คุณจำเดือนมกราปีนั้นได้ไหม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
trus

คุณจำเดือนมกราปีนั้นได้ไหม

โพสต์ โดย trus » พุธ ธ.ค. 31, 2003 11:09 am

ผมจำไม่ได้ว่าวันที่ 5 หรือ ปล่าว ปี 37 หรือ 38 นี่แหละ
ดัชนีไปสูงสุดที่ 1700 จากนั้น ................
ผมไม่แน่ใจว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่
ขอให้โชคดี PTT



คลายเครียด

โพสต์ โดย คลายเครียด » พุธ ธ.ค. 31, 2003 3:16 pm

เป็นวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๓๗ อย่างแน่นอนที่สุดครับ
ต่างชาติเทขายแบบฆ่าล้างคอกนักลงทุนท้องถิ่น
ที่กำลังฝันสีทองถึงดัชนี ๒๐๐๐ จุด
ไม่มีนักวิเคราะห์แม้แต่คนเดียว ที่ส่งสัญญาณเตือนภัยแมลงเม่าไทย
ทุกคนยึดติดอยู่กับจีดีพีที่พุ่งกระฉูด
ที่สำคัญที่สุดคือ
ตอนนั้นตลาดฯยังไม่มีรายงานนักลงทุนแยกรายกลุ่มแบบวันต่อวัน
ผ่านไปเกือบเดือน แมลงเม่าไทยจึงเริ่มช็อค
ประวัติศาสตร์คงไม่ซ้ำรอยสิบปีที่แล้ว
แต่สัญญาณเตือนภัยแบบพื้นๆ บ่งบอกมาหลายวันแล้ว



ake...

โพสต์ โดย ake... » พุธ ธ.ค. 31, 2003 4:49 pm

อ่านแล้วรู้สึกถึงสัญญาณอำมหิต จริงๆครับ แต่ผมว่ารัฐบาลเอื้ออาทรนี้คงช่วยเหลือนักลงทุนไม่ปล่อยให้ฝรั่งมารังแกหรอก

คนใหญ่คนโตในนี้หลายคนเป็นนักเล่นหุ้นระดับเซียนกันทั้งนั้น

(อย่าให้เกิดเลยโอมเพี้ยง !!!!)



เพิ่งมา

โพสต์ โดย เพิ่งมา » พุธ ธ.ค. 31, 2003 4:49 pm

ตอนนั้นฝรั่งมีหุ้นในมือเยอะ แล้วลากขึ้นมานานแล้วด้วย แต่ตอนนี้หุ้นในมือฝรั่งเหลือน้อย เหตุการณ์แบบนั้นคงไม่เกิดนะครับ



WEB

โพสต์ โดย WEB » พุธ ธ.ค. 31, 2003 5:19 pm

ผมว่า โลกเราไม่ได้ DESIGN ให้คนส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ (ทางวัตถุ) นะครับ ฉะนั้นการที่คนส่วนใหญ่ได้กำไรกันถ้วนหน้าไม่น่าจะเป็นไปได้ในระยะยาวครับ มันเป็นแค่เหตุการณ์ชั่วคราวซึ่งทำให้หลายๆคนหลงผิดคิดว่ามันเป็นแนวโน้ม ตอน NASDAQ ขึ้นแรงๆ คนก็ได้กำไรกันมากๆทั้งนั้น ( แถมยังโจมตี WARREN BUFFETT ว่าเป็นนักลงทุนหลงยุคอีกต่างหาก) แต่พอ NASDAQ ตก มีใครครับที่สามารถรักษาความมั่งคั่งนั้นไว้ได้ ตอนต้นปี 2000 ตอนที่ตลาดหุ้นอเมริกาสูงๆ มีการสำรวจพบว่า นักลงทุนคาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 18 % ต่อปีตลอดช่วงหลายปีข้างหน้า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการตกต่ำของตลาดครับ



WEB

โพสต์ โดย WEB » พุธ ธ.ค. 31, 2003 5:51 pm

และเมื่อหวนคิดถึงเดือนมกรา ปี 2538 ผมยังจำได้ขึ้นใจว่า มีนักวิชาการตลาดหุ้นที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่งเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ว่า จะมีเศรษฐีร้อยล้าน พันล้าน เกิดขึ้นมากมาย ( ที่ผมจำได้ เพราะผมก็พลอยเคลิ้มไปกับบทความนั้นด้วย ) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็น...............เมื่อไรที่ทุกคนคิดว่า ตัวเองสามารถทำกำไรได้ ความตกต่ำอาจกำลังจะมาเยือน



Minesweeper

โพสต์ โดย Minesweeper » พุธ ธ.ค. 31, 2003 6:03 pm

ปรัชญา เขียน:
(ผมไม่ชอบคำพูดที่ว่า...PTT 300ยังน้อยไปที่ท่านนายกพูดตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ไม่รู้ว่าท่านพูดเองหรือนักข่าวเขียนเอง ไม่ชอบคำนี้เอาจริงๆ ถึงแม้ว่าอนาคตมันจะวิ่งกันเกินกว่า300บาท จะเอาอะไรแน่นอนบนความไม่แน่นอน)


เห็นใน eFinancialThai เค้าเอา set call คุณณัฐวุฒิมาลง
เค้าบอกว่า 300 น่ะ PTTEP ครับ ไม่ใช่ PTT ...

แต่ผมก็เข้าใจว่าเป็น PTT เหมือนกับทุกคนนั่นแหละครับ
ไม่รู้แกฟังผิดหรือ พวกเราฟังผิดกันแน่



Golden Stock.

โพสต์ โดย Golden Stock. » อาทิตย์ ม.ค. 04, 2004 9:14 am

การวิเคราะห์ผมชอบที่จะมองจากภาพใหญ่มาก่อน แล้วจึงมาเจาะในรายละเอียดของแต่ละส่วนอีกที
ตามทฤษฎี มีความเชื่อว่าระบบใหญ่ประกอบด้วยระบบย่อยๆ และระบบย่อยจะมีความเชื่อม
โยงสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งก็จะออกมาเป็นภาพรวมของทั้งหมด คือถ้าระบบใหญ่แย่ ระบบย่อยส่วนใหญ่ก็
แย่ด้วย หรือตรงกันข้ามถ้าระบบใหญ่ดี ก็หมายความว่าระบบย่อยส่วนใหญ่ดีไปด้วย

ก็เหมือนกับบริษัทที่ถือเป็นระบบย่อยหรือหน่วยหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ ถ้าหากว่าบริษัทส่วนใหญ่ใน
ระบบเศรษฐกิจมีผลประกอบการดี ก็หมายถึงว่าระบบเศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น และถ้าหากว่า
บริษัทประกอบธุรกิจขาดทุนเป็นส่วนใหญ่ ก็หมายความว่าภาพรวมของระบบเศรษฐกิจออกมาไม่ดี
ซึ่งก็จะแสดงออกมาใน real sector ,labour sector ,monetary sector ,foreign sector ซึ่งแต่ละ sectors จะ
มีความเกี่ยวโยงสัมพันธ์กัน เมื่อ sector ใดเกิดความไม่สมดุลขึ้น ก็จะส่งผลไปยัง sector อื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ก็อยากให้ดูเหตุการณ์ในอดีตเป็นกรณีศึกษาครับ วิกฤตเศรษฐกิจของไทยที่ผ่านมาเป็นอย่างไร แล้วนำหลัก
ทฤษฎีมาจับดู (ว่า sectors ใดเสียสมดุล แล้วมีผลกระทบต่อ sectors อื่นอย่างไรบ้าง)
แล้วนำมาพิจารณาถึงภาพข้างหน้าว่าน่าจะเป็นไปแบบไหน อย่างไร

ทว่าในระบบย่อยก็ยังมีส่วนน้อยหรือบางส่วนที่สามารถทำผลงานออกมาได้ดีกว่าระบบโดยรวม ซึ่งตรง
จุดนี้ ถ้ามองในแง่ของการลงทุน ก็ต้องมีการคัดเลือกแต่ละบริษัท

ก็เป็นความเห็นส่วนตัวแบบคร่าวๆ (ไม่ต้องการเจาะในรายละเอียดมากนัก) โดยเน้นการมองภาพรวม แล้วจึง
มองส่วนย่อย ซึ่งใครจะเห็นไม่เหมือนกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เนื่องจากทฤษฎีๆ มีมากมายหลายสำนัก
ทั้งที่เห็นเหมือนกัน และเห็นต่างกัน



Golden Stock.

โพสต์ โดย Golden Stock. » อาทิตย์ ม.ค. 04, 2004 9:20 am

อีกอย่างผมชอบกระทู้นี้ซึ่งมีการแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์มากครับ
พอดีช่วงปีใหม่ได้หยุดงานหลายวัน ก็เลยมีเวลามานั่งพิมพ์พอสมควร
ก็ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนในปี 2547 และปีต่อๆ ได้ครับ



asset

โพสต์ โดย asset » จันทร์ ม.ค. 05, 2004 7:33 pm

อ่านเรื่องการเปรียบเทียบ PE ของคุณ Chatchai
เพิ่งเข้าใจปรัชญา เรื่อง PE ครับ

ตอนแรกก็สงสัยมานาน คำอธิบายวันี้ ทำให้เข้าใจทันทีครับ

ขอบคุณครับ



Linchee

โพสต์ โดย Linchee » พุธ ม.ค. 07, 2004 12:02 am

ขอแจมหน่อยครับ จำได้แม่นก็คือ 5 มกราคม 2537 เพราะว่าก่อนหยุดยาวไปเที่ยว เห็นหุ้นขึนแรง ๆ ทุกวัน ก็เลยนึกย้อนหลังถึงวันนั้น

จำได้ว่าถือหุ้นประมาณ 10 ตัว ในเดือนธันวา 36 ตอนนั้นซิลลิ่งที่ 10เปอร์เซนต์ หุ้นที่ผมมีลิ่งทุกตัว ทุกวัน ตัวอย่างเช่น TATL, SVI ฯลฯ กำไรวันละ 5/6 แสนบาท และไม่เคยยอมขายเลย จนเปิดปีใหม่วันทำงานวันแรก ก็คือ 4 มค หุ้นก็ยังขึ้นต่อ แต่วันที่ 5 มค 37 เช้ารู้สึกยังขึ้นอยู่ แต่บ่ายลงแบบแก๊สระเบิด รายย่อยตายเป็นเบือ ผมเองก็ไม่ยอมขาย จากกำไรมาก เป็นขาดทุน

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนก่อนไปเที่ยว ก็คิดถึงเรื่องนี้ ก็เลยขายบางส่วนทำกำไร แต่ก็ยังตามตลาดตอนอยู่ต่างประเทศ ก็เห็นมันขึ้นวันละ 10 กว่าจุด รวมทั้งเมื่อวาน ใจหนึ่งก็อยากขาย ก็เพราะคิดย้อนหลังถึงต้นปี 37 แต่ก็ไม่ได้ขาย โชคยังดีหุ้นในพอร์ตวันนี้ ก็ยังเขียวหลายตัว สลับแดง ก็เลยไม่เจ็บตัวเท่าไร

แต่เมื่อมาเห็นวันนี้ ไม่ผิดจาก 5 มค 2537 เลยครับ ผมเชื่อว่ารายย่อยวันนี้ คงย่อยยับมากทีเดียว

หวังว่าสภาวะวันนี้ น่าจะดีกว่าปี 37 มาก โดยเฉพาะดอกเบี้ยยังถูกอยู่ และเศรษฐกิจโลกโดยรวม ก็น่าจะดีขึ้นมากในปีนี้ และหุ้นในมือฝรั่ง ก็น่าจะมีไม่มาก ผมเชื่อว่าฝรั่งยังคงต้องกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะ fundamental โดยรวมยังดีมาก และยังให้ผลตอบแทนได้ดี เพียงแต่ว่าทุกคนต้องมองว่าควรลงทุนอย่างไร ณ จุดใหน

ผมเชื่อว่าเป็นการปรับฐานช่วงสั้นจากที่ขึ้นมาแรง ๆ ถึง 799 จุด แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะปรับฐานถึงไหน และนานกี่วัน

ผมว่าเหตุการณ์ปี 36/37 และวันนี้ น่าจะสอนให้เราได้ลงทุนอย่างถูกต้อง และไม่คิดเข้าข้างตัวเองตลอดเวลาว่าหุ้นต้องขึ้นทุกวัน ต้องไม่โลภ และอย่าห่วงเรื่องขายหมู มีหุ้นดี ๆ ในตลาดให้ลงทุนตั้งมากมาย โชคดีทุกคนครับ



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » อังคาร ม.ค. 20, 2004 5:53 pm

ให้Volume มันนิ่งๆซะหน่อยเถอะ พอทุบๆทำๆจนได้ที่ คนซื้อน้อยๆ เดี๋วยมันก็เข้ามาซื้อเองแหละ ขืนทำตอนนี้ มูลค่าการซือขาย 5-6 หมื่นล้านต้นทุนแพงตายเลย เป็นผม ผมก็ไม่เข้ามาทำราคานะ เชื่อเถอะยังไงก็ไม่ใช่ขาลง ทำไมพับฐานแค่อาทิตย์เดียงอารมณ์ตลาดไม่น่าเปลี่ยนเร็วเลยนะ



ล็อคหัวข้อ