หรือ Egcomp เป็นมีบทบาทเป็นเพียงผู้รับจ้างผลิต

double U

ขอเอาบทวิเคราะห์มาให้อ่านก่อนนะครับ
---------------------------------------
ฟิลลิป-พัฒนสิน-ไซรัส ฟันธง เรื่อง VAT ของ EGCOMP รัฐต้องยื่นมือช่วยแต่ถ้าช้าหุ้นอาจอืดวิ่งไม่ออก

ฟิลลิป CNS ระบุเรื่องปัญหา VAT รัฐบาลต้องช่วยเพราะ EGCOMP ไม่ได้ตั้งใจหลีกเลี่ยง โดยฟิลลิปเชื่อถ้ารัฐมนตรีออกโรงช่วยเรื่อง VAT จริงจะเชื่อเป็นเรื่องดีสำหรับ EGCOMP ส่วนไซรัสมั่นใจอาจจะไม่ต้องจ่ายตามจำนวนที่ระบุ แต่ความล่าช้าอาจทำให้ราคาหุ้นอืด

บทวิเคราะห์จาก บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวถึง บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCOMP) ว่าในเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มของ EGCOMP นั้นได้เป็นปัญหามาระยะหนึ่ง ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่ความผิดของ EGCOMP เนื่องจากในการซื้อก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้านั้น ทางก
ฟผ. เป็นผู้จัดให้ไม่มีการจ่ายเงินซื้อและการขายกัน ทั้งนี้ ในการจำหน่ายไฟฟ้าใหกับ กฟผ. ก็ไม่มีการคำนวณค่าก๊าซธรรมชาติเข้าไปด้วย แต่ทางกรมสรรพากรแจ้งว่าทั้ง EGCOMP และ กฟผ. มีการหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งทาง EGCOMP ก็ได้แจ้งถึงเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นแล้วว่าไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด ทางฝ่ายฯเห็นว่า ข่าวรมต.กระทรวงพลังงานจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้เป็นข่าวดีมาก สำหรับ EGCOMP เพราะเรื่อง VAT เป็นเรื่องคาราคาซังที่ทำให้สร้างความไม่แน่นอนให้กับ EGCOMP ว่าจะต้องมีภาระจ่ายภาษีดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้ทาง รมต.คงให้ความเป็นธรรมมากขึ้นกับ EGCOMP ทางฝ่ายฯแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรตามข่าว และให้ซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาวด้วย
โดยมีราคาที่เหมาะสมที่ 85 บาท ต่อหุ้น

บทวิเคราะห์จาก บล.พัฒนสิน (CNS) กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวที่ยังไม่ได้ข้อสรุป จะส่งผลลบต่อราคาหุ้น EGCOMP อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากตัวเลขภาษีมูลค่าที่ EGCOMP นำส่งให้กรมสรรพากร ซึ่งคิดบนพื้นฐานของค่าไฟฟ้าที่ไม่
รวมค่าเชื้อเพลิง จะมีตัวเลขสุทธิเท่ากับกรณีที่คิดภาษีขายค่าไฟฟ้าที่รวมค่าเชื้อเพลิงหักลบด้วยภาษีซื้อค่าเชื้อเพลิง อีกทั้ง EGCOMP ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม

บทวิเคราะห์จาก บล.ไซรัส กล่าวว่า ปัญหา VAT ดังกล่าวมีมานานตั้งแต่ต้นปี เข้าใจว่า ทาง EGCOMP พยายามหาทางเจรจาเพื่อให้ได้ข้อสรุป (โดยเชื่อมั่นว่าบริษัทจะไม่ต้องจ่ายเงินในอัตราที่สูงมากขนาดนั้น เนื่องจากเป็นการซื้อขายก๊าซฯ ระหว่างกันและภาระต้นทุนค่าก๊าซฯ เป็นภาระของผู้ซื้อก๊าซฯ คือกฟผ.) เนื่องจากเป็นประเด็นหนึ่งที่จำกัดการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท การออกมาแสดงความพยายามในการหาทางออกของกระทรวงพลังงาน จึงอาจจะมองในแง่ดีว่าปัญหาดังกล่าวจะได้มีความคืบหน้าเสียที

อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องใช้เวลาต่อไป เพราะเรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องกับการแปรรูปของกฟผ.และการตัดสินของรัฐ ความยืดเยื้อของปัญหาดังกล่าวจึงอาจจะยังเป็นปัจจัยจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นต่อไป แม้ราคาหุ้นปัจจุบัน จะยังมีส่วนลด 18.4% จากมูลค่าที่ควรจะเป็น

double U

คือผมพยายามมองภาพแบบง่ายๆนะครับ

กฟผ.จ่ายเงินซื้อก๊าซมาให้ egcomp ผลิตเป็นไฟฟ้า
แล้ว egcomp ก็ขายไฟให้กับ กฟผ.

สิ่งที่ egcomp ทำคือการเอาวัตถุดิบ(ก๊าซ)จากนายจ้าง
มาแปรรูป โดยใช้เครื่องจักรของ egcomp ผลิตเป็นสินค้า
ที่นายจ้างต้องการ แล้วขายสินค้านั้นคืนให้นายจ้าง
( โดยไม่มีการคิดค่าวัตถุดิบรวมไปในนั้นด้วย เพราะไม่ได้ซื้อขายกัน )

ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่าง กฟผ. และ egcomp น่าจะคือ
"ค่าจ้างผลิตไฟฟ้า" เท่านั้น

double U

ลองเปรียบเทียบเป็นสินค้าตัวอื่น

นาย A ไปซื้อเหล็กมาก้อนนึง ที่ราคาขายรวม vat ไปแล้ว
เอาเหล็กก้อนนั้น มาให้นาย B ตีเป็นดาบ

นาย B รับมอบเหล็กก้อนนั้นมา เข้าเครื่องจักรที่โรงงานตัวเอง
ทุบไปทุบมาจนเป็นดาบในที่สุด

นาย B เอาดาบที่ตีเสร็จแล้วไปให้นาย A
นาย A จ่ายค่าจ้างในการตีดาบแก่นาย B ไป
ส่วนนาย A เอาดาบไปขายกับนาย C โดยราคาขาย
ได้บวกค่าเหล็กและ vat ไปด้วย

นาย B คือผู้รับจ้างผลิตเท่านั้น เงินที่ได้คือค่าจ้างทำดาบ
ถ้าจะเสียภาษี ต้องเสียภาษีเงินได้จากค่าจ้างตีดาบเท่านั้น
ไม่ใช่หรือครับ

double U

ผมก็ทำธุรกิจคล้ายๆแบบนี้ คือผมทำธุรกิจที่ต้องจ้างผู้อื่นผลิต
ในบางส่วน โดยวัตถุดิบเป็นของผม หน้าที่ผมคือเก็บภาษี
หักภาษี ณ ที่จ่ายในส่วนค่าจ้างทำของส่งรัฐเท่านั้นครับ
หักจากค่าจ้างที่เราต้องจ่ายไปตามที่ตกลงกันนั่นแหละ
ถ้าผมไม่หักเก็บจากเค้า ผมต้องเป็นคนรับภาระภาษีที่ว่านั้นเอง
( ประมาณ 5% ตัวเลขจริงๆจำไม่ได้ ต้องไปถาม บช. )

ส่วน vat ผมเป็นคนดำเนินการเอง ทั้งภาษีซื้อและภาษีขาย
เพราะผมซื้อวัตถุดิบมา และผมขายสินค้าที่ผลิตออกมา
แล้วด้วยตัวเอง