เปิดทางต่างชาติซื้อหุ้นเพิ่ม จะทำให้คนไทยร่ำรวยขึ้นอีก

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
ม้าเฉียว

โพสต์ โดย ม้าเฉียว » เสาร์ ต.ค. 16, 2004 8:26 am

เหตุใดท่านถึงคิดง่ายจังเลย

1. ผลของ Portfolio investment ยังมีความไม่ชัดเจนอยู่มาก ในเรื่องผลดีต่อเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพราะส่วนมากยังเข้ามาลงทุนระยะสั้น (สั้นนี่หมายถึง น้อยกว่า 1 ปี)

2.ท่านบอกว่า "ประเทศที่มีจีดีพีเฉลี่ยเป็นรายหัวสูง จะส่งผลให้ฐานะและรายได้ของประชาชนทุกระดับ รวมทั้งของชาวไร่ชาวนาและผู้ใช้แรงงานที่ยากจนทั้งประเทศดีขึ้นได้อย่างจริงจัง คนยากจนจะเหลือเพียงไม่ถึง 1% หรือไม่กี่แสนคนเป็นอย่างมาก"
ความเห็นนี้อาจไม่เป็นจริงก็ได้ เพราะ GDP ต่อหัวประชากร เป็นเพียงตัววัดขนาดของความมั่งคั่ง โดยเฉลี่ย แต่ประเทศไทยมีปัญหา การกระจายรายได้ค่อนข้างมาก และนับวันช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนจะห่างกันมากขึ้น คนจนรวยขึ้น ไม่ทัน คนรวยที่รวยขึ้น และคนจนยังจนดังดานเหมือนเดิม แต่คนรวยกลับรวยขึ้น

3.ท่านบอกว่า "ราคาหุ้นที่สูงขึ้นมากจะทำให้คนไทยรวยขึ้น กำลังซื้อมากขึ้น บริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์สามารถออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวนมากได้สะดวก จะส่งผลให้มีการลงทุนขยายการผลิตเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ราคาสินค้าต่ำลง การส่งออกของเราเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตอื่นๆ นอกตลาดหลักทรัพย์ก็จะพลอยได้รับผลดีทำนองเดียวกัน จีดีพีจะเพิ่มขึ้น
" แต่ผมคิดว่า ราคาหุ้นที่สูงขึ้นจะทำให้คนไทยกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่รวยขึ้น (ไม่น่าจะถึง 10 %)

4. ถ้าทำตามแนวคิดท่าน จะทำให้ "เงินตราต่างประเทศที่จะไหลเข้ามามาก จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหมดกังวลเรื่องเงินไหลออก และน่าจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาก สภาพคล่องจะสูง อัตราดอกเบี้ยโดยรวมจะต่ำ น้ำมันเชื้อเพลิง วัตถุดิบและชิ้นส่วน และสินค้าเข้าน่าจะถูกลงไม่น้อยกว่า 20-30% "
ผมคิดว่าตอนนี้เศรษฐกิจเราต้องพึ่งพาการส่งออกมาก ค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นมาก (เคยคุยกับผู้ส่งออก เขาบอกว่าถ้าเงินบาทแข็งค่าเกิน 36 บาท นี่เราขายของไม่ได้กำไรแน่) อาจมีผลเสียต่อมูลค่าการส่งออก และความสามารถในการแข่งขันด้านราคา (โดยเฉพาะในเวลานี้ที่จีนยังใช้นโยบายค่าเงินอ่อน) ในขณะที่เราจะมีการนำเข้ามากขึ้น
เราต้องตอบโจทย์ให้ได้ก่อนว่า การส่งออกของเรามีความสามารถในการแข่งขันอยู่ที่ไหน ถ้ายังอยู่ที่เรื่องราคาเป็นส่วนใหญ่ ก็ต้องระวังเรื่องค่าเงินที่แข็งเกินไป
และยังบอกว่า "เงินตราต่างประเทศที่จะไหลเข้ามามาก จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหมดกังวลเรื่องเงินไหลออก" อันนี้ไม่เกี่ยวกัน เงินที่ไหลเข้ามาไม่ใช่เงินลงทุนระยะยาว แต่เป็นเงินที่พร้อมจะไหลออกได้เสมอ เมื่อมีความเสี่ยงมากขึ้น หรือมีที่อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

5."สินค้าจะไม่ขึ้นราคา อัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยแบงก์ชาติไม่ต้องพยายามจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูง กำลังซื้อ และความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยจะสูงขึ้น จีดีพีน่าจะโตได้ถึง 8-9% ต่อปี และถ้าปล่อยให้มีการลงทุนและการแข่งขันโดยเสรีอย่างสูงในทุกรูปแบบด้วย เศรษฐกิจไทยจะโตได้ถึงปีละ 10-14% เหมือนเขตเศรษฐกิจเซิ่นเจิ้นของจีน"
ผมว่า เศรษฐกิจที่โตระดับนี้ คงไม่สามารถรักษาระดับเงินเฟ้อให้ต่ำได้นานนัก เพราะ Demand สูงขึ้นมาก ระดับราคาโดยทั่วไปก็คงต้องสูงขึ้น

6."การที่จีดีพีโตเร็ว จะทำให้มีค่าเฉลี่ยเป็นรายหัวของเราสูงขึ้นอีกมาก มีข้อน่าสังเกตว่า ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเจริญขึ้นโดยรวดเร็ว ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นสูงขึ้นถึง 4 เท่าตัว (จาก 400 กว่าเยนต่อดอลลาร์ เพิ่มเป็น 100 เยนต่อดอลลาร์) ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิง วัถตุดิบ ชิ้นส่วน ถูกลงตามส่วน ญี่ปุ่นจึงไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ และปรากฏว่า สินค้าออกก็คงส่งออกได้ดีมากและเกินดุลการค้าตลอดมา"
ผมเห็นว่า ญี่ปุ่นคงไม่มีปัญหาเงินเฟ้อแน่ เพราะเค้าประสบปัญหาภาวะเงินฝืดมานาน ดีหน่อยที่ 2-3 ปีมานี้เริ่มมีการเติบโตอยู่บ้าง เพียงเล็กน้อย

7."ประเทศที่จีดีพีเฉลี่ยเป็นรายหัวต่ำนั้น ไม่เคยมีประเทศใดในโลกแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะใช้เวลาร่วมร้อยปีก็ตาม"
กษัตริย์ภูฐานบอกว่า ประเทศเค้าอาจมี GDPต่อหัวต่ำที่สุด แต่ประชาชนของเค้ามีความสุขมากที่สุด
GDPต่อหัวต่ำ บอกเราเฉพาะแต่เรื่องขนาด จำไว้ให้ดี แต่ไม่ได้บอกถึง คุณภาพ ทั้งเรื่องของการกระจายรายได้ และความสุขของคน



ล็อคหัวข้อ