ทำไม
ทำไม
- ทำไมต้องตั้งแผนแม่บทการเงิน ควบรวม Bank เพราะ TMB
- ทำไมต้องจัดระเบียบโบรกเกอร์ เพราะ Asset
- ทำไมต้องแก้ไขพรบ.การท่าอากาศยาน การบินไทย เพราะ Low Cost Airline
- ทำไมต้องสนับสนุนการท่องเที่ยว เพราะ Air Asia
-ทำไมต้องเมืองใหม่นครนายก เพราะ SC ซื้อที่ไว้เยอะมากตั้งแต่รังสิตยันนครนายก
-ทำไมต้องตั้งกระทรวง ICT เพระแก้สัญญาสัมปทาน
- ทำไมต้องให้ TOT ทำโทรต่างประเทศได้ เพราะ AIS จะได้ทำได้ด้วย
- ทำไมต้อง 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะได้ซื้อโรงบาลเอกชลไว้แล้ว
- ทำไมต้องกองทุนหมู่บ้าน พักหนี้ ธนาคารประชาชน เพราะจะได้มีเงินซื้อมือถือ
- ทำไมต้องฟ้องร้องสัญญาทั้งที่ตอนประมูลเป็นผู้เสนอเอง เพราะ ITV ขาดทุน
- ทำไมต้องมีนายกพบประชาชน แทรกแทรงสื่อทั้งที่ต่างชาติไม่มี เพราะหาเสียง อวดผลงาน
- ทำไมต้องบีบให้ประธาน สว. ลาออก เพราะยังคุม สว. ไม่ได้
- ทำไมต้องไม่ชอบนักวิชาการ NGO เพราะทำถูกทุกอย่าง แย้งไม่ได้
- ทำไมต้องจัดระเบียบข้าราชการ เพราะรื้อฐานการเมืองเก่าสร้างฐานการเมืองใหม่
- ทำไมต้องไปเยือนอินเดียหลายครั้ง เพราะต่อสัญญา SATTEL
- ทำไมต้องลดทุน TPI พราะยุทธการยึดอย่างหน้า...ด...ตาเฉย
- ทำไมต้องจัดระเบียบโบรกเกอร์ เพราะ Asset
- ทำไมต้องแก้ไขพรบ.การท่าอากาศยาน การบินไทย เพราะ Low Cost Airline
- ทำไมต้องสนับสนุนการท่องเที่ยว เพราะ Air Asia
-ทำไมต้องเมืองใหม่นครนายก เพราะ SC ซื้อที่ไว้เยอะมากตั้งแต่รังสิตยันนครนายก
-ทำไมต้องตั้งกระทรวง ICT เพระแก้สัญญาสัมปทาน
- ทำไมต้องให้ TOT ทำโทรต่างประเทศได้ เพราะ AIS จะได้ทำได้ด้วย
- ทำไมต้อง 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะได้ซื้อโรงบาลเอกชลไว้แล้ว
- ทำไมต้องกองทุนหมู่บ้าน พักหนี้ ธนาคารประชาชน เพราะจะได้มีเงินซื้อมือถือ
- ทำไมต้องฟ้องร้องสัญญาทั้งที่ตอนประมูลเป็นผู้เสนอเอง เพราะ ITV ขาดทุน
- ทำไมต้องมีนายกพบประชาชน แทรกแทรงสื่อทั้งที่ต่างชาติไม่มี เพราะหาเสียง อวดผลงาน
- ทำไมต้องบีบให้ประธาน สว. ลาออก เพราะยังคุม สว. ไม่ได้
- ทำไมต้องไม่ชอบนักวิชาการ NGO เพราะทำถูกทุกอย่าง แย้งไม่ได้
- ทำไมต้องจัดระเบียบข้าราชการ เพราะรื้อฐานการเมืองเก่าสร้างฐานการเมืองใหม่
- ทำไมต้องไปเยือนอินเดียหลายครั้ง เพราะต่อสัญญา SATTEL
- ทำไมต้องลดทุน TPI พราะยุทธการยึดอย่างหน้า...ด...ตาเฉย
จากกรุงเทพธุรกิจ ฉบับพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547
กาแฟดำ : ITV...ตราบาปนี้ จะอยู่คู่สังคมไทย
หากรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร ยอมเสีย "ค่าโง่ไอทีวี" กว่า 17,000 ล้านบาท และรื้อสัญญาเดิมจนหมดความเป็น "สถานีข่าวและสาระที่เสรี" ตามหลักการก่อตั้งมาแต่แรกเริ่ม ตราบาปนี้จะจารึกไว้ในแผ่นดินไปตลอด และจะเป็นรอยด่าง ในประวัติศาสตร์การเมือง และสื่อมวลชนของประเทศไทย ที่จะเป็นกรณีศึกษาตลอดไป
ลูกหลานอีกหลายชั่วคนก็ยังจะต้องวิเคราะห์ประเด็นเรื่องการทับซ้อนของผลประโยชน์, การใช้สองมาตรฐานของผู้มีอำนาจทางการเมือง และอำนาจครอบงำของรัฐต่อสื่อของประชาชน
อีกทั้งจะเป็นแผลแห่งxxxร้ายของประเทศ และเป็นรอยด่างของตระกูลชินวัตรไปอีกนานแสนนาน
เพราะหากทำตามมติของคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อให้ไอทีวีลดค่าสัมปทานอย่างมโหฬาร และยกเลิกเงื่อนไขที่ให้เป็นสถานีข่าวสารที่ปลอดจากการควบคุมของอิทธิพลการเมือง และผลประโยชน์ธุรกิจของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้วไซร้ ก็เท่ากับ หักหลังประชาชน
วิญญาณของคนไทยที่บาดเจ็บและเสียชีวิตในการต่อสู้กับเผด็จการที่ปิดบัง และบิดเบือนข่าวสารผ่านสื่อของรัฐในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ย่อมจะอยู่เป็นสุขไม่ได้
เพราะบัดนี้ "สื่อเสรี" ที่ได้มาด้วยการแลกเลือดเนื้อของประชาชนคนไทยนั้นถูก ปล้น ไปต่อหน้าต่อตา
จะต้องให้มีการนองเลือดอีกครั้งหนึ่ง ต้องให้มีการเสียชีวิตกันครั้งใหญ่อีกครั้งหรือ ประเทศนี้จึงจะหันมาเห็นความสำคัญของการมี "สื่อวิทยุและโทรทัศน์เสรี" เพื่อทำหน้าที่รายงานความเป็นไปของบ้านเมืองอย่างดี
ไม่ใช่ถูกฮุบโดยกลุ่มผลประโยชน์และอิทธิพลการเมืองที่แฝงเข้ามาในรูปแบบต่างๆ เพื่อกอบโกยและยึดเอาสถานีโทรทัศน์เพื่อสาธารณะไปเป็นสมบัติส่วนตัว
อย่าได้หลงประเด็นว่านี่เป็นการสูญเสียเงินของ "รัฐ" เกือบสองหมื่นล้านบาท หากแต่ทั้งหมดนี้เป็นการเสียหายของประชาชนคนไทยทุกคน
เพราะเราไม่ได้เพียงเสียเงินและรายได้เข้ารัฐ (ซึ่งเป็นของประชาชน, ไม่ใช่ส่วนตัวของพรรคการเมืองหรือของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว) หากแต่เราได้สูญเสียสื่อที่ประชาชนต้องการมีสิทธิมีเสียงในการกำหนดทิศทางให้เป็นสื่อที่เสรี และปราศจากการเข้ามายึดครองและทำมาหากินของกลุ่มธุรกิจผสมการเมืองที่ใช้วิธีการอันแยบยลโดยไม่สนใจหัวใจของประเด็นที่สังคมเรียกร้อง
เพราะกรณีไอทีวีล่าสุดนี้ คือ ส่วนผสมผสานของความเลวร้ายแห่งสังคมมากมายหลายส่วนโคจรมาพบกันอย่างไม่น่าเชื่อ
1.การทับซ้อนของผลประโยชน์ (Conflict of interests) กลุ่มธุรกิจที่เป็นเจ้าของสัมปทานและที่ดำเนินการขอ "ค่าโง่ไอทีวี" กับกลุ่มที่มีอำนาจทางการเมืองวันนี้ คือ กลุ่มเดียวกัน จะอ้างเหตุผลอย่างไรก็หนีไม่พ้นความจริงที่ว่า ฝ่ายได้ประโยชน์กับฝ่ายที่มีอำนาจตัดสินให้ประเทศชาติเสียหายนั้นเป็นคนกลุ่มเดียวกัน
กรณี "ค่าโง่ทางด่วน" สายบางนา-บางปะกง 6,200 ล้านบาทไม่ได้แตกต่างกันในเนื้อหาสาระมากมายนัก
ในกรณีนั้น นายกรัฐมนตรีทักษิณ ประกาศอย่างกราดเกรี้ยวโดยฉับพลันว่าจะลากคอคนโกงและคนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาลงโทษ และรัฐบาลจะ "ไม่ยอมจ่ายแม้แต่บาทเดียว"
กรณีของ "ค่าโง่ไอทีวี" นี้, นายกฯคนเดียวกันบอกว่า "ไม่ทราบรายละเอียด" และนั่นนำไปสู่xxxร้ายของผู้กุมอำนาจรัฐไทยวันนี้ นั่นคือ
2.เรื่องเดียวมีสองมาตรฐาน (double standards) อันหมายความว่าถ้าตนเองหรือพรรคพวกของตนได้ประโยชน์ จะใช้มาตรฐานในการพิจารณาระดับหนึ่ง แต่ถ้าตนไม่ได้ประโยชน์ หรือคนอื่นที่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับตนทำเรื่องเดียวกัน ก็จะใช้มาตรฐานอีกมาตรฐานหนึ่ง
เป็นมาตรฐานที่อันตราย และกำลังนำประเทศไปสู่ความหายนะ เพราะแม้ในกรณีการทำลายไก่ และสัตว์ปีกทั้งหลายก็เกิด double standard อย่างที่ชาวบ้านรับไม่ได้อย่างชัดเจน
และตราบาปอันใหญ่หลวงอีกข้อหนึ่ง คือ การทรยศต่อหลักการของการตั้ง "ทีวีเสรี" อย่างน่าละอายยิ่ง เพราะประเด็นวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการยัง "ปลดล็อก" ด้านเนื้อหาสาระที่สัญญาบังคับให้ไอทีวีต้องเสนอรายการข่าว, สารคดี และสาระประโยชน์ร้อยละ 70 ของเวลาออกอากาศทั้งหมด
เพราะนั่นคือเป้าประสงค์หลักของการที่รัฐบาล อานันท์ ปันยารชุน ตั้งขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนคนไทยที่ไม่ต้องการให้สื่อของรัฐบิดเบือนและโป้ปดมดเท็จในยามที่เกิดวิฤติกับบ้านเมืองอันนำไปสู่การฆ่าฟันกันอย่างบ้าระห่ำในยุคนั้น
และความรุนแรงบ้าคลั่งเช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้อีกหากรัฐเข้าควบคุมสั่งการสื่อของรัฐอย่างที่กำลังเห็นเป็นแนวโน้มอยู่วันนี้
คำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการยอมให้ลดเนื้อหาสาระแห่งข่าวสารนั้นจากร้อยละ 75 เหลือร้อยละ 50 และที่สำคัญ คือ ในช่วงไพร์มไทม์ ซึ่งต้องเป็นข่าว, สารคดี และสาระประโยชน์ 100 เปอร์เซ็นต์นั้นถูกยกเลิกทั้งหมด
เท่ากับเป็นการแปรโฉม "ทีวีเสรี" ให้กลายเป็นธุรกิจเพื่อสนองนายทุนเพื่อความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ
เห็นคนไทยทั้งประเทศ "โง่ดักดาน" จริงๆ ครับ
กาแฟดำ : ITV...ตราบาปนี้ จะอยู่คู่สังคมไทย
หากรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร ยอมเสีย "ค่าโง่ไอทีวี" กว่า 17,000 ล้านบาท และรื้อสัญญาเดิมจนหมดความเป็น "สถานีข่าวและสาระที่เสรี" ตามหลักการก่อตั้งมาแต่แรกเริ่ม ตราบาปนี้จะจารึกไว้ในแผ่นดินไปตลอด และจะเป็นรอยด่าง ในประวัติศาสตร์การเมือง และสื่อมวลชนของประเทศไทย ที่จะเป็นกรณีศึกษาตลอดไป
ลูกหลานอีกหลายชั่วคนก็ยังจะต้องวิเคราะห์ประเด็นเรื่องการทับซ้อนของผลประโยชน์, การใช้สองมาตรฐานของผู้มีอำนาจทางการเมือง และอำนาจครอบงำของรัฐต่อสื่อของประชาชน
อีกทั้งจะเป็นแผลแห่งxxxร้ายของประเทศ และเป็นรอยด่างของตระกูลชินวัตรไปอีกนานแสนนาน
เพราะหากทำตามมติของคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อให้ไอทีวีลดค่าสัมปทานอย่างมโหฬาร และยกเลิกเงื่อนไขที่ให้เป็นสถานีข่าวสารที่ปลอดจากการควบคุมของอิทธิพลการเมือง และผลประโยชน์ธุรกิจของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้วไซร้ ก็เท่ากับ หักหลังประชาชน
วิญญาณของคนไทยที่บาดเจ็บและเสียชีวิตในการต่อสู้กับเผด็จการที่ปิดบัง และบิดเบือนข่าวสารผ่านสื่อของรัฐในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ย่อมจะอยู่เป็นสุขไม่ได้
เพราะบัดนี้ "สื่อเสรี" ที่ได้มาด้วยการแลกเลือดเนื้อของประชาชนคนไทยนั้นถูก ปล้น ไปต่อหน้าต่อตา
จะต้องให้มีการนองเลือดอีกครั้งหนึ่ง ต้องให้มีการเสียชีวิตกันครั้งใหญ่อีกครั้งหรือ ประเทศนี้จึงจะหันมาเห็นความสำคัญของการมี "สื่อวิทยุและโทรทัศน์เสรี" เพื่อทำหน้าที่รายงานความเป็นไปของบ้านเมืองอย่างดี
ไม่ใช่ถูกฮุบโดยกลุ่มผลประโยชน์และอิทธิพลการเมืองที่แฝงเข้ามาในรูปแบบต่างๆ เพื่อกอบโกยและยึดเอาสถานีโทรทัศน์เพื่อสาธารณะไปเป็นสมบัติส่วนตัว
อย่าได้หลงประเด็นว่านี่เป็นการสูญเสียเงินของ "รัฐ" เกือบสองหมื่นล้านบาท หากแต่ทั้งหมดนี้เป็นการเสียหายของประชาชนคนไทยทุกคน
เพราะเราไม่ได้เพียงเสียเงินและรายได้เข้ารัฐ (ซึ่งเป็นของประชาชน, ไม่ใช่ส่วนตัวของพรรคการเมืองหรือของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว) หากแต่เราได้สูญเสียสื่อที่ประชาชนต้องการมีสิทธิมีเสียงในการกำหนดทิศทางให้เป็นสื่อที่เสรี และปราศจากการเข้ามายึดครองและทำมาหากินของกลุ่มธุรกิจผสมการเมืองที่ใช้วิธีการอันแยบยลโดยไม่สนใจหัวใจของประเด็นที่สังคมเรียกร้อง
เพราะกรณีไอทีวีล่าสุดนี้ คือ ส่วนผสมผสานของความเลวร้ายแห่งสังคมมากมายหลายส่วนโคจรมาพบกันอย่างไม่น่าเชื่อ
1.การทับซ้อนของผลประโยชน์ (Conflict of interests) กลุ่มธุรกิจที่เป็นเจ้าของสัมปทานและที่ดำเนินการขอ "ค่าโง่ไอทีวี" กับกลุ่มที่มีอำนาจทางการเมืองวันนี้ คือ กลุ่มเดียวกัน จะอ้างเหตุผลอย่างไรก็หนีไม่พ้นความจริงที่ว่า ฝ่ายได้ประโยชน์กับฝ่ายที่มีอำนาจตัดสินให้ประเทศชาติเสียหายนั้นเป็นคนกลุ่มเดียวกัน
กรณี "ค่าโง่ทางด่วน" สายบางนา-บางปะกง 6,200 ล้านบาทไม่ได้แตกต่างกันในเนื้อหาสาระมากมายนัก
ในกรณีนั้น นายกรัฐมนตรีทักษิณ ประกาศอย่างกราดเกรี้ยวโดยฉับพลันว่าจะลากคอคนโกงและคนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาลงโทษ และรัฐบาลจะ "ไม่ยอมจ่ายแม้แต่บาทเดียว"
กรณีของ "ค่าโง่ไอทีวี" นี้, นายกฯคนเดียวกันบอกว่า "ไม่ทราบรายละเอียด" และนั่นนำไปสู่xxxร้ายของผู้กุมอำนาจรัฐไทยวันนี้ นั่นคือ
2.เรื่องเดียวมีสองมาตรฐาน (double standards) อันหมายความว่าถ้าตนเองหรือพรรคพวกของตนได้ประโยชน์ จะใช้มาตรฐานในการพิจารณาระดับหนึ่ง แต่ถ้าตนไม่ได้ประโยชน์ หรือคนอื่นที่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับตนทำเรื่องเดียวกัน ก็จะใช้มาตรฐานอีกมาตรฐานหนึ่ง
เป็นมาตรฐานที่อันตราย และกำลังนำประเทศไปสู่ความหายนะ เพราะแม้ในกรณีการทำลายไก่ และสัตว์ปีกทั้งหลายก็เกิด double standard อย่างที่ชาวบ้านรับไม่ได้อย่างชัดเจน
และตราบาปอันใหญ่หลวงอีกข้อหนึ่ง คือ การทรยศต่อหลักการของการตั้ง "ทีวีเสรี" อย่างน่าละอายยิ่ง เพราะประเด็นวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการยัง "ปลดล็อก" ด้านเนื้อหาสาระที่สัญญาบังคับให้ไอทีวีต้องเสนอรายการข่าว, สารคดี และสาระประโยชน์ร้อยละ 70 ของเวลาออกอากาศทั้งหมด
เพราะนั่นคือเป้าประสงค์หลักของการที่รัฐบาล อานันท์ ปันยารชุน ตั้งขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนคนไทยที่ไม่ต้องการให้สื่อของรัฐบิดเบือนและโป้ปดมดเท็จในยามที่เกิดวิฤติกับบ้านเมืองอันนำไปสู่การฆ่าฟันกันอย่างบ้าระห่ำในยุคนั้น
และความรุนแรงบ้าคลั่งเช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้อีกหากรัฐเข้าควบคุมสั่งการสื่อของรัฐอย่างที่กำลังเห็นเป็นแนวโน้มอยู่วันนี้
คำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการยอมให้ลดเนื้อหาสาระแห่งข่าวสารนั้นจากร้อยละ 75 เหลือร้อยละ 50 และที่สำคัญ คือ ในช่วงไพร์มไทม์ ซึ่งต้องเป็นข่าว, สารคดี และสาระประโยชน์ 100 เปอร์เซ็นต์นั้นถูกยกเลิกทั้งหมด
เท่ากับเป็นการแปรโฉม "ทีวีเสรี" ให้กลายเป็นธุรกิจเพื่อสนองนายทุนเพื่อความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ
เห็นคนไทยทั้งประเทศ "โง่ดักดาน" จริงๆ ครับ
คุณคิดมั้ยว่าระบบที่กัดกร่อนสังคมไทยในปัจจุบันนี้ คือ ระบบข้าราชการ
30 บาทรักษาทุกโรค เพิ่งนำมาใช้ ก็ต้องเจอปัญหาสิครับ ใครจะมีระบบที่สมบูรณ์ 100%
ผมขอเป็นองครักษ์พิทักษ์ท่านนายก 1 ึคนครับ
ITV และ TT&T จำได้มั้ยครับว่ามันได้ในสมัยใคร
ผมสงสัยว่าการเสนอตัวเลขผลตอบแทนให้รัฐสูงๆแบบบ้าเลือด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แต่เอกชนก็ยังยืนยันดันทุรังเสนอ ปัจจุบันเป็นอย่างไรละ
อัปยศอย่างไรครับ อัปยศเพราะว่าท่านนายกถือหุ้นชินเหรอครับ :lol:
การกระทำอะไรแต่ละอย่างก็จะมีคนได้คนเสีย
30 บาทรักษาทุกโรค เพิ่งนำมาใช้ ก็ต้องเจอปัญหาสิครับ ใครจะมีระบบที่สมบูรณ์ 100%
ผมขอเป็นองครักษ์พิทักษ์ท่านนายก 1 ึคนครับ
ITV และ TT&T จำได้มั้ยครับว่ามันได้ในสมัยใคร
ผมสงสัยว่าการเสนอตัวเลขผลตอบแทนให้รัฐสูงๆแบบบ้าเลือด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แต่เอกชนก็ยังยืนยันดันทุรังเสนอ ปัจจุบันเป็นอย่างไรละ
อัปยศอย่างไรครับ อัปยศเพราะว่าท่านนายกถือหุ้นชินเหรอครับ :lol:
การกระทำอะไรแต่ละอย่างก็จะมีคนได้คนเสีย