คนไทยไม่เคยเข็ด นำมาฝากจากพันทิพย์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
คนไทย.

คนไทยไม่เคยเข็ด นำมาฝากจากพันทิพย์

โพสต์ โดย คนไทย. » เสาร์ ก.พ. 21, 2004 11:42 am

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 77839.html

คนไทยไม่เคยเข็ด


ไปทางไหน นายกฯ ทักษิณก็คุยว่า "รัฐบาลมีเงินเยอะ..ไม่ต้องห่วง" แต่ไหงเริ่ม "รีดเลือดกับปู" ชนิดเอาเป็นเอาตายก็ไม่รู้?


ค่าไฟฟ้าก็ขึ้น ค่าน้ำประปาก็ขึ้น ค่ารถเมล์ก็ขึ้น น้ำมันก็ขึ้น แล้วสินค้าต่างๆ มันก็ต้องพาเหรดขึ้นตาม ในขณะที่รายได้ชาวบ้านกระจุกตัว ยกเว้นชาวบ้าน "อีลิทชน" ในกลุ่มทุนการเมืองที่กระจายความรวยกันถ้วนหน้า!

ไม่ต้องมาก แค่เบียดบังเอาหุ้นจองจากรัฐวิสาหกิจที่กำลังทยอยเข้าตลาดหลักทรัพย์ แค่นั้น นั่งเฉยๆ เงินก็ไหลมาเทมา

หุ้น ปตท.ก็ดี หุ้นดี.อาร์.บางจาก ก็ดี อีลิทชนกลุ่มทุนการเมืองรวยกันเป็นร้อยล้าน-พันล้าน ระบบรัฐปั่นให้คนนอกหลงเชื่อไล่ซื้อจนหุ้นขึ้นไปสูงๆ แล้วคนในพวกมันเองก็เทขาย เปลี่ยนกระดาษที่ได้มาถูกๆ ไปในราคาแพงๆ

หุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็ดี หุ้นการท่าอากาศยานไทย ก็ดี เป็นรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปเข้าตลาด นักลงทุนภายนอกอย่าไปหาซะให้ยาก ก็รู้ใช่ไหมว่าเวลานี้คนกลุ่มไหนที่มีเงินสดในกระเป๋ามากที่สุด?

กลุ่มนักการเมืองที่รักประเทศไทยจนน้ำลายไหลนั่นแหละ ตอนหุ้น ปตท.ก็ถูกแฉมาทีแล้วว่า "ยกโคตร" มากว้านซื้อราคาจอง มันก็ไอ้หน้าเดิมๆ นั่นแหละที่ตุนหุ้นการไฟฟ้า หุ้นการท่าฯ ไปอีก!

ไอ้พวกนี้มันคงกะเอาธนบัตรไปเผาศพมันแทนฟืนเป็นแน่!?

กฟผ.ขนาดยังแปรรูปไม่เต็มตัว ระดับบริหารยังทำเหมือนโผล่หางให้เห็น อ้างค่า Ft ขึ้นค่าไฟฟ้าทีเดียว 2 ครั้งซ้อน แล้วถ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์กลายเป็นบริษัทมหาชนเต็มตัว..

พ่อไม่ขึ้นค่าไฟเป็นรายเดือนเรอะ?

เป็นธุรกิจผูกขาด ปรัชญาการบริหารเปลี่ยนหมด 100% จากสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่รัฐมีหน้าที่บริการชาวบ้านเป็นหลัก ผลกำไรคือความสะดวกสบายที่ชาวบ้านแค่ควักจ่ายในราคาอุ้มสม

แต่เมื่อเข้าตลาดแล้ว เขาจะไม่ถือว่าการบริการด้านไฟฟ้าเป็นหน้าที่ของรัฐเพื่อประชาชน แต่เขาจะถือว่านี่คือธุรกิจการค้า เงินที่ต้องทำให้ได้มากกว่าเงินลงทุนเป็นสิบ-เป็นร้อยเท่า นั่นคือเป้าหมายที่เขาจะนำไปอวดกับผู้ถือหุ้นแต่ละไตรมาส

กินเลือดประชาชนอ้วนพี นั่นคือความสำเร็จของรัฐบาลผ่านการเอาของราษฎร์-ของหลวงมาแปรรูปแล้วแจกจ่ายผลกำไรกระจุกตัวอยู่แค่ในระบบคนตลาดหลักทรัพย์

ทั้งรถ ขสมก. ทั้งการประปา ทั้งการท่าเรือฯ แปรรูปเข้าตลาดวันไหน ความฉิบหายมาเยือนคนยากระดับรากหญ้าแน่นอน เหมือนกับที่ กฟผ.กำลังสำแดงธาตุแท้เป็นตัวอย่าง เอาของหลวงคือของประชาชนไปขาย แล้วก็มารีดไถเอากับประชาชนไปอิ่มหมีพีมันกัน

เฉพาะพวกมัน!

มีอย่างเรอะ จะเอาหุ้น กฟผ.เข้าตลาดปุ๊บ ก็ประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า 2 ระลอกปั๊บ แล้วรัฐมนตรีก็มาลอยหน้าบอกกับชาวบ้านว่า..ไม่เกี่ยวกับการแต่งตัว-แต่งกำไรเพื่อเอาไปอวดขายในตลาดหลักทรัพย์!

คงนึกว่าชาวบ้านมันกินแกลบ มีแต่รัฐมนตรี และคนในรัฐบาลเท่านั้นกระมังที่..กินหญ้า?

ไอ้ค่า Ft นั่นน่ะคือค่าความฉิบหายที่ฝ่ายบริหาร กฟผ.ทำกันขึ้น แทนที่จะรับผิดชอบ กลับเอาไปบวกเป็นต้นทุนแล้วหารให้ชาวบ้านเป็นผู้จ่ายค่าความฉิบหายนั้นแทน

มันถูกต้องมั้ย?

อย่างนี้มันน่าจะเรียกว่าเป็นค่า ST ที่ย่อมาจากศัพท์เต็มว่า Saun Teen มากกว่า Ft ที่มาจากคำว่า Fuel Adjustment time!

ตอนจะซื้อก๊าซพม่า ก๊าซไทยแต่ฝรั่งเจ้าของ ก็อ้างร้อยแปดว่าก๊าซมีเหลือเฟือ ราคาถูก เอามาใช้ผลิตไฟฟ้าร้อยปีไม่มีหมด

ก็เลยล้มแผนการเตรียมพลังงานทางเลือก ที่จะทำโรงงานไฟฟ้าถ่านหินแทนน้ำมันเตาก็เลิกมันหมด หันมาตะบี้ตะบันฝากอนาคตไว้กับก๊าซอย่างเดียว

แล้วเป็นไง ก๊าซก็เลยเป็นสินค้า "ผูกขาด" ชะตาอนาคตประเทศไทย ขึ้นราคาวันไหน หรือขี้เกียจส่งก็หยุดส่งก๊าซซักวัน-สองวัน ผลก็คือ ประเทศไทยจะเป็น-จะตายทันตาเห็น

ลงท้ายประชาชนฉิบหายฝ่ายเดียว!

ก๊าซขึ้นราคา กฟผ.ก็ไม่เดือดร้อน :-)ขึ้นมาkuก็เอาไปบวกเป็นค่า Ft รีดกะตังค์ต่อจากชาวบ้าน

ง่ายดีมั้ย..บริหารแบบนี้ ใครมี 4 ขาก็มาบริหารได้ ไม่ต้องใช้รัฐมนตรีหรอก!

เหล่านี้คือสัญญาณเตือนให้ "ฉุกคิด" สองประเด็น คือ ประเด็นแรก การเอารัฐวิสาหกิจซึ่งประกอบธุรกิจผูกขาดเพื่อการบริการประชาชนไปเป็น ธุรกิจผูกขาดสำหรับใช้แสวงหากำไรเพื่อกลุ่มบุคคลที่ผูกขาดผลประโยชน์ อย่างนี้สมควรไหม?

ประเด็นที่สอง การที่รัฐบาลละทิ้งนโยบาย "พลังงานทางเลือก" หันมาทุ่มพลังงานทางเดียว คือก๊าซเช่นนี้ มันอันตรายต่ออนาคตประเทศที่ต้องตระหนักและรีบแก้ไขด่วน ใช่หรือไม่?

เราจะหวังพึ่งแค่น้ำมันเตา กับก๊าซ เห็นจะเป็นหลักประกันอนาคตที่มั่นคงไม่ได้แน่

โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ต่อต้าน และยกเลิกไปแล้วนั้น ผมคิดว่าแนวทางนั้น น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ไทยเราไม่ควรหันหลังให้ชนิด 100%

ก๊าซที่คุยว่าราคาถูก และมีมาก เอาเข้าจริง จะเห็นชัดเจนว่า มันคนละประเด็น-คนละเงื่อนไขกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ซึ่งไร้ทางเลือกยามวิกฤติ

ราคาถูก-ไม่แน่เสมอไป แต่ที่ว่ามีมากนั้น

มันของเขา และอยู่ในกำมือเขา!

ซ้ำบางครั้ง ถึงจะมีเงินซื้อ แต่เขาขายแบบยื่นข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

แล้วจะทำอย่างไร?

ถ้ามองกันให้ดีจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้นโยบาย "รดน้ำรากหญ้า" และทุกนโยบายคล้ายเชื่อมโยงกับ "แผนใหญ่" ทางการบริหารราชการบ้านเมือง อย่างที่เรียกว่าปฏิรูป อะไรทำนองนั้น

แต่เอาเข้าจริง นโยบายการตลาดของรัฐบาล เหมือนแคมเปญโปรโมตสินค้ามือถือรายเดือน แค่ 3 ปีแต่กี่ร้อยนโยบายที่ขุดขึ้นมาปลุกตลาด ผมว่ารัฐบาลเองก็คงจำไม่หมด

แล้วจะไปทำทุกเรื่องที่โม้ไว้ได้ครบอย่างไรกัน?

นโนบายส่วนใหญ่ล้วนปลุกเร้าให้คนตื่นวัตถุ แล้วอัดฉีดเม็ดเงินด้วยรูปแบบต่างๆ ให้ชาวรากหญ้ามาเป็นหนี้

เป็นหนี้ด้วยการเอาเงินที่รัฐบาลอัดฉีดนั้นไปจับจ่ายใช้สอยในสินค้าที่ไม่สร้างความเติบโตที่ต่อเนื่องกับระบบเศรษฐกิจ

ไปเล่นหวย ไปซื้อมือถือ ไปซื้อมอเตอร์ไซค์ ไปแต่งตัวเที่ยวเตร่ ไปกินเหล้าเมายา ธุรกิจเงินด่วน ธุรกิจเงินมักง่าย บัตรเครดิต ที่เกิดพร้อมกับเงินอัดฉีดรากหญ้า เหมือนเบ็ดที่คาปากปลาหน้าโง่ ซึ่งลงท้ายก็ต้องไปดิ้นกระแด่วอยู่บนศาล

ขนาดรถแท็กซี่คันละค่อนล้าน รัฐบาลยังใจคอจะหลอกล่อให้ชาวรากหญ้าไปเป็นหนี้!

3 ปีมานี้ไม่ค่อยได้ยินเลยว่าจะมีอุตสาหกรรมหนักเพื่อการส่งออก โดยใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลักเกิดขึ้น จะเห็นแต่ธุรกิจโฉบฉกแบบฉาบฉวยจากพวกกลุ่มทุน "นำสินค้าฟุ่มเฟือย" เข้ามาขายให้พวกรสนิยมสูง แต่รายได้ต่ำ

นำเข้านาฬิกาเรือนละล้าน นำเข้ามือถือเครื่องละแสน นำเข้าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง น้ำหอม นำเข้าไม้กอล์ฟ นำเข้ารถประกอบนอก แล้วพวกสื่อทาสก็นำมาเป็นข่าวโหมประโคมให้ผู้คนเห็นดี-เห็นงาม

ต่างเข้าใจว่า นี่คือสัญญาณ เศรษฐกิจไทยพ้นสภาพคำว่า "ฟื้นแล้ว" ไปสู่คำว่า "โตแล้ว"

นั่งรถไปตามถนน แหงนสูงหน่อย จะเห็นแต่ป้ายโฆษณาขายบ้านหลังละ 12-20 ล้านบาทขึ้นไป แต่ถ้าก้มต่ำลงมาหน่อย จะเห็นแต่รถยนต์ "ป้ายแดง" จนนึกว่ากรมขนส่งทางบกเขาเปลี่ยนสีป้ายใหม่ทั้งประเทศ

มีพรรคพวกเขารับโทรศัพท์แล้วกระฟัดกระเฟียดให้ฟังว่า "ไอ้ห่...พรรคพวกมันยัวะใหญ่ จะซื้อเบนซ์ 2 คันแต่ขาดตลาด" ผมฟังแล้วก็เห็นภาพประเทศไทยตอนปี 2538-2539 เรื่อยมาจบที่ปี 2540 ชัดเจน ปีหน้า..เตรียม "น้ำตานอง" กันอีกรอบได้แล้ว

จากคุณ : พี่เตือน



derden.

พูดง่ายดีจัง

โพสต์ โดย derden. » อาทิตย์ ก.พ. 22, 2004 10:19 am

อย่างที่คุณ HARRYพูดมันก็ดีครับปิดไฟ ใช้น้อย นับตั้งแต่บรรพบุรุษที่เริ่มมีการใช้ไฟฟ้าเขารู้วิธีการประหยัดแบบนี้กันมาตั้งนานแล้วครับ แต่ทำไมรัฐถึงต้องมารณรงค์ในสิ่งที่คนเขารู้กันอยู่แล้ว เพราะมันละเลย ทำไมละเลย ก็มันทำยาก มันไม่ได้ยากที่เดินไปปิดสวิทซ์ไฟ แต่มันยากที่สันดาน ก็เหมือนกันกับเรารู้ว่ากินเหล้าไม่ดี ดูดบุหรี่ไม่ดี ใครๆก็รู้ครับ แล้วทำไมทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ยังขายดีอยู่ แต่ก็มารณรงค์มาอธิบายถึงผลร้าย สุดท้ายก็ที่ปลายทาง อะไรที่บังคับให้คนส่วนใหญ่ทำน่ะมันยาก แต่มันจะง่ายถ้ายอมเสียผลประโยชน์ หยุดผลิตหยุดนำเข้าไปเลย เหล้า บุหรี่ ให้มันรู้กันไปเลยคนที่มันติดอยู่แล้ว ให้มันปรับตัวเหมือนกับที่คุณแฮรีบอก อดทนเอาหน่อยดิ มีความคิดอยู่แล้วนี่ . แต่อนาคตรุ่นลูกเราจะสะกดคำว่าเหล้า กับบุหรี่ไม่ออก ทำได้ไหมล่ะ ก็ยากใช่ไหมครับ

ไฟฟ้าก็เหมือนกันครับจะไปให้คนส่วนใหญ่เขาประหยัดมันก็ยากถึงแม้เขาจะรู้ว่ามันดีสำหรับเขาที่ไม่ต้องจ่ายตังค์เยอะในแต่ละเดือน ยิ่งจะให้ชาวบ้านเขาเก็บเงินมาซื้อหุ้นการไฟฟ้า นั่นน่ะมันได้สำหรับคุณ ประเทศไทยมีกลุ่มคนไม่ถึง 10% ที่รู้ว่าเขาซื้อขายหุ้นกันอย่างไร สุดท้ายคุณก็ปล่อยให้คนอีก 90% ต้องรับภาระ คุณก็มีความคิดไม่ต่างไปจากนักการเมืองที่หวังผลประโยชน์จากความรู้ จากโอกาสของตนเองที่มากกว่า แทนที่จะให้ประโยชน์ ให้ความเสมอภาค ให้...กับคนที่เขาไม่มีเหมือนคุณ คุณคิดแทนคน 90 % ของประเทศไม่ได้หรอกครับ



ล็อคหัวข้อ