เหล็ก???
ผู้ใช้เหล็กรีดร้อน สกัดก.พาณิชย์ ยกเลิกA/Dถาวร
กลุ่มผู้ใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนเตรียมเสนอกระทรวงพาณิชย์ยกเลิกมาตรการA/Dเหล็กแผ่นรีดร้อน ที่กำลังจะครบอายุการยกเลิกชั่วคราว 6 เดือนในวันที่ 19 กันยายนนี้ เนื่องจากสถานการณ์เหล็กยังอยู่ในภาวะตึงตัว หลังจากที่ประเทศผู้นำเศรษฐกิจอย่างอเมริกา ยุโรป อินเดีย จีน มีภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวพร้อมกัน
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นและวงการอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างกลุ่มยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าในวันที่ 19 กันยายนนี้ จะครบกำหนดที่กระทรวงพาณิชย์ยกเลิกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดหรือ Antie Dumping:A/D กับเหล็กแผ่นรีดร้อนกับ 14 ประเทศ เป็นการชั่วคราว 6 เดือนนับตั้งแต่ที่มีประกาศมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้ต่อเนื่องเตรียมที่จะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์มีการพิจารณายกเลิกมาตรการA/Dไป โดยไม่ต้องกลับมาใช้มาตรการดังกล่าวอีก เนื่องจากปัจจุบันการใช้เหล็กทั้งโลกยังอยู่ในภาวะตึงตัว หลังจากที่ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจอย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป อินเดีย และจีน มีการเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมกัน ทำให้เกิดการแย่งกันใช้ โดยเฉพาะเหล็กแผ่นรีดร้อนในตลาดโลก
อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลไม่สามารถที่จะยกเลิกมาตรการนี้ได้ทันที ก็ควรจะมีการพิจารณาขยายระยะเวลาการยกเลิกมาตรการA/Dชั่วคราวต่อไปอีก จนกว่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติในอุตสาหกรรมนี้
นอกจากนี้ในช่วงปลายปีนี้ ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรายใหญ่ในประเทศอย่างบมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จะหยุดปรับปรุงเครื่องจักรสำหรับรีดร้อน ประมาณ 1 เดือนครึ่ง จะทำให้ปริมาณเหล็กแผ่นรีดร้อนหายไปจากตลาดจำนวนมาก ดังนั้นหากต้องมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น รัฐบาลก็ควรจะพิจารณายกเลิกมาตรการA/Dไป
สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้นาย ซึโทมิ ยามาดะ ประธานบริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (1995) จำกัด หรือ SUS ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นรายหนึ่ง เคยกล่าวกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าสถานการณ์ของเหล็กแผ่นรีดร้อนซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นนั้น อยู่ในสถาพที่ตึงตัวทั่วโลก เมื่อซัพพายทั่วโลกตึงตัว ทำให้ราคาสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งเวลานี้SUS ต้องขอบคุณรัฐบาล เพราะการที่รัฐบาลยกเลิกA/D ออกไป เป็นการชั่วคราวมาตั้งแต่เดือนเมษายนนั้น ทำให้ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็น มีโอกาสมองหาแหล่งซัพพายอื่นๆ เพื่อที่จะหาแหล่งวัตถุดิบ(เหล็กแผ่นรีดร้อน)ได้ในราคาที่ถูกกว่า SSI เช่น จากแหล่งอื่นๆ มากขึ้นด้วย เช่น บราซิล จีน อินโดนีเซีย และไต้หวัน
ด้านนายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี หรือSSI ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรายใหญ่ กล่าวถึงการหยุดปรับปรุงเครื่องจักรว่า บริษัทจะเร่งสะต๊อกเหล็กแผ่นรีดร้อนไว้ นอกจากนี้ปริมาณเหล็กแผ่นรีดร้อนยังมีสำรองจากคู่แข่งขันในประเทศอีก จำนวนหนึ่งโดยเฉพาะ จากบมจ.จี สตีล และบมจ.นครไทยสริปมิลล์ ซึ่ง 2 ค่ายนี้น่าจะเพิ่มกำลังผลิตรองรับได้ด้วย
สำหรับบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือSSI มีกำลังผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 2.4 ล้านตัน หลังปี2548 จะมีกำลังผลิตได้ถึง 4 ล้านตัน/ปี
อนึ่งการพิจารณาการทุ่มตลาดและอุดหนุน ให้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้ามาจาก 14 ประเทศ ที่มีแหล่งกำเนิดจากญี่ปุ่น 36.25%ของราคาซีไอเอฟ แอฟริกาใต้ 128.11% รัสเซีย 24.20-35.17% คาซัคสถาน 109.25% อินเดีย 26.81-31.92% เกาหลีใต้ 13.96% ไต้หวัน 3.45-25.15% เวเนซูเอลา 78.44% อาร์เจนตินา 37.94-53.09% ยูเครน 30.45-67.69% แอลจีเรีย 33.26% อินโดนีเซีย 24.48% สโลวัก 51.95% โรมาเนีย 27.95% เป็นเวลา 5 ปี ต่อมาเมื่อเดือนเมษายนเกิดการร้องเรียนจากกลุ่มผู้ใช้ต่อเนื่องถึงปัญหาเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศไม่ตรงกับที่ตลบาดในประเทศต้องการ และอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงตัวทั่วโลก กระทรวงพาณิชย์จึงประกาศยกเลิกมาตรการA/Dชั่วคราว เป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน2547 เป็นต้นมา และกำลังจะสิ้นสุดประกาศดังกล่าวภายในเดือนกันยายนนี้