผ่าพันธุ์ การทำให้ตัวเองดูดีขึ้นเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามนี้จึงเป็นธุรกิจใหญ่และจะเติบโตได้ดีในภาวะที่คนในสังคมมีรายได้สูงขึ้นจนผ่านจุดที่มีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นอย่างอื่นแล้วและกำลังก้าวเข้าสู่สังคมที่คนมีรายได้สูงขึ้น อาจจะเรียกว่าเป็นสังคมของ “คนชั้นกลาง” ก็ได้ และนี่ก็คือสิ่งที่ผมคิดว่ากำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย นั่นก็คือ คนไทยกำลังมีเงินมากขึ้นถึงจุดที่จะ “แต่งตัว” กันมากขึ้น และนี่อาจจะทำให้บริษัทหรือหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการแต่งตัวมีโอกาสที่จะเติบโต เป็นโอกาสในการลงทุนของ VI ที่เน้นการลงทุนระยะยาวได้
ความหมายของคำว่า “เครื่องแต่งตัว” ของผมนั้น รวมถึงการทำอะไรก็ได้ที่ทำหรือใช้ “ติดกับตัว” เราที่จะทำให้เรา “ดูดีขึ้น” ดังนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องจึงรวมไปถึงเรื่องที่ลึกลงไปถึงผิวหนังเช่น การศัลยกรรมพลาสติกและการดูแลผิวที่ทำโดยคลินิคเสริมความงามทั้งหลายที่ในปัจจุบันก็ยังไม่มีบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แม้ว่าจะมีการพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ และอาจจะเข้าตลาดในไม่ช้า ธุรกิจนี้ผมคิดว่าน่าสนใจเห็นได้จากการขยายตัวของธุรกิจอย่างรวดเร็วและมีการเปิดกิจการไปทั่วทุกหัวระแหงในที่ชุมนุมชนในเมืองใหญ่ ๆ รวมถึงในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ก็มีคลินิกเสริมความงามเป็นมาตรฐานกันไปแล้ว
ธุรกิจต่อมาก็คือ ธุรกิจเครื่องสำอางซึ่งก็เป็นธุรกิจใหญ่มานานแต่ในช่วงระยะหลังนี้ดูเหมือนว่าจะโตขึ้นไปอีกโดยเฉพาะในเครื่องสำอางที่มีคุณภาพสูงขึ้นแต่ราคากลับไม่สูงมากนัก นอกจากนั้น การใช้เครื่องสำอางของคนไทยในระยะหลังนั้น เพิ่มจำนวนและปริมาณการใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ คนไทยยุคใหม่นี้ไม่ได้ใช้แค่แป้งผัดหน้า แต่เราใช้ตั้งแต่ครีมที่ทำให้ผิวขาว ครีมทาตัวที่ทำให้ผิวนุ่ม เรามีผลิตภัณฑ์สารพัดที่ทำให้ผมและตาดูสวยงามขึ้น เรามีผลิตภัณฑ์สารพัดที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์ นอกจากนั้น ผู้ชายเองก็เริ่มหันมาใช้เครื่องสำอางกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ธุรกิจเครื่องสำอางจึงน่าจะโตได้ดีโดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีคุณภาพแต่มีราคาที่รับได้ของคนชั้นกลาง ซึ่งในตลาดหลักทรัพย์เราก็บริษัทจดทะเบียนที่เพิ่งเข้าตลาดอยู่ 2-3 บริษัทที่ทำธุรกิจนี้เป็นเรื่องเป็นราว
ธุรกิจเสื้อผ้าที่เป็นแฟชั่นนั้นต้องถือว่าอยู่ในตลาดหุ้นมานานมาก อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าหุ้นส่วนใหญ่นั้นเป็นเพียงหุ้น “สิ่งทอ” ที่ผลิตวัตถุดิบป้อนให้กับคนที่ผลิตและขายเสื้อผ้าที่เป็นสินค้าแฟชั่น ซึ่งในกรณีแบบนี้ หุ้นก็จะไม่ใช่หุ้นเครื่องแต่งตัวในนิยามของผมจริง ๆ ในความหมายที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ เสื้อผ้าที่จะเป็นเครื่องแต่งตัวที่คนไทยรุ่นใหม่ที่มีเงินมากขึ้นต้องการนั้น จะต้องเป็นเสื้อผ้าที่มีแบรนด์ที่ดูดี มีราคาที่ไม่แพง และนี่ก็คือสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่จะโตเร็วในสภาวะของประเทศไทยในช่วงนี้ โดยที่หุ้นที่เข้าข่ายก็คล้าย ๆ กับในกรณีของเครื่องสำอางที่มักเป็นบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดในระยะหลัง ๆนอกจากเสื้อผ้าแล้ว พวกรองเท้าและกระเป๋าถือที่เป็นเครื่องหนังก็เป็นเครื่องแต่งตัวอีกอย่างหนึ่งที่โตตามกันไป อย่างไรก็ตาม กิจการเหล่านี้ดูเหมือนว่าในเมืองไทยอาจจะเล็กเกินไปหรือไม่มีบริษัทที่มีศักยภาพเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้
กลุ่มสุดท้ายของเครื่องแต่งตัวก็คือ เครื่องประดับโดยเฉพาะที่เป็นทองหรือเพชรพลอย ดูเหมือนว่าทองที่เคยเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องแต่งตัวหลักสมัยที่ผมยังเป็นเด็กนั้นจะถดถอยไปจนเกือบล้าสมัยแล้ว ส่วนเพชรนั้นผมคิดว่ายังอยู่ในกระแส เหตุผลก็คงเป็นเพราะคนไทยที่เป็นคนชั้นกลางมีรายได้มากขึ้นในขณะที่ราคาของเครื่องประดับเพชรในปัจจุบันจะไม่ได้ปรับขึ้นไปมาก การซื้อเครื่องประดับเพชรจึงน่าจะเป็นธุรกิจที่ยังเติบโตไปได้ และนี่ก็เช่นเดียวกัน บริษัทที่อยู่ในตลาดที่ทำเกี่ยวกับเครื่องประดับเพชรก็ยังค่อนข้างใหม่ และสุดท้ายที่เป็นกลุ่มเล็กและผมไม่รู้จะไปรวมไว้กับใครก็คือ ธุรกิจแว่นตาแฟชั่นซึ่งในเมืองไทยก็ดูเหมือนว่าจะเติบโตขึ้น คนหันมาใส่แว่นมากขึ้น และซักวันหนึ่งเราก็อาจจะมีบริษัทขายแว่นเข้ามาจดทะเบียนก็เป็นได้
ในแง่ของการลงทุน ผมคิดว่าธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องแต่งตัวนั้นมีความน่าสนใจ เหตุผลไม่ใช่แค่ว่ามันเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตเร็วเนื่องจากคนไทยรวยขึ้นและต้องการแต่งตัวมากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นเพราะธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ผลิตสินค้าที่เป็นที่ “ต้องการ” ไม่ใช่สินค้า “จำเป็น” ดังนั้น คนจะยอมจ่ายเงินมากกว่าต้นทุนการผลิตมากด้วยเหตุผลที่ว่าเขา “พอใจ” หรือ “อยากได้” ด้วยเหตุนี้ สินค้าเครื่องแต่งตัวจึงมักจะมีมาร์จินหรือเปอร์เซ็นต์กำไรขั้นต้นต่อยอดขายสูงเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น ๆ อีกหลายอย่าง พูดหยาบ ๆ ก็เช่น เสื้อผ้าขายตัวแถมตัวก็ยังกำไร หรือเพชรเม็ดหนึ่งราคาต้นทุนค่าเพชร 3,000 บาทแต่ขาย 10,000 บาท อย่างไรก็ตาม ถ้าขายน้อยชิ้น กำไรที่ได้อาจจะไม่พอกับค่าเช่าหรือค่าโสหุ้ยอื่น ดังนั้นประเด็นยอดขายที่ทำได้ ซึ่งมักจะอิงกับเรื่องของแบรนด์หรืออื่น ๆ จึงเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายว่าบริษัทไหนจะกำไรหรือขาดทุน หรือบริษัทไหนจะกำไรดีมากและบริษัทไหนจะไปไม่รอด
ความสามารถในการทำการตลาด ซึ่งรวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ การจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการของบริษัทเป็นองค์ประกอบสำคัญในการแข่งขัน บริษัทที่โดดเด่นในช่วงเร็ว ๆ นี้ที่ผมสังเกตเห็นก็คือบริษัทที่ขายสินค้าที่มีคุณภาพดีและตั้งราคาไม่ใคร่แพง
ที่คนชั้นกลางส่วนใหญ่รับได้ การออกแบบหีบห่อนั้นต้องดูทันสมัยแนวเกาหลีหรือญี่ปุ่นในกรณีของเครื่องสำอาง ส่วนทางด้านของเสื้อผ้าและเครื่องประดับอาจจะเป็นแนวของยุโรปที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบ ช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นดูเหมือนว่าคนจะสนใจซื้อจากร้านที่ขายสินค้าเฉพาะอย่างเช่น เป็นร้านขายเสื้อผ้าหรือขายเครื่องสำอางที่คนมีโอกาสเลือกสินค้าได้หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ในกรณีสินค้าราคาถูกลงมาหรือเป็นสินค้าพื้น ๆ นั้น ความสะดวกก็เป็นเรื่องสำคัญในการจัดจำหน่าย
ขนาดของกิจการเทียบกับคู่แข่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะบอกว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จหรือไม่ การมียอดขายที่สูงกว่านั้น ทำให้บริษัทจะมี Economies of Scale คือมีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนซึ่งรวมถึงต้นทุนการผลิตหรือต้นทุนของสินค้า และต้นทุนทางด้านการตลาด การมีสาขาร้านที่ขายสินค้าเฉพาะที่มีจำนวนมากนั้นโดยตัวของมันเองก็เหมือนกับเป็นการโฆษณาเนื่องจากผู้บริโภคจะเห็นบ่อยและช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนั้น บริษัทจะสามารถมีสินค้าหลากหลายกว่าคู่แข่งได้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะดึงดูดให้คนอยากเข้าร้านและเลือกซื้อสินค้าของบริษัทมากกว่าคู่แข่งที่มียอดขายน้อยและ/หรือไม่มี “หน้าร้าน” เพียงพอ ดังนั้น การได้เปรียบทางด้านของต้นทุนไม่เพียงแต่จะทำให้บริษัทกำไรดีแต่ยังทำให้ยอดขายของบริษัทโตเร็วขึ้นและก่อให้เกิดกำไรเพิ่มขึ้นอีก เป็นวงจรแห่งความมั่งคั่ง
ข้อเสียของธุรกิจเครื่องแต่งตัวก็มีอยู่เหมือนกันนั่นคือ ธุรกิจนี้ใช้ทุนไม่มากและการเข้าสู่ธุรกิจทำได้ง่าย นอกจากนั้น ปัจจัยในการแข่งขันเองก็เปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายคล้าย ๆ กับแฟชั่นเหมือนกัน ความนิยมเกาหลีหรือญี่ปุ่นอาจจะเปลี่ยนไป ช่องทางการจัดจำหน่ายก็อาจจะเปลี่ยนไปได้ง่ายเนื่องจากสินค้ามักจะเป็นชิ้นเล็ก ช่องทางใหม่ ๆ และการตลาดแบบใหม่อาจจะทำให้บริษัทที่ดีเยี่ยมเดิมตกยุคหรือล้าสมัย นอกจากนั้น สินค้าจากต่างประเทศที่เรียกว่า Inter Brand ที่โดดเด่นระดับโลกก็มีโอกาสที่จะเข้ามาแข่งขันกับผู้ที่ประสบความสำเร็จเดิมได้ ดังนั้น การติดตามข้อมูลและพัฒนาการของหุ้นเครื่องแต่งตัวเป็นเรื่องสำคัญ ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าหากบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายได้สูง การทำกำไรก็จะดีมาก ซึ่งจะทำให้หุ้นของบริษัทเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ
ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการวิเคราะห์ในด้านของตัวธุรกิจซึ่งจะเห็นว่ามีทั้งโอกาสและความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย การที่จะเลือกลงทุนในหุ้นนั้นเราก็ยังจำเป็นที่จะต้องดูถึงความถูกความแพงหรือความคุ้มค่าของราคาหุ้น สิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึงก็คือค่า PE ของหุ้นเครื่องแต่งตัวนั้น ถ้าสูงเกินไปก็ต้องระวังเนื่องจากธุรกิจนี้ของไทยดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความได้เปรียบที่ยั่งยืนเมื่อเทียบกับบริษัทระดับซุปเปอร์สต็อกของต่างประเทศบางแห่ง