Hydraulic Fracturing เพิ่มศักยภาพให้กับสหรัฐ/ดร.ศุภวุฒิ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

Hydraulic Fracturing เพิ่มศักยภาพให้กับสหรัฐ/ดร.ศุภวุฒิ

โพสต์ โดย Thai VI Article » จันทร์ เม.ย. 14, 2014 1:01 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ความเจริญทางเศรษฐกิจและรายได้ที่สูงขึ้นของชาวอเมริกันทำให้ประเทศสหรัฐใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่การผลิตพลังงานของสหรัฐเริ่มลดลงในทศวรรษ 70 ทำให้สหรัฐต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าสหรัฐจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการประกาศลดการผลิตและปรับขึ้นราคาน้ำมันของประเทศในกลุ่มโอเปกตั้งแต่ปี 1973 แต่สัดส่วนการนำเข้าน้ำมันของสหรัฐก็เพิ่มขึ้นมาตามลำดับ คือการนำเข้าคิดเป็นสัดส่วน 26% ของการใช้น้ำมันทั้งหมดในปี 1985 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 47% ในปี 1989 และแม้ว่าผู้นำสหรัฐทุกคนจะประกาศนโยบายลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันมาโดยตลอด แต่สัดส่วนการนำเข้าน้ำมันก็ยังเพิ่มขึ้นมาเป็น 60% ในปี 2005

เทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติโดยการขุดเจาะแบบทแยงข้าง (horizontal drilling) หรือ Hydraulic Fracturing (HF) นั้นเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นมานานกับ 50 ปีแล้ว แต่ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 1998 และทำให้สหรัฐสามารถเพิ่มผลผลิตทางพลังงาน (น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก) อย่างต่อเนื่อง จนเริ่มมีผลต่อภาพรวมของภาคพลังงานของสหรัฐตั้งแต่ปี 2008 (ซึ่งเป็นปีที่สหรัฐเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อคุณภาพต่ำ (subprime) และอนุพันธ์ทางการเงิน (derivative) จนเข้าสู่สภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง) และน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้นและสร้างรากฐานที่สำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่องไปอีกหลายสิบปี

HF มีส่วนสำคัญยิ่งในการทำให้กระทรวงพลังงานของสหรัฐและสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประเมินว่า

๐ ประเทศสหรัฐจะกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลกภายในปี 2015 และสหรัฐจะพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2035

๐ HF ทำให้ประเมินได้ว่าก๊าซธรรมชาติสหรัฐสามารถขุดเจาะออกมาด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำและคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์นั้นจะมีเพียงพอให้คนอเมริกันใช้ไปได้อีกประมาณ 100 ปี

๐ การผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยอาศัย HF จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว (เพราะต้นทุนต่ำ) เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า ส่งผลให้กลุ่มโอเปกสูญเสียส่วนแบ่งตลาด แต่จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งได้หลังจากปี 2024

การนำ HF มาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตทางพลังงานอย่างก้าวกระโดดของสหรัฐนั้นส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐในหลายด้าน ได้แก่

๐ งานวิจัยชิ้นหนึ่งประเมินว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานจากการใช้ HF เพิ่มการจ้างงาน 2.1 ล้านตำแหน่งในปี 2012 และจะเพิ่มเป็น 3.3 ล้านตำแหน่งในปี 2020

๐ รัฐบาลกลางและรัฐบาลมลรัฐเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 74,000 ล้านเหรียญ

๐ ประชาชนได้ใช้พลังงานที่ราคาถูกลง ทำให้มีรายได้เหลือเพื่อใช้บริโภคสินค้าอื่นประมาณครอบครัวละ 1,200 ดอลลาร์ต่อปี

๐ เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติของสหรัฐต่ำกว่าในยุโรปถึง 65% อุตสาหกรรมสหรัฐจึงมีต้นทุนการผลิตที่ลดลงอย่างมาก นอกจากนั้นการลงทุนที่เคยไหลออกไปยังเอเชียก็เริ่มไหลกลับมายังสหรัฐ เพราะสหรัฐเริ่มเป็นฐานการผลิตที่ทำให้บริษัทและโรงงานมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ

๐ การลดการนำเข้าน้ำมันดิบช่วยให้สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง

การที่สหรัฐต้องพึ่งพาพลังงานจากตะวันออกกลางน้อยลง ทำให้สหรัฐมีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายต่างประเทศมากขึ้น และไม่ต้องทุ่มเทความสนใจพลังงานและทรัพยากรไปที่ตะวันออกมากเช่นที่เคยและน่าเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประธานาธิบดีโอบามาประกาศจะปรับทิศทางนโยบายมาสู่เอเชีย (Asia Pivot)

ตั้งแต่ปี 2008 การผลิตน้ำมันของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นนั้นมีปริมาณสูงกว่าการส่งออกของอิหร่านทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าหากไม่มีการเพิ่มการผลิตดังกล่าว สหรัฐก็คงจะไม่สามารถคว่ำบาตรอิหร่านจนประสบผลสำเร็จทำให้อิหร่านต้องยอมมาเจรจากับสหรัฐและยุโรปในที่สุด

ในการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและยุโรปกับรัสเซียเกี่ยวกับการรุกรานไครเมียในประเทศยูเครนนั้น บางฝ่ายเสนอแนะให้สหรัฐใช้ศักยภาพในการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกดดันรัสเซียซึ่งพึ่งพาการส่งออกพลังงานดังกล่าวในการสร้างรายได้หลักของประเทศ เช่น การเสนอให้รัฐบาลสหรัฐยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันดิบ การเร่งอนุมัติการสร้างโรงงานแปรสภาพก๊าซธรรมชาติให้เป็นก๊าซธรรมชาติเหลวเพื่อส่งออก เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดของรัสเซีย ลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียของประเทศพันธมิตรในยุโรปและเพื่อลดราคาพลังงานในตลาดโลกและการอนุมัติให้ก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน Keystone ส่วนที่ 4 จากแคนาดามายังสหรัฐ

HF ต้องใช้ของเหลวและทรายสร้างแรงกดดันเพื่อให้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบไหลออกมาจากชั้นหิน ซึ่งการขุดเจาะแบบปกติทำไม่ได้ แต่การที่ต้องปั๊มของเหลวและทรายลึกลงไปในพื้นดินข้างล่าง สร้างความกังวลอย่างมากให้กับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งกล่าวหาว่า HF อาจทำให้เกิดมลภาวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้น้ำบาดาลเป็นพิษและอาจทำให้ก๊าซอื่นๆ รั่วไหลออกมาจนเป็นอันตรายต่อชุมชนได้ นอกจากนั้น ยังมีการอ้างอิงว่า HF อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งขึ้นก็เป็นได้ และประเด็นที่กล่าวถึงทั้งหมดนี้ยังเป็นข้อถกเถียงกันที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้

ความเป็นห่วงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นทำให้ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปยังไม่อนุมัติให้นำเอา HF มาใช้ แต่รัฐบาลบางประเทศเริ่มมีท่าทียอมรับ HF มากขึ้น เช่น อังกฤษที่กำลังจะยกเลิกการห้ามใช้ HF แต่จะพิจารณาผลดี-ผลเสียเป็นกรณีๆ ไป และโปแลนด์ซึ่งปัจจุบันต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียประมาณ 60-70% ของก๊าซที่ใช้ทั้งหมดก็กำลังจะเร่งรัดกระบวนการอนุมัติการใช้ HF ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
[/size]



ตอบกลับโพส