ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
และแล้วชีวิตของคุณและของผมคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
...ชีวิตของประชากรไทยต้องจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แบบที่ใครๆ คงเดากันยาก เพราะดีลใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยเกิด
ไทย-จีน เริ่มกันแล้วตั้งแต่ต้นตุลาคมนี้
ไทย-อินเดีย จะเริ่มมีนาคมปีหน้า..
คงพอจำช่วงเปิดเสรีการเงินได้ใช่ไหมครับ
ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แน่ใจหรือว่าเรารับมือกับมันไหว
แน่ใจหรือว่าเราปรับตัวกับมันได้ทัน
เงินบาทกำลังแข็งค่า บวกกับค้าเสรีกับจีน ของจีนราคาถูกกว่าที่เคย
จะทะลักเข้ามาสู่ตลาดไทยหรือเปล่า
และแน่นอนมันกระทบต่อบริษัทในตลาด ที่ทุกท่านถือหุ้นอยู่
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...
...ชีวิตของประชากรไทยต้องจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แบบที่ใครๆ คงเดากันยาก เพราะดีลใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยเกิด
ไทย-จีน เริ่มกันแล้วตั้งแต่ต้นตุลาคมนี้
ไทย-อินเดีย จะเริ่มมีนาคมปีหน้า..
คงพอจำช่วงเปิดเสรีการเงินได้ใช่ไหมครับ
ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แน่ใจหรือว่าเรารับมือกับมันไหว
แน่ใจหรือว่าเราปรับตัวกับมันได้ทัน
เงินบาทกำลังแข็งค่า บวกกับค้าเสรีกับจีน ของจีนราคาถูกกว่าที่เคย
จะทะลักเข้ามาสู่ตลาดไทยหรือเปล่า
และแน่นอนมันกระทบต่อบริษัทในตลาด ที่ทุกท่านถือหุ้นอยู่
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...
มองด้านเดียวครับ ระบบเศรษฐกิจของประเทศทั่วโลก เค้าจะมองที่ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อน
แต่ผมว่าพวกคุณดูถูกภาคเอกชนเราไปนะครับ ในมุมมองของพวกคุณ ยังไม่ทันเริ่มทำอะไรก็แย้งซะแล้ว ผมละงง จริงๆ คุณก็เชื่อแต่ว่าเราเปิดเสรีทางการเงินแล้วเจ๊ง คุณว่าใช่เหรอครับจริงๆแล้วเพราะเปิดเสรีทางการเงิน
ที่ผมมองคือเค้าเปิดเสรีทางการเงินแต่ไม่เสรีจริง ดันมาใช่ค่าเงินแบบคงที่ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเราสูงกว่าต่างประเทศอย่างมากประมาณ เท่าตัว คุณมองจีนใช้ค่าเงินหยวนแบบคงที่ แต่การเงินในประเทศยังควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่
การเปิดเสรีทางการเงินของเราจริงๆแล้วต้องให้ค่าเงินลอยตัวไปด้วย
เพราะในโลกทางการเงินนี่ไม่มีรัฐบาลไหนที่มีเงินมากพอ เค้าบอกว่ามีเงินประมาณ 2 ล้านล้านดอลล่าร์หมุนเวียนอยู่ทั่วโลก ไม่มีรัฐบาลไหนสู้ได้หรอกครับ
เอกชนของเราจะเป็นผู้ปรับตัวครับ ผมเชื่อว่าคนเรา หนึ่งสมอง สองมือ สองเท้าเท่ากันทำไมเราจะสู้คนอื่นไม่ได้ เราหาจุดเด่นของเราแล้วเอาจุดนั้นมาสู้ จีนอินเดียมีต้นทุนแรงงานถูก ทำไมมองแต่ต้นทุนค่าแรงครับ พวกคุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิคเหรอครับ
แต่ผมว่าพวกคุณดูถูกภาคเอกชนเราไปนะครับ ในมุมมองของพวกคุณ ยังไม่ทันเริ่มทำอะไรก็แย้งซะแล้ว ผมละงง จริงๆ คุณก็เชื่อแต่ว่าเราเปิดเสรีทางการเงินแล้วเจ๊ง คุณว่าใช่เหรอครับจริงๆแล้วเพราะเปิดเสรีทางการเงิน
ที่ผมมองคือเค้าเปิดเสรีทางการเงินแต่ไม่เสรีจริง ดันมาใช่ค่าเงินแบบคงที่ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเราสูงกว่าต่างประเทศอย่างมากประมาณ เท่าตัว คุณมองจีนใช้ค่าเงินหยวนแบบคงที่ แต่การเงินในประเทศยังควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่
การเปิดเสรีทางการเงินของเราจริงๆแล้วต้องให้ค่าเงินลอยตัวไปด้วย
เพราะในโลกทางการเงินนี่ไม่มีรัฐบาลไหนที่มีเงินมากพอ เค้าบอกว่ามีเงินประมาณ 2 ล้านล้านดอลล่าร์หมุนเวียนอยู่ทั่วโลก ไม่มีรัฐบาลไหนสู้ได้หรอกครับ
เอกชนของเราจะเป็นผู้ปรับตัวครับ ผมเชื่อว่าคนเรา หนึ่งสมอง สองมือ สองเท้าเท่ากันทำไมเราจะสู้คนอื่นไม่ได้ เราหาจุดเด่นของเราแล้วเอาจุดนั้นมาสู้ จีนอินเดียมีต้นทุนแรงงานถูก ทำไมมองแต่ต้นทุนค่าแรงครับ พวกคุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิคเหรอครับ
งั้นรบกวนคุณ ake บอกหน่อยสิครับว่าไทยได้เปรียบจีนด้านไหนครับ
แล้วที่ได้น่ะ มันได้คุ้มเสียรึเปล่า
ตอนนี้จีนเริ่มกระจายการผลิตไปยังสินค้าตั้งแต่ไฮเอนด์
จนถึงสินค้าใช้แรงงานราคาถูกสุดๆ
เป็นแหล่งผลิตตั้งแต่ชิปของอินเทล pcb ยันรถเบนซ์
มีการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของตัวเองด้วย
ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็คือเค้ามีมือถือของตัวเอง
ซึ่งโนวฮาว เทคโนโลยี สำหรับธุรกิจไฮเทค..เราไม่มี
จีนมีขีดความสามารถที่พัฒนาไปได้ไกลถึงออกไปอวกาศแล้ว
ซึ่งมีไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่ทำได้
เราจะเอาสินค้าอะไรไปต่อกรกับเค้าล่ะครับ เกษตรเหรอครับ
ลองไปศึกษาเรื่องการผลิตข้าวในจีนดูนะครับว่าล่าสุดเค้าไปถึงไหนแล้ว
เรากำลังค้าขายแบบเสรีกับประเทศที่แม้แต่อเมริกายังปวดหัว
จีนวันนี้คือประเทศที่มีพร้อมทั้งด้านแรงงาน เงิน และเทคโนโลยี
จีนวันนี้ไม่ใช่แค่แหล่งผลิตสินค้าราคาถูกอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนครับ เรามีสินค้าที่จะขายให้เค้าได้อยู่แล้ว
แต่มันต้องแลกด้วยอะไร งานนี้ต้องดูกันยาวครับ
แล้วที่ได้น่ะ มันได้คุ้มเสียรึเปล่า
ตอนนี้จีนเริ่มกระจายการผลิตไปยังสินค้าตั้งแต่ไฮเอนด์
จนถึงสินค้าใช้แรงงานราคาถูกสุดๆ
เป็นแหล่งผลิตตั้งแต่ชิปของอินเทล pcb ยันรถเบนซ์
มีการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของตัวเองด้วย
ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็คือเค้ามีมือถือของตัวเอง
ซึ่งโนวฮาว เทคโนโลยี สำหรับธุรกิจไฮเทค..เราไม่มี
จีนมีขีดความสามารถที่พัฒนาไปได้ไกลถึงออกไปอวกาศแล้ว
ซึ่งมีไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่ทำได้
เราจะเอาสินค้าอะไรไปต่อกรกับเค้าล่ะครับ เกษตรเหรอครับ
ลองไปศึกษาเรื่องการผลิตข้าวในจีนดูนะครับว่าล่าสุดเค้าไปถึงไหนแล้ว
เรากำลังค้าขายแบบเสรีกับประเทศที่แม้แต่อเมริกายังปวดหัว
จีนวันนี้คือประเทศที่มีพร้อมทั้งด้านแรงงาน เงิน และเทคโนโลยี
จีนวันนี้ไม่ใช่แค่แหล่งผลิตสินค้าราคาถูกอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนครับ เรามีสินค้าที่จะขายให้เค้าได้อยู่แล้ว
แต่มันต้องแลกด้วยอะไร งานนี้ต้องดูกันยาวครับ
ผมขอถามคุณ panic นะครับคุณ ว่าคุณทักษิณ(ขอยกตัวอย่างท่านผุ้นำนะครับ) จะเลือกที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีหรือไม่ดีครับ
ผมมองว่าทรัพยสินของท่านนายกก็อยู่ในประเทศเรา ยังไงท่านก็ต้องทำให้เศรษฐกิจประเทศเราดีอยู่แล้วเพราะนั้นหมายถึงมูลค่าทรัพย์สินของท่านก็จะเพิ่มตามมา
คุณมามองที่ปริมาณข้าว ข้าวที่เราใช้แค่บริโภคก็มีหลายอย่างแล้วนะครับ คุณไปดูเลยถ้าเป็นข้าวหอมมะลินี่เราผลิตมาแค่ไหนไม่มีเหลือหรอกครับ
คุณรู้มั้ยว่าข้าวหอมมะลิมันไม่ได้อยู่ที่สายพันธุ์อย่างเดียว มันต้องรวมปัจจัยดินฟ้าอากาศสภาพแวดล้อมแล้วก็ดิน ไม่ง้านเราก็ปลูกข้าวหอมมะลิกันหมดแล้วสิครับแต่จริงๆ เราปลูกได้บางพื้นที่เท่านั้น
ปลูกปริมาณข้าวผมไม่เห็นจะน่ากลัวหรอกครับ มันข้าวพันธุ์อะไร แล้วปลูกให้คนกินหรือไม่
ปริมาณข้าวของเมืองไทยที่ผลิตได้นะประมาณ 25 ล้านตันข้าวเปลือก เราส่งออกประมาณ 6 ล้านตันข้าวเปลือก ปริมาณรวมกันทั้งโลกประมาณ 500 ล้านตันข้าวเปลือกนะครับ
สินค้าเกษตรที่จีนผลิตได้ ถ้าเป็นผลไม้ก็คนละอย่างกันเลยครับ เรามีจุดเด่นในสภาพอากาศของเรา มังคุด ทุเรียน ลำไย สินค้ายางพารา จีนก็ต้องการอย่างมาก
มันสำปะหลังผมก็รู้มาว่าของเมืองไทยนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกเลยนะครับ พวกเกษตรยุโรปต้องการอย่างมาก เพียงแต่ว่าเราจะค้าขายกับเค้าอย่างซื่อสัตย์ไม่ผสมพวกดินทรายลงไปมาก
ตอนนี้ทุกคนผมว่าก็ต้องร่วมมือกัน ร่วมกันวิจัยพัฒนาเพราะหากเราไม่มีความรู้ต่อให้เราได้เปรียบขนาดไหนด้านทรัพยากร ก็ไม่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้
จีนผลิตผลไม้ได้แต่ผลไม้เมืองหนาวนะครับ
คุณมาคิดอย่างนี้ผมว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า คุณดูสิงคโปร์ ญี่ปุ่นสิครับ ประเทศเค้ามีทรัพยากรอะไรมั่งละครับเปล่าเลยไม่มี เพียงแต่ประเทศเค้ามีคนมีความสามารถเห็นคุณค่าขององค์ความรู้ เค้าก็ไม่เคยโทษเลยว่าประเทศเค้าไม่มีทรัพยากร ทำให้เค้าต้องงอมืองอเท้านั่งสิ้นหวัง
ผมขอเปรียบเทียบประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วกันครับ
เค้าเป็นจ้าวเทคโนโลยี่อะไรเหรอครับ ไม่มีเลยนะครับ
ที่เห็นก็มีแต่ นาฬิกา เหล้า ธุรกรรมการเงิน แต่คนของเค้ามีรายได้เฉลี่ยอยู่ในอันดับต้นๆของโลก
ธุรกิจที่เราถนัดที่เห็นก็มี การบริการการท่องเที่ยว เกษตร(ถ้าหากเราเริ่มมีการศึกษาต่อยอดขององค์ความรู้ผมคิดว่าเรายังไม่อยู่ในช่วงที่ล้าหลัง สามารถสู้ต่างประเทศได้ ความคิดเห็นผมว่าการเกษตรของเราสามารถที่จะสามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตไม่รู้)
ผมมองว่าทรัพยสินของท่านนายกก็อยู่ในประเทศเรา ยังไงท่านก็ต้องทำให้เศรษฐกิจประเทศเราดีอยู่แล้วเพราะนั้นหมายถึงมูลค่าทรัพย์สินของท่านก็จะเพิ่มตามมา
คุณมามองที่ปริมาณข้าว ข้าวที่เราใช้แค่บริโภคก็มีหลายอย่างแล้วนะครับ คุณไปดูเลยถ้าเป็นข้าวหอมมะลินี่เราผลิตมาแค่ไหนไม่มีเหลือหรอกครับ
คุณรู้มั้ยว่าข้าวหอมมะลิมันไม่ได้อยู่ที่สายพันธุ์อย่างเดียว มันต้องรวมปัจจัยดินฟ้าอากาศสภาพแวดล้อมแล้วก็ดิน ไม่ง้านเราก็ปลูกข้าวหอมมะลิกันหมดแล้วสิครับแต่จริงๆ เราปลูกได้บางพื้นที่เท่านั้น
ปลูกปริมาณข้าวผมไม่เห็นจะน่ากลัวหรอกครับ มันข้าวพันธุ์อะไร แล้วปลูกให้คนกินหรือไม่
ปริมาณข้าวของเมืองไทยที่ผลิตได้นะประมาณ 25 ล้านตันข้าวเปลือก เราส่งออกประมาณ 6 ล้านตันข้าวเปลือก ปริมาณรวมกันทั้งโลกประมาณ 500 ล้านตันข้าวเปลือกนะครับ
สินค้าเกษตรที่จีนผลิตได้ ถ้าเป็นผลไม้ก็คนละอย่างกันเลยครับ เรามีจุดเด่นในสภาพอากาศของเรา มังคุด ทุเรียน ลำไย สินค้ายางพารา จีนก็ต้องการอย่างมาก
มันสำปะหลังผมก็รู้มาว่าของเมืองไทยนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกเลยนะครับ พวกเกษตรยุโรปต้องการอย่างมาก เพียงแต่ว่าเราจะค้าขายกับเค้าอย่างซื่อสัตย์ไม่ผสมพวกดินทรายลงไปมาก
ตอนนี้ทุกคนผมว่าก็ต้องร่วมมือกัน ร่วมกันวิจัยพัฒนาเพราะหากเราไม่มีความรู้ต่อให้เราได้เปรียบขนาดไหนด้านทรัพยากร ก็ไม่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้
จีนผลิตผลไม้ได้แต่ผลไม้เมืองหนาวนะครับ
คุณมาคิดอย่างนี้ผมว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า คุณดูสิงคโปร์ ญี่ปุ่นสิครับ ประเทศเค้ามีทรัพยากรอะไรมั่งละครับเปล่าเลยไม่มี เพียงแต่ประเทศเค้ามีคนมีความสามารถเห็นคุณค่าขององค์ความรู้ เค้าก็ไม่เคยโทษเลยว่าประเทศเค้าไม่มีทรัพยากร ทำให้เค้าต้องงอมืองอเท้านั่งสิ้นหวัง
ผมขอเปรียบเทียบประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วกันครับ
เค้าเป็นจ้าวเทคโนโลยี่อะไรเหรอครับ ไม่มีเลยนะครับ
ที่เห็นก็มีแต่ นาฬิกา เหล้า ธุรกรรมการเงิน แต่คนของเค้ามีรายได้เฉลี่ยอยู่ในอันดับต้นๆของโลก
ธุรกิจที่เราถนัดที่เห็นก็มี การบริการการท่องเที่ยว เกษตร(ถ้าหากเราเริ่มมีการศึกษาต่อยอดขององค์ความรู้ผมคิดว่าเรายังไม่อยู่ในช่วงที่ล้าหลัง สามารถสู้ต่างประเทศได้ ความคิดเห็นผมว่าการเกษตรของเราสามารถที่จะสามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตไม่รู้)
เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วผู้รู้ท่านหนึ่งซึ่งเก่งมาก ได้แนะนำและเตือนผมในเรื่องนี้ โดยให้ระมัดระวัง เพราะอนาคตการคาดการณ์จะยากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ผมได้ระมัดระวังมากในการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวมาตลอด
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เตือนอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่าน ที่จะกลับไปศึกษาหาข้อมูลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมแต่ละประเภทรวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เตือนอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่าน ที่จะกลับไปศึกษาหาข้อมูลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมแต่ละประเภทรวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
ไม่ขอเข้าข้างฝ่ายใดครับแต่ขอสนับสนุนแนวความคิดเรื่องการวิจัยและพัฒนาครับ เนื่องด้วยเรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ทำให้มองเห็นภาพครับว่าการวิจัยในประเทศเรานั้นมีน้อยๆๆๆๆๆ กว่าประเทศที่เค้าพัฒนาแล้วมาก ห่างกันมากครับ ในประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว เค้ามีการลงทุนเรื่องงานวิจัยมากครับ เพราะเค้าเห็นว่าการวิจัยและการพัฒนา จะช่วยให้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เค้าวางขาย มีการพัฒนาให้ทัดเทียมและต่อกรกับคู่แข่งได้อย่างมากครับ ส่วนประเทศเรานั่งรอครับ นั่งรอให้นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยอย่างพวกผม วิจัยและพัฒนาขึ้นมาก่อน ไม่มีการลงทุนให้แต่อย่างใดครับ ประมาณว่าคิดแต่จะเอาฝ่ายเดียว ไม่เกิดการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ประเทศก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่นักวิจัยของเราไม่ได้ด้อยไปกว่าชาวต่างชาติเลย อาจจะเก่งกว่าด้วย
แต่ตอนนี้ทาง สวทช ก็เริ่มพัฒนาโครงการให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้วครับตอนนี้ที่เห็นๆ ที่มหาลัยของผมก็มีของ CPF หละครับที่มีการสนับสนุนการวิจัยเรื่องกุ้งให้กับศูนย์วิจัยที่มหาลัย ก็หวังว่าในอนาคต บริษัทอื่นๆ จะเห็นความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาบ้าง .... เพื่อที่ผมจะได้มีแรงกระตุ้นในการเรียนต่อทางด้านนี้ครับ :lol: :lol: :lol:
แต่ตอนนี้ทาง สวทช ก็เริ่มพัฒนาโครงการให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้วครับตอนนี้ที่เห็นๆ ที่มหาลัยของผมก็มีของ CPF หละครับที่มีการสนับสนุนการวิจัยเรื่องกุ้งให้กับศูนย์วิจัยที่มหาลัย ก็หวังว่าในอนาคต บริษัทอื่นๆ จะเห็นความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาบ้าง .... เพื่อที่ผมจะได้มีแรงกระตุ้นในการเรียนต่อทางด้านนี้ครับ :lol: :lol: :lol: