Assets 9,428.47 8,473.48
Liabilities 1,940.24 1,534.20
Equity 7,488.23 6,939.29
Paid-up Capital 789.02 786.21
Revenue 2,547.43 8,768.67
Net Profit 556.37 1,614.55
EPS(Baht) 3.53 10.35
ROA(%)* 6.60 21.42
ROE(%)* 7.92 24.83
Net Profit Margin(%) 21.84 18.41
As of 30/07/2004 31/12/2003
P/E 9.36 N.A.
P/BV 2.12 3.06
Book Value per share(Baht) 9.49 41.15
Dvd. Yield(%) 4.97 3.17
Last Price(Baht) 20.10 125.00
รบกวนพี่ๆช่วยวิเคราะห์ HANA หน่อยครับ
-
HANA
-
HANA
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจ ประกอบ และ จำหน่ายชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิคส์ (Electronics Manufacturing Services) ให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็น บริษัทชั้นนำของโลก หลายบริษัท ดังเช่น HID, Atmel, Agilent Technologies และ Texas Instrument เป็นต้น
บริษัทฯและบริษัทย่อยมีโรงงานซึ่งใช้เป็นฐานการผลิต 5 แห่ง ดังนี้
1. โรงงานจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต มีพื้นที่ประมาณ 10,160 ตารางเมตร โดยหน่วยประกอบผลิตภัณฑ์เฉพาะของโรงงานที่กรุงเทพฯ เน้นทำการผลิต ผลิตภัณฑ์จำพวก LED, Opto Coupler IC และ Hybrid ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมยานยนตร์ ฯลฯ
2. โรงงานจังหวัดอยุธยา ตั้งอยู่ที่การนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เขตส่งเสริมเขต 3 จังหวัดอยุธยา มีพื้นที่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร โดยโรงงานแห่งนี้ทำการออกแบบ, ประกอบและทดสอบการทำงาน ของวงจรไฟฟ้า ที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้สำนักงาน ในปี 2544 โรงงานอยุธยา ได้รับโอนย้ายผลิตภัณฑ์ CNW/Opto มาจากโรงงานที่กรุงเทพฯ และเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภท Computer Peripheral Products และในปี 2546 ได้เริ่มทำการผลิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Optical Mouse ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงใช้กับคอมพิวเตอร์
3. โรงงานจังหวัดลำพูน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 15,200 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออกที่จังหวัดลำพูน โดยโรงงานนี้มุ่งเน้นทำการผลิต ผลิตภัณฑ์ RFID (Radio-Frequency Identification Devices), สมาร์ทคาร์ด, COB (Chip-on-Board), SMD (Surface Mount Device), Fibre Optics, Led Assemble, Automotive Sensors รวมทั้งอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ใช้ความถี่สูง ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
4. โรงงานที่ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4,500 ตารางเมตร ปัจจุบันหน่วยงานนี้สามารถผลิตขดลวดไฟฟ้า ซึ่งใช้เป็นลวดขนาดเล็กมากและสามารถประกอบแผงวงจรไฟฟ้า ประเภท SMD (Surface-Mount-Device) และ COB (Chip-on-Board) เพิ่มขึ้นจากการประกอบแผงวงจรไฟฟ้า PCBA ซึ่งเริ่มกิจการในปี พ.ศ. 2539 รวมทั้งทำการรับประกอบชิ้นส่วนสำหรับคอมพิวเตอร์ laptop , High Frequency Mixer สำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมและ Flexible PCB สำหรับผลิตภัณฑ์โทรคมนาคม ในปี 2545 โรงงานได้รับโอนย้ายสายการผลิตผลิตภัณฑ์ RFID จากโรงงานลำพูนเพื่อลดต้นทุนการผลิต
5. โรงงานที่ทวินส์เบิกร์ โอไฮโฮ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 24,000 ตารางฟุต โดยโรงงานแห่งนี้ทำการผลิต LCoS (Liquid Crystal on Silicon) ซึ่งใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบจอภาพโทรทัศน์ขนาดใหญ่ จอภาพคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ multimedia projector และทำการผลิตอุปกรณ์จำพวก MEMS-Based devices, HTPs, Optical switches ในปี 2545ได้ทำการโอนย้ายอุปกรณ์การผลิต Microdisplay ไปยังโรงงานที่อยุธยาเพื่อประโยชน์ทางด้านการผลิตต้นทุนต่ำ
โรงงานในประเทศไทย ทั้ง 3 แห่ง ของบริษัทฯ คือ โรงงานในกรุงเทพฯ อยุธยา และ ลำพูน ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จากสำนักคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด เป็นผลให้โรงงานทั้ง 3 แห่ง ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักร และ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม และ สิทธิอื่นๆ
บริษัทฯและบริษัทย่อยมีโรงงานซึ่งใช้เป็นฐานการผลิต 5 แห่ง ดังนี้
1. โรงงานจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต มีพื้นที่ประมาณ 10,160 ตารางเมตร โดยหน่วยประกอบผลิตภัณฑ์เฉพาะของโรงงานที่กรุงเทพฯ เน้นทำการผลิต ผลิตภัณฑ์จำพวก LED, Opto Coupler IC และ Hybrid ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมยานยนตร์ ฯลฯ
2. โรงงานจังหวัดอยุธยา ตั้งอยู่ที่การนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เขตส่งเสริมเขต 3 จังหวัดอยุธยา มีพื้นที่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร โดยโรงงานแห่งนี้ทำการออกแบบ, ประกอบและทดสอบการทำงาน ของวงจรไฟฟ้า ที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้สำนักงาน ในปี 2544 โรงงานอยุธยา ได้รับโอนย้ายผลิตภัณฑ์ CNW/Opto มาจากโรงงานที่กรุงเทพฯ และเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภท Computer Peripheral Products และในปี 2546 ได้เริ่มทำการผลิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Optical Mouse ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงใช้กับคอมพิวเตอร์
3. โรงงานจังหวัดลำพูน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 15,200 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออกที่จังหวัดลำพูน โดยโรงงานนี้มุ่งเน้นทำการผลิต ผลิตภัณฑ์ RFID (Radio-Frequency Identification Devices), สมาร์ทคาร์ด, COB (Chip-on-Board), SMD (Surface Mount Device), Fibre Optics, Led Assemble, Automotive Sensors รวมทั้งอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ใช้ความถี่สูง ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
4. โรงงานที่ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4,500 ตารางเมตร ปัจจุบันหน่วยงานนี้สามารถผลิตขดลวดไฟฟ้า ซึ่งใช้เป็นลวดขนาดเล็กมากและสามารถประกอบแผงวงจรไฟฟ้า ประเภท SMD (Surface-Mount-Device) และ COB (Chip-on-Board) เพิ่มขึ้นจากการประกอบแผงวงจรไฟฟ้า PCBA ซึ่งเริ่มกิจการในปี พ.ศ. 2539 รวมทั้งทำการรับประกอบชิ้นส่วนสำหรับคอมพิวเตอร์ laptop , High Frequency Mixer สำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมและ Flexible PCB สำหรับผลิตภัณฑ์โทรคมนาคม ในปี 2545 โรงงานได้รับโอนย้ายสายการผลิตผลิตภัณฑ์ RFID จากโรงงานลำพูนเพื่อลดต้นทุนการผลิต
5. โรงงานที่ทวินส์เบิกร์ โอไฮโฮ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 24,000 ตารางฟุต โดยโรงงานแห่งนี้ทำการผลิต LCoS (Liquid Crystal on Silicon) ซึ่งใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบจอภาพโทรทัศน์ขนาดใหญ่ จอภาพคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ multimedia projector และทำการผลิตอุปกรณ์จำพวก MEMS-Based devices, HTPs, Optical switches ในปี 2545ได้ทำการโอนย้ายอุปกรณ์การผลิต Microdisplay ไปยังโรงงานที่อยุธยาเพื่อประโยชน์ทางด้านการผลิตต้นทุนต่ำ
โรงงานในประเทศไทย ทั้ง 3 แห่ง ของบริษัทฯ คือ โรงงานในกรุงเทพฯ อยุธยา และ ลำพูน ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จากสำนักคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด เป็นผลให้โรงงานทั้ง 3 แห่ง ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักร และ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม และ สิทธิอื่นๆ
-
HANA
ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมลงทุนหุ้นตัวนี้ประมาณ 20% ของพอร์ตแล้วครับ
กะว่าจะลงทุนระยะยาวหน่อย เลยอยากได้ ไอเดียจากพวกพี่ๆเพิ่มเติมหน่ะครับ เผื่อมีบางมุมมองที่ยังมองไม่ออก สำหรับหุ้นตัวนี้
ผมจบวิศวะไฟฟ้า อิเลคทรอนิคครับ ทำงานเกี่ยวกับโทรคมนาคม ในมุมมองของผม ผมว่าระบบโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ สื่อสารต่างๆ ธุรกิจยังน่าจะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่องครับ และผมมองหุ้นตัวนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่เข้าไปลงทุนในช่วงแรกๆ เพราะมองว่าราคาแพงไป แต่ช่วงนี้ราคาตกลงไปมาก เนื่องจากข่าวนักวิเคราะห์เมืองนอกให้ลดการลงทุนครับ โดยพื้นฐานของหุ้นตัวนี้ที่ชอบนะครับ
1.มีหนี้น้อย กำไรปีหนึ่งสามารถจ่ายหนี้ได้หมดเลย ผลดำเนินการไตรมาสแรกก็ออกมาดี รอลุ้นไตรมาสสองอยู่ครับ
2.ฮานา จำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยตรงโดยไม่มีการจำหน่ายผ่านตัวแทน โดยประมาณ 50% ของยอดขายส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา 25% ของยอดขายส่งออกไปยัง ยุโรป และที่เหลืออีกประมาณ 25% ของยอดขายส่งออกไปยังประเทศในแถบเอเซีย ถ้าค่าเงินบาทอ่อนน่าจะทำกำไรได้ดีขึ้น
แต่วัตถุดิบส่วนใหญ่ก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ปัจจุบัน วัตถุดิบในประเทศที่จะนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของฮานายังมีปริมาณจำกัด อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ ฮานาพยายามที่จะหาตลาดวัตถุดิบภายในประเทศก่อน ขณะนี้ ฮานาสามารถจัดหาวัตถุดิบได้เพียงพอต่อความต้องการ โดยทำการซื้อวัตถุดิบจากผู้จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศรวม 280 ราย และจะวางแผนในการสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า 3 เดือน
สำหรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบมีเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีข้อตกลง กับผู้จำหน่ายในการที่จะเพิ่มหรือลดปริมาณสั่งซื้อ โดยจะต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนในกรณี ที่มีการเปลี่ยนแปลงและ ผู้จำหน่ายจะต้องแจ้งบริษัทล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนเช่นกัน กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงราคา โดยปัจจุบันสัดส่วนการซื้อวัตถุดิบในประเทศ ต่อต่างประเทศ (คิดตามมูลค่า) เท่ากับร้อยละ 10 ต่อ 90
3.มีสินค้าคงเหลือน้อย เนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯ และ บริษัทย่อย เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมอิเล็คโทรนิคส์ และจะทำการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ส่งผลให้ปริมาณสินค้าคงเหลือส่วนใหญ่ของบริษัทฯ คือ วัตถุดิบ วัสดุสิ้นเปลือง เครื่องมือ และ สินค้าระหว่างการผลิต หรือ มีส่วนน้อยที่อยู่ในรูปของสินค้าสำเร็จรูปที่รอการจัดส่งให้แก่ลูกค้า
กะว่าจะลงทุนระยะยาวหน่อย เลยอยากได้ ไอเดียจากพวกพี่ๆเพิ่มเติมหน่ะครับ เผื่อมีบางมุมมองที่ยังมองไม่ออก สำหรับหุ้นตัวนี้
ผมจบวิศวะไฟฟ้า อิเลคทรอนิคครับ ทำงานเกี่ยวกับโทรคมนาคม ในมุมมองของผม ผมว่าระบบโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ สื่อสารต่างๆ ธุรกิจยังน่าจะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่องครับ และผมมองหุ้นตัวนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่เข้าไปลงทุนในช่วงแรกๆ เพราะมองว่าราคาแพงไป แต่ช่วงนี้ราคาตกลงไปมาก เนื่องจากข่าวนักวิเคราะห์เมืองนอกให้ลดการลงทุนครับ โดยพื้นฐานของหุ้นตัวนี้ที่ชอบนะครับ
1.มีหนี้น้อย กำไรปีหนึ่งสามารถจ่ายหนี้ได้หมดเลย ผลดำเนินการไตรมาสแรกก็ออกมาดี รอลุ้นไตรมาสสองอยู่ครับ
2.ฮานา จำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยตรงโดยไม่มีการจำหน่ายผ่านตัวแทน โดยประมาณ 50% ของยอดขายส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา 25% ของยอดขายส่งออกไปยัง ยุโรป และที่เหลืออีกประมาณ 25% ของยอดขายส่งออกไปยังประเทศในแถบเอเซีย ถ้าค่าเงินบาทอ่อนน่าจะทำกำไรได้ดีขึ้น
แต่วัตถุดิบส่วนใหญ่ก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ปัจจุบัน วัตถุดิบในประเทศที่จะนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของฮานายังมีปริมาณจำกัด อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ ฮานาพยายามที่จะหาตลาดวัตถุดิบภายในประเทศก่อน ขณะนี้ ฮานาสามารถจัดหาวัตถุดิบได้เพียงพอต่อความต้องการ โดยทำการซื้อวัตถุดิบจากผู้จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศรวม 280 ราย และจะวางแผนในการสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า 3 เดือน
สำหรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบมีเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีข้อตกลง กับผู้จำหน่ายในการที่จะเพิ่มหรือลดปริมาณสั่งซื้อ โดยจะต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนในกรณี ที่มีการเปลี่ยนแปลงและ ผู้จำหน่ายจะต้องแจ้งบริษัทล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนเช่นกัน กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงราคา โดยปัจจุบันสัดส่วนการซื้อวัตถุดิบในประเทศ ต่อต่างประเทศ (คิดตามมูลค่า) เท่ากับร้อยละ 10 ต่อ 90
3.มีสินค้าคงเหลือน้อย เนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯ และ บริษัทย่อย เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมอิเล็คโทรนิคส์ และจะทำการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ส่งผลให้ปริมาณสินค้าคงเหลือส่วนใหญ่ของบริษัทฯ คือ วัตถุดิบ วัสดุสิ้นเปลือง เครื่องมือ และ สินค้าระหว่างการผลิต หรือ มีส่วนน้อยที่อยู่ในรูปของสินค้าสำเร็จรูปที่รอการจัดส่งให้แก่ลูกค้า