นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลก/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลก/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ โดย Thai VI Article » อาทิตย์ พ.ค. 13, 2018 8:10 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    การกลับมาของ มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในวัย 92 ปีนั้น  ต้องถือว่าเป็นปรากฎการณ์สำคัญทางการเมืองของมาเลเซียที่พรรคอัมโนที่เป็นรัฐบาลมาเลเซียมากว่า 60 ปีต่อเนื่องกันต้องมาพ่ายแพ้แก่คนแก่อายุ 92 ปี  นี่สำหรับผมแล้วก็ต้องบอกว่า “น่าทึ่ง” และเป็นการบอกอีกอย่างหนึ่งว่าในทางการเมืองแล้ว  “อายุเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น”  และก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนที่จะประสบความสำเร็จเป็น  “นักการเมืองที่ยิ่งใหญ่”  แต่นอกจากในเรื่องของการเมืองแล้ว  ผมก็คิดว่าในเรื่องของการลงทุนเองนั้น  อายุก็ไม่เป็นอุปสรรคเช่นเดียวกัน  ว่าที่จริง  อายุอาจจะเป็นข้อได้เปรียบด้วยซ้ำ  เพราะผมดูแล้ว  นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของโลกที่เรายอมรับกันนั้น  ต่างก็มีอายุมากกันทั้งนั้น  และวันนี้เรามาดูกันว่าใครคือ  “นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของโลก”  ทั้งอดีตและปัจจุบัน

    คนที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลกได้นั้น  ผมคิดว่าเขาต้องมีคุณสมบัติบางอย่างดังต่อไปนี้

    ข้อแรกก็คือ  เขาจะต้องเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถสูง  ในระยะยาวแล้วสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงเมื่อเทียบกับมาตรวัดที่กำหนดเช่น  ถ้าเป็นนักลงทุนในหุ้นก็ต้องเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นเป็นต้น  อย่างไรก็ตาม  ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูงที่สุดหรือสูงลิบลิ่วแม้ว่าคนที่ทำอย่างนั้นได้ก็อาจจะเข้าข่ายเป็นนักลงทุนระดับโลกได้

    ข้อสอง  เขามักจะต้องเป็น “ผู้นำ” และ “ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับ”  ในแนวความคิดและการลงทุน “ใหม่”  ที่ต่อมาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง  นี่ก็มักทำให้คนที่มีทฤษฎีหรือมีความเป็นนักวิชาการเข้าข่ายได้รับการยอมรับว่าเป็นนักลงทุนเอกของโลกได้ง่ายกว่าคนที่ปฏิบัติอย่างเดียว  อย่างไรก็ตาม  นักวิชาการแท้ ๆ  เช่นฟามาหรือนักวิชาการที่ทำงานการลงทุนบ้างอย่างมัลคีลที่เขียนหนังสือ Random Walk Down Wall Street จะไม่ถูกจัดอยู่ในรายชื่อนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของโลก

    ข้อสาม  นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลกส่วนใหญ่ก็มักจะมีพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่และมีสถิติที่เปิดเผยหรือใหญ่พอที่จะเป็นที่สังเกตได้ในที่สาธารณะและจากการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญหรือสื่อมวลชนที่มีมาตรฐานสูง

    ข้อสี่ก็คือ  นักลงทุนเอกของโลกนั้นมักจะเป็นคนที่ “สร้างตนเอง” จากการลงทุน  หลายคนหรือส่วนใหญ่นั้น  มาจากครอบครัวที่ยากจน  แต่ถ้ามาจากครอบครัวที่มั่งคั่งนั้นก็มักจะไม่ได้อาศัยเงินต้นทุนจากทางบ้าน  อย่างไรก็ตาม  คนที่รวยมาก ๆ  อย่างเจ้าชาย Alwaleed แห่งซาอุดิอาระเบียซึ่งบริหารเงินลงทุน Kingdom Holding และประสบความสำเร็จมากนั้น  ก็มักจะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ระดับต้น ๆ ของโลกที่ผมจะกล่าวต่อไป

    สำหรับผมและน่าจะอีกหลายคนที่จัดอันดับ  ผมคิดว่าคนหนึ่งที่ไม่เคยมีใครปฎิเสธว่าต้องเป็น 1 ใน 10 ของนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลกก็คือ  เบน เกรแฮม  เหตุผลนั้นชัดเจน  เพราะ เบน เกรแฮม  นั้นถือว่าเป็น  “ต้นตำรับ” หรือเป็นคนแรกที่วิเคราะห์และประเมินมูลค่าของหลักทรัพย์อย่างเป็นระบบ  เป็นฐานในการวิเคราะห์การลงทุน  เป็น “บิดา” ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และการลงทุนแบบ VI   ส่วนในเรื่องของการลงทุนเองนั้น  แม้ว่าเขาจะไม่รวยนักแต่ก็สร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงอายุของเขา

    คนที่สองก็คือ  วอเร็น บัฟเฟตต์  นี่คือนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในโลกในแง่ของขนาดของพอร์ตซึ่งก็มาจากผลการลงทุนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของโลกที่ทำได้ถึงประมาณ 20% ต่อปีแบบทบต้นติดต่อกันถึงกว่า 50 ปี  ปีนี้ วอเร็น บัฟเฟตต์ ก็อายุ 88 ปีแล้ว  เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะยังบริหารเบิร์กไชร์อยู่เมื่อเขาอายุ 92 ปีอย่างมหาเธร์

    คนที่สามนั้นผมอยากจะพูดถึงนักลงทุนที่เป็นแนว Growth หรือเน้นการเติบโตที่เป็นที่ยอมรับ  เรื่องนี้นักลงทุนในแนว VI และศรัทธาในตัวบัฟเฟตต์อาจจะมองว่า ฟิลิป ฟิสเชอร์ น่าจะถือว่าเป็นนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลกเพราะบัฟเฟตต์ยกย่องเขามาก   แต่มองกว้างขึ้นในระดับโลกแล้ว  ผมคิดว่าตำแหน่งน่าจะตกอยู่กับ T. Rowe Price Jr. ซึ่งคนในแวดวงการลงทุนถือว่าเป็นผู้ก่อตั้งหรือ  “บิดา”  ของการลงทุนแบบ Growth  ตัวจริง  ส่วนฟิสเชอร์นั้น  ที่โดดเด่นดูเหมือนจะเป็นการเขียนหนังสือมากกว่าผลงานการลงทุนจริง ๆ

    คนที่สี่ผมคิดว่าเป็น Jesse Livermore ซึ่งเป็นคนที่ “บุกเบิก” การ “เทรดหุ้นและโภคภัณฑ์”  และได้ชื่อว่าเป็น  “นักเทรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก” ในช่วงชีวิตของเขานั้น  เขาทั้งประสบความสำเร็จและร่ำรวยระดับประเทศและในบางครั้งก็ล้มเหลวล้มละลายและต้องฆ่าตัวตายในที่สุด  อย่างไรก็ตาม  การเทรดหุ้นหรือหลักทรัพย์ก็ยังเป็นที่ยอมรับและทำกันทั่วโลกถึงปัจจุบัน  ดังนั้น  ชื่อของเขาก็น่าจะต้องติดอยู่ในทำเนียบนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก 1 ใน 10 คน

    คนที่ห้าคือ John Bogle ผู้บุกเบิกการลงทุนแบบ Passive หรือ Index Fund ผ่านบริษัท Vanguard  ที่เขาก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อน  ปัจจุบันนี้ก็ต้องถือว่าเป็นกองทุนอิงดัชนีที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จสูงสุด  เพราะคนในปัจจุบันยอมรับว่านี่คือกองทุนที่ดีสุดสำหรับประชาชนทั่วไปที่อยากลงทุนในตลาดหลักทรัพย์  ดังนั้น  ชื่อของ Bogle จึงไม่มีทางที่จะหลุดจากการเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 10 คนอย่างแน่นอน

    คนที่หกผมคงยกให้กับ John Templeton  ซึ่งก็คือนักลงทุนคนแรกที่บุกเบิกตลาดต่างประเทศอย่างเป็นเรื่องเป็นราวและประสบความสำเร็จ  ในปัจจุบันนี้การลงทุนในต่างประเทศและทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนเพิ่มนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ  แต่สมัยกว่า 50 ปีมาแล้วนั้น  การที่เทมเปิลตันเริ่มเข้าไปลงทุนในตลาดญี่ปุ่นก็ต้องถือว่าเป็นความคิดที่สร้างสรรค์มาก  เซอร์จอห์น เทมเปิลตัน เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2008 ขณะอายุได้ 96 ปี ก็ต้องถือว่าเป็นนักลงทุนที่อายุยืนมากอีกคนหนึ่งในยุคของเขา

    คนที่เจ็ดนั้นผมคิดว่าน่าจะเป็น Bill Gross ซึ่งบริหารกองทุนพันธบัตรเป็นหลัก  บางคนให้ฉายาเขาว่าเป็น “Bond King” หรือราชันแห่งพันธบัตร  เขาเคยเป็นผู้บุกเบิกและบริหารกองทุนพันธบัตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือ Pimco

    คนที่แปดนั้น  ผมยกให้ Carl Icahn  “นักล่ากิจการ” นักธุรกิจและผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์ที่ประสบความสำเร็จสูง  บทบาทของเขาในฐานะที่เป็น Activist หรือนักเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นนั้น  น่าจะช่วยให้บริษัทในตลาดมีระบบ Governance หรือบรรษัทภิบาลที่ดีขึ้น

    คนที่เก้าผมยกให้ ปีเตอร์ ลินช์   การที่เขาดังมากนั้น  ผมคิดว่าเป็นเพราะผลงานการบริหารกองทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุค 80 คือกองทุน Fidelity Magellan ซึ่งสร้างผลตอบแทนระดับกว่า 30% แบบทบต้นเป็นเวลา 13 ปี ซึ่งในกองทุนใหญ่ระดับนั้นผมไม่แน่ใจว่ามีใครลบสถิติได้หรือยัง  อีกอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าทำให้เขาน่าจะติดอันดับก็คือ  การที่เขามีหลักการลงทุนที่คนธรรมดาสามารถเข้าใจและทำได้

    นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนสุดท้ายนั้นผมยกให้ George Soros นักลงทุนที่ใช้ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจทั่วโลกมาลงทุน  เขาเกิดปีเดียวกับบัฟเฟตต์และลงทุนมานานและทำผลตอบแทนไม่น้อยกว่าบัฟเฟตต์ตามการประมาณของหลายแหล่งข่าว  เช่นเดียวกับความมั่งคั่งมหาศาลของเขา  อย่างไรก็ตาม  การที่เขาเก็งกำไรค่าเงินของประเทศต่าง ๆ  และบางครั้งก่อให้เกิดวิกฤตอย่างเช่นในตลาดไทยในปี 2540 นั้น  ทำให้ตัวเขาไม่เป็นที่นิยมมากนักในภาพกว้างระดับโลก  หลักการของโซรอสก็คือ  พยายามมองหาความ “ไม่สมดุล” ในระบบเศรษฐกิจแล้วทำกำไรจากมัน

    ทั้งหมดก็คือการจัดอันดับว่าใครควรอยู่ในกลุ่มนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 10 คนในโลกทั้งที่ตายไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่  ผมไม่เรียงตามลำดับความโดดเด่นเพราะคงจะเป็นไปได้ยาก  สิ่งที่ผมเห็นว่าทุกคนคล้ายคลึงกันก็คือ  ทุกคนเป็นผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมาก  ฉลาด  รวย  และอายุและการทำงานยืนยาว  ที่อ่อนหน่อยก็ 70 ปีขึ้น  ที่แก่ก็คือใกล้ร้อยปี
[/size]



ตอบกลับโพส