หนังสือกุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ถ้าคุณwebจะแปลเล่มต่อไป
ผมอยากให้แปล the warren buffett way editionใหม่
ที่ R. HAGSTROM เพิ่งเขียนออกมา
เห็นเค้าลงว่าreviewการลงทุนช่วงหลังของw.buffett
หลังจากที่เคยออกeditionก่อน
ห่างกัน10+ปี
editionที่แล้วก็ขายดีเป็นnational best seller
editionหลังก็น่าจะขายดีอีก
เพราะแฟนๆคงอยากติดตามว่าตัวw.buffett
มีแนวทางการลงทุนอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เช่น การลงในประเทศจีน
ผมอยากให้แปล the warren buffett way editionใหม่
ที่ R. HAGSTROM เพิ่งเขียนออกมา
เห็นเค้าลงว่าreviewการลงทุนช่วงหลังของw.buffett
หลังจากที่เคยออกeditionก่อน
ห่างกัน10+ปี
editionที่แล้วก็ขายดีเป็นnational best seller
editionหลังก็น่าจะขายดีอีก
เพราะแฟนๆคงอยากติดตามว่าตัวw.buffett
มีแนวทางการลงทุนอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เช่น การลงในประเทศจีน
guru แนวvi มีหลายท่าน หลายสไตล์มากครับ
peter lynch สุดยอดviแนวครบเครื่อง
เล่นได้หลายแนวทั้งรุก ทั้ง ถอย
แต่หาคนทำได้แบบเค้ายากสุดๆ
ต้องวิเคราะห์หุ้นอย่างรอบด้าน และเกาะติด
ถ้าไม่ดีพร้อมจะกระโดดหนี
แต่ถ้าแนวของwarren buffett
รู้ให้จริงไม่กี่ตัว
วิเคราะห์ให้รอบด้าน
นั่งรอไปเรื่อยๆ
จนถึงราคาระดับที่ไม่น่าจะเจออีกในชาตินี้
อย่างที่เค้าบอกว่าซื้อแบบชาตินี้จะซื้อหุ้นได้แค่ไม่เกิน10ครั้ง
ค่อยลุยเก็บให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
จากนั้นคอยดูเฉพาะผลประกอบการณ์ที่ออกมา
ไม่ต้องสนใจราคาหุ้นในตลาด
กลยุทธแลดูไม่ยากแต่ใจต้องนิ่ง และ แข็งเป็นหิน
เค้าทำแบบนี้ทำให้เป็นนักลงทุนเบอร์1ของโลก
the warren buffett wayเป็นหนังสือเล่มนึง
ที่รวบรวมความคิดในการลงทุนแนวของw.buffett
ได้เป็นระบบที่สุด
และเป็นหนึ่งในหนังสือแนวviที่อจ.นิเวศน์แนะนำไว้ครับ
peter lynch สุดยอดviแนวครบเครื่อง
เล่นได้หลายแนวทั้งรุก ทั้ง ถอย
แต่หาคนทำได้แบบเค้ายากสุดๆ
ต้องวิเคราะห์หุ้นอย่างรอบด้าน และเกาะติด
ถ้าไม่ดีพร้อมจะกระโดดหนี
แต่ถ้าแนวของwarren buffett
รู้ให้จริงไม่กี่ตัว
วิเคราะห์ให้รอบด้าน
นั่งรอไปเรื่อยๆ
จนถึงราคาระดับที่ไม่น่าจะเจออีกในชาตินี้
อย่างที่เค้าบอกว่าซื้อแบบชาตินี้จะซื้อหุ้นได้แค่ไม่เกิน10ครั้ง
ค่อยลุยเก็บให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
จากนั้นคอยดูเฉพาะผลประกอบการณ์ที่ออกมา
ไม่ต้องสนใจราคาหุ้นในตลาด
กลยุทธแลดูไม่ยากแต่ใจต้องนิ่ง และ แข็งเป็นหิน
เค้าทำแบบนี้ทำให้เป็นนักลงทุนเบอร์1ของโลก
the warren buffett wayเป็นหนังสือเล่มนึง
ที่รวบรวมความคิดในการลงทุนแนวของw.buffett
ได้เป็นระบบที่สุด
และเป็นหนึ่งในหนังสือแนวviที่อจ.นิเวศน์แนะนำไว้ครับ
กับมุมมองของคุณคัดท้าย ผมขอแสดงความเห็นใน 3 ฐานะครับ
ในฐานะคนแปลหนังสือ
คนจำนวนมากที่ลงทุนในตลาดหุ้นยังไม่เห็นความจำเป็นของการอ่านหนังสือครับ คนที่คิดว่าต้องอ่าน หลายๆคนก็จะเลือกอ่านหนังสือแนวง่ายๆหรือหนังสือดังๆ หนังสือไม่ดังอาจจะขายไม่ดีเท่าที่ควรแม้ว่าหนังสือจะดีก็ตาม หนังสือเกี่ยวกับนักลงทุนดังๆอย่างบัฟเฟตต์ถ้าออกมาหลายเล่ม คนก็อาจจะเลือกซื้อเป็นบางเล่มเท่านั้น ( ไม่นับรวมคนที่ชอบ process ของการลงทุนอย่างแท้จริงอย่างสมาชิกของเวบนี้) เวลาจะทำหนังสือ ทางสำนักพิมพ์ต้องคำนึงถึงความต้องการของตลาดอยู่พอสมควรครับ
ในฐานะนักลงทุน
ผมว่าการอ่านหนังสือลงทุนอย่างหลากหลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ครับ แม้เราจะมีแนวคิดหลักๆอยู่และจะเน้นอ่านหนังสือกลุ่มหนึ่งๆอย่างเช่น value investing เป็นพิเศษ แต่หนังสืออื่นๆที่ไม่ใช่แนว value โดยตรงก็จะให้มุมมองที่เป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น the education of a speculator ของ victor niederhoffer ( victor เป็น fund manager ที่ประสบความสำเร็จมากก่อนที่จะมาเจ๊งหุ้น ktb จนต้องปิดกองทุนและขนสมบัติเก่าออกมาขายเลี้ยงชีพ) no bull ของ michael steinhardt ( hedge fund manager ระดับเดียวกับ soros )
ในฐานะแฟนคลับของบัฟเฟตต์
อะไรที่เกี่ยวกับบัฟเฟตต์ ผมซื้อหมดแหละครับ แฮะๆ
ในฐานะคนแปลหนังสือ
คนจำนวนมากที่ลงทุนในตลาดหุ้นยังไม่เห็นความจำเป็นของการอ่านหนังสือครับ คนที่คิดว่าต้องอ่าน หลายๆคนก็จะเลือกอ่านหนังสือแนวง่ายๆหรือหนังสือดังๆ หนังสือไม่ดังอาจจะขายไม่ดีเท่าที่ควรแม้ว่าหนังสือจะดีก็ตาม หนังสือเกี่ยวกับนักลงทุนดังๆอย่างบัฟเฟตต์ถ้าออกมาหลายเล่ม คนก็อาจจะเลือกซื้อเป็นบางเล่มเท่านั้น ( ไม่นับรวมคนที่ชอบ process ของการลงทุนอย่างแท้จริงอย่างสมาชิกของเวบนี้) เวลาจะทำหนังสือ ทางสำนักพิมพ์ต้องคำนึงถึงความต้องการของตลาดอยู่พอสมควรครับ
ในฐานะนักลงทุน
ผมว่าการอ่านหนังสือลงทุนอย่างหลากหลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ครับ แม้เราจะมีแนวคิดหลักๆอยู่และจะเน้นอ่านหนังสือกลุ่มหนึ่งๆอย่างเช่น value investing เป็นพิเศษ แต่หนังสืออื่นๆที่ไม่ใช่แนว value โดยตรงก็จะให้มุมมองที่เป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น the education of a speculator ของ victor niederhoffer ( victor เป็น fund manager ที่ประสบความสำเร็จมากก่อนที่จะมาเจ๊งหุ้น ktb จนต้องปิดกองทุนและขนสมบัติเก่าออกมาขายเลี้ยงชีพ) no bull ของ michael steinhardt ( hedge fund manager ระดับเดียวกับ soros )
ในฐานะแฟนคลับของบัฟเฟตต์
อะไรที่เกี่ยวกับบัฟเฟตต์ ผมซื้อหมดแหละครับ แฮะๆ
ผมอ่านจบแล้วครับ
เคยอ่านเล่มจริงภาษาอังกฤษมาก่อนแล้ว
เป็นหนังสือแนวviที่ดีมากเล่มนึง
เค้าจะต่างจากเล่มอื่นตรง"ตัวเร่ง"
คือจะซื้อโดยเปรียบเทียบ มูลค่า กับ เวลา
แนวviเล่มอื่นๆมักจะมองแค่ราคาต่ำกว่ามูลค่าจริงมากๆ
แต่ไม่รู้ว่าตลาดจะรับรู้มูลค่านั้น
ทำให้ราคาวิ่งขึ้นมารับเมื่อใด
ยอมรับว่าอ่านภาษาอังกฤษแบบ"เปิดdict' ทีคำ"
จับใจความได้ครับแต่ไม่ได้อรรถรส
อ่านที่คุณwebแปลรวดเดียวจบ
ได้ทั้งอรรถรสและใจความครบถ้วน
ผมเคยอ่านหนังสือแปลการลงทุน
ที่ผู้แปลไม่ได้มีความรู้ในการลงทุนเลย
ผล.....อ่านไม่รู้เรื่องครับ
เพราะแปลตามตัวอักษรตรงๆเลย
คุณwebเริ่มสร้างความรับรู้ในใจผู้อ่าน(=สร้างแบรนด์)
ว่าถ้ายี่ห้อ"wisdomwork press"+web
ก็เป็นหนังสือแปลการลงทุนแนวviชั้นดี
หวังว่าคุณwebคงจะสรรหาหนังสือแนวviแบบนี้
แปลออกมาให้พวกเราได้อ่านกันอีก
อย่าเพิ่งเปลี่ยนแนวไปทางmarketingหรือpersonal finance
เพราะมีคนออกมาเยอะมาก
(อยากอ่านessay of warren buffet ฉบับแปล
ก็พอดีคุณwebบอกว่ายังไม่ได้ลิขสิทธิ)
เคยอ่านเล่มจริงภาษาอังกฤษมาก่อนแล้ว
เป็นหนังสือแนวviที่ดีมากเล่มนึง
เค้าจะต่างจากเล่มอื่นตรง"ตัวเร่ง"
คือจะซื้อโดยเปรียบเทียบ มูลค่า กับ เวลา
แนวviเล่มอื่นๆมักจะมองแค่ราคาต่ำกว่ามูลค่าจริงมากๆ
แต่ไม่รู้ว่าตลาดจะรับรู้มูลค่านั้น
ทำให้ราคาวิ่งขึ้นมารับเมื่อใด
ยอมรับว่าอ่านภาษาอังกฤษแบบ"เปิดdict' ทีคำ"
จับใจความได้ครับแต่ไม่ได้อรรถรส
อ่านที่คุณwebแปลรวดเดียวจบ
ได้ทั้งอรรถรสและใจความครบถ้วน
ผมเคยอ่านหนังสือแปลการลงทุน
ที่ผู้แปลไม่ได้มีความรู้ในการลงทุนเลย
ผล.....อ่านไม่รู้เรื่องครับ
เพราะแปลตามตัวอักษรตรงๆเลย
คุณwebเริ่มสร้างความรับรู้ในใจผู้อ่าน(=สร้างแบรนด์)
ว่าถ้ายี่ห้อ"wisdomwork press"+web
ก็เป็นหนังสือแปลการลงทุนแนวviชั้นดี
หวังว่าคุณwebคงจะสรรหาหนังสือแนวviแบบนี้
แปลออกมาให้พวกเราได้อ่านกันอีก
อย่าเพิ่งเปลี่ยนแนวไปทางmarketingหรือpersonal finance
เพราะมีคนออกมาเยอะมาก
(อยากอ่านessay of warren buffet ฉบับแปล
ก็พอดีคุณwebบอกว่ายังไม่ได้ลิขสิทธิ)
เห็นด้วยครับ เหมือนที่ คิโยซากิ เขียนไว้ว่า เค้าเขียนหนังสือ Best Seller ไม่ใช่ Best Book แต่ของคุณ WEB คงจะเป็น GoodBook และ Best Seller ด้วยยิ่งดี
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ คนส่วนใหญ่ (ผมก็เป็น) ชอบรวยเร็วๆ ง่ายๆ (แบบซื้อหวย) ดังนั้น เนื้อหาหนังสือแนวนี้ก็ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ ถ้าจะให้ขายดีจริงๆ ต้องแนวๆ "ยี่สิบหุ้นคุณค่า ทีเด็ดเซียนหุ้น" อะไรทำนองนั้น คือ บอกกันจะจะไปเลย ว่า มีตัวไหนบ้าง และดียังไง วิเคราะห์งบการเงินกันเห็นๆ วิเคราะห์ธุรกิจกันจะจะ แบบนั้นขายดีแน่ๆ (ผมก็คงซื้อด้วยคนนึง อิอิ)
แต่นั่นคงไม่ใช่ เป้าหมายของคุณ WEB นะครับ ที่อยากให้คนศึกษาหาความรู้วิเคราะห์เองได้ เพราะแต่ละคนมี Circle of Competence ไม่เหมือนกัน เหมือนที่คุณ วิบูลย์บอก
ข้อเสียอย่างนึงของการตั้งชื่อให้คนคาดหวังสูง คือ เมื่่ออ่านไปแล้ว แต่ไม่ได้ดังหวัง เช่น เข้าใจยากเพราะไม่มีพื้นฐาน หรือ ไม่ได้ซื้อขายกันง่ายๆ เร็วๆ ต้องอดทนนาน ก็ทำให้คนอ่านผิดหวังและพาลจะเลิกอ่าน เล่มนี้ และอาจจะไม่ซื้อเล่มต่อไป น่ะซีครับ
ยังไงผมก็คิดว่า เล่มหน้า ตั้งชื่อไทยให้มันหวือหวาหน่อย และ หน้าปกให้สีสันฉูดฉาดหน่อย มีรูปน้องพอลล่า ้ด้วยยิ่งขายระเบิด ดีมั้ยครับเพื่อนๆ
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ คนส่วนใหญ่ (ผมก็เป็น) ชอบรวยเร็วๆ ง่ายๆ (แบบซื้อหวย) ดังนั้น เนื้อหาหนังสือแนวนี้ก็ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ ถ้าจะให้ขายดีจริงๆ ต้องแนวๆ "ยี่สิบหุ้นคุณค่า ทีเด็ดเซียนหุ้น" อะไรทำนองนั้น คือ บอกกันจะจะไปเลย ว่า มีตัวไหนบ้าง และดียังไง วิเคราะห์งบการเงินกันเห็นๆ วิเคราะห์ธุรกิจกันจะจะ แบบนั้นขายดีแน่ๆ (ผมก็คงซื้อด้วยคนนึง อิอิ)
แต่นั่นคงไม่ใช่ เป้าหมายของคุณ WEB นะครับ ที่อยากให้คนศึกษาหาความรู้วิเคราะห์เองได้ เพราะแต่ละคนมี Circle of Competence ไม่เหมือนกัน เหมือนที่คุณ วิบูลย์บอก
ข้อเสียอย่างนึงของการตั้งชื่อให้คนคาดหวังสูง คือ เมื่่ออ่านไปแล้ว แต่ไม่ได้ดังหวัง เช่น เข้าใจยากเพราะไม่มีพื้นฐาน หรือ ไม่ได้ซื้อขายกันง่ายๆ เร็วๆ ต้องอดทนนาน ก็ทำให้คนอ่านผิดหวังและพาลจะเลิกอ่าน เล่มนี้ และอาจจะไม่ซื้อเล่มต่อไป น่ะซีครับ
ยังไงผมก็คิดว่า เล่มหน้า ตั้งชื่อไทยให้มันหวือหวาหน่อย และ หน้าปกให้สีสันฉูดฉาดหน่อย มีรูปน้องพอลล่า ้ด้วยยิ่งขายระเบิด ดีมั้ยครับเพื่อนๆ
แต่ เอ คิดไปคิดมา แบบนั้นคงจะดีจริงๆ นะครับ แบบว่าให้คุณวิบูลย์ วิเคราะห์ธุรกิจ (Qualitative) และ คุณฉัตรชัย วิเคราะห์ฐานะการเงิน คุณ มนวิเคราะห์ Fvie Force การตลาด และข้อมูลด้านธุรกิจที่เกี่ียวข้อง โดยยกตัวอย่างหุ้นจริง ซัก 3 ตัวเพื่อเป็นตัวอย่างก็พอ หรือ จะยี่สิบตัว ก็คงจะดีหลาย แต่หนังสือคงต้องหลายเล่มเป็น Series ทีเดียว
แบบนั้น ผมคงอดใจรอซื้อแทบไม่ไหวเหมือนกัน
ปล. ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ เรียนรู้เยอะๆ ครับ เดี๋ยวจะโดนด่าหาว่าโง่ ไม่มีทางรู้ทันใครบางคน 555
แบบนั้น ผมคงอดใจรอซื้อแทบไม่ไหวเหมือนกัน
ปล. ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ เรียนรู้เยอะๆ ครับ เดี๋ยวจะโดนด่าหาว่าโง่ ไม่มีทางรู้ทันใครบางคน 555
อยากอ่านฉบับแปลของthe essays of warren buffetมากครับ
ผมซื้อฉบับภาษาอังกฤษมานานแล้ว
ยอมรับตามตรงว่าอ่านได้แค่60%
อ่านได้เฉพาะตรงfinanceกับช่วงท้ายๆ
ส่วนตรงบทแรกๆที่เกี่ยวกับบรรษัทภิบาล
อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ
เพราะโดยส่วนใหญ่เรามักจะได้อ่าน
"บทสรุปของผู้เขียน"ต่อความคิดการลงทุนของเค้า
อันนี้เค้าออกมาพูดเองจากปากจริงๆ
โดยเฉพาะสำนวนที่ปนหยิกแกมหยอกและ
นิทานเปรียบเทียบให้เห็นภาพพจน์อย่างชัดเจน
เสียดายที่คุณwebไม่ได้ลิขสิทธิจากคนเขียน
ผมซื้อฉบับภาษาอังกฤษมานานแล้ว
ยอมรับตามตรงว่าอ่านได้แค่60%
อ่านได้เฉพาะตรงfinanceกับช่วงท้ายๆ
ส่วนตรงบทแรกๆที่เกี่ยวกับบรรษัทภิบาล
อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ
เพราะโดยส่วนใหญ่เรามักจะได้อ่าน
"บทสรุปของผู้เขียน"ต่อความคิดการลงทุนของเค้า
อันนี้เค้าออกมาพูดเองจากปากจริงๆ
โดยเฉพาะสำนวนที่ปนหยิกแกมหยอกและ
นิทานเปรียบเทียบให้เห็นภาพพจน์อย่างชัดเจน
เสียดายที่คุณwebไม่ได้ลิขสิทธิจากคนเขียน
ยังไม่เคยอ่านเรื่องmargin of safetyเลยครับ
คงหมดไปนานแล้ว
ผมลองหาดูในweb ของ asiabook กับ ของศูนย์หนังสือจุฬา
ไม่เคยเห็นลงโฆษณาไว้เลย
อยากให้คุณwebแปลของpeter lynchทั้ง2เล่ม
คือone up .. และ beating the street
คงยังไม่มีใครได้ลิขสิทธหรือหมดไปแล้ว
เพราะแปลแบบจับใจความโดยเนชั่นไว้นานแล้ว
ใจผมชอบbeating the street มากกว่า
เพราะเค้าจะบอกนิสัยของหุ้นเป็นกลุ่มๆ
ตามหมวดแบบเดียวกับตลาดหลักทรัพย์
เช่น ค้าปลีก finance ก่อสร้าง...
(แตกต่างจากone up.. ที่แบ่งโดยใช้ลักษณะของgrowth)
วิธีการเลือกและการติดตามผลงาน
วิธีการเลือกกองทุนรวม
ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับชาวviมาก
และน่าจะขายดีเพราะอจ.นิเวศน์เชียไว้เยอะ
คงหมดไปนานแล้ว
ผมลองหาดูในweb ของ asiabook กับ ของศูนย์หนังสือจุฬา
ไม่เคยเห็นลงโฆษณาไว้เลย
อยากให้คุณwebแปลของpeter lynchทั้ง2เล่ม
คือone up .. และ beating the street
คงยังไม่มีใครได้ลิขสิทธหรือหมดไปแล้ว
เพราะแปลแบบจับใจความโดยเนชั่นไว้นานแล้ว
ใจผมชอบbeating the street มากกว่า
เพราะเค้าจะบอกนิสัยของหุ้นเป็นกลุ่มๆ
ตามหมวดแบบเดียวกับตลาดหลักทรัพย์
เช่น ค้าปลีก finance ก่อสร้าง...
(แตกต่างจากone up.. ที่แบ่งโดยใช้ลักษณะของgrowth)
วิธีการเลือกและการติดตามผลงาน
วิธีการเลือกกองทุนรวม
ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับชาวviมาก
และน่าจะขายดีเพราะอจ.นิเวศน์เชียไว้เยอะ


เชี่ยร์ one up ด้วยคนครับ
ดร.นิเวศน์ บอก หนังสือนี้ ขึ้นแท่น คู่กับ
2 เล่ม คลาสสิคตลอดกาลไปแล้ว
คือ intelligent กับ common
อ้อ อย่าลืม copy หน้าปกมาด้วยนะครับ
ทำมันๆ สวยๆ ขายดีแน่นอนครับ
หนังสือมันพิสูจน์ ตัวมันมาแล้ว ทั่วโลกครับ
ขอให้มีเจ๋งๆ ในเมืองไทยอีกสักที่เถอะครับ


เชื่อผมเต๊อะ อิอิ.... เล่มนี้ดีจริงๆ อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ
เล่มนี้นะครับ อีก10-20 ปี ก็ยังขายได้
คิดดูครับ ค่าลิขสิทธิ์ มันจะขนาดไหน
อิอิ... เชียร์ออกนอกหน้าไปป่าวเนี่ย ....