หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 29, 2004 1:17 pm
โดย ake...
รัฐบาล กะ รัฐวิสาหกิจขัดแย้งกันครับ

ผมว่าประชาชนเป็นเหยื่อ ผู้เสียหายที่แท้จริงคือประชาชนครับ

ต่างคนต่างพูดความจริงแต่สิ่งที่ตัวเองจะพูด

จากสมาชิก nita (ลืมล็อคอิน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 01, 2004 12:38 pm
โดย บุคคลทั่วไป
เมื่อก่อนตอนองค์การโทรศัพท์ยังไม่แปรรูป ผมขอโทรศัพท์เบอ์นึง ผมก็ต้องเสียเงินค่าประกันเลขหมาย.... เอ...หรือเขาเรียกเงินกินเปล่า กินฟรี หรืออะไรนี่ละ ผมเป็นคนความจำสั้น จำไม่ค่อยจะได้ เวลาโทรศัพท์เสียหรือมีปัญหาทีนึง โทรไปแจ้งวันนี้ อย่างเร็วอีก 7 วันโน่นถึงจะเห็นหัว (นี่ประสบการณ์ตรง) เมื่อเร็ว ๆ นี้ แฟนผมเล่าให้ฟัง โทรศัพท์ที่ ที่ทำงานมีปัญหา โทรไปตอนเช้า ตอนบ่ายมาเลยครับ แฟนผมบอกนึกว่าผีหรอกกลางวันเสียอีก ค่าโทรศัพท์โทรทางไกลล่ะ เมื่อก่อนไม่ต้องพูดถึง ราคาเท่าไหร่ผมจำไม่ได้ (อีกแล้ว) แล้วเปรียบเทียบกับตอนนี้ล่ะ ลองคิดดูละกัน
ส่วน กฝผ.ไม่รู้สิ พี่สาวผมเคยเล่าให้ฟัง (เธอรู้จักกับระดับที่เขาเรียกกันว่า ผู้การฯ ผมก็ไม่รู้อีกเหมือนกันนะว่าตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน) พนักงานการๆไฟฟ้าได้โบนัสทุกปีนั่นแหละ ปี ๆ นึง ก็หลายเดือนอยู่ ผู้บริหารจะไม่จ่ายเพราะว่าผลประกอบการกำไรน้อยก็ไม่ได้ เพราะท่านสหภาพก็จะบอกว่าไม่มีแรงทำงาน ถ้าขอโบนัสแล้วไม่ให้ก็ต้องหยุดงาน ผู้บริหารก็เลยต้องจ่ายโบนัสทุกปี ไม่ว่าเศรษฐกิจจะแย่เพียงใด ท่านก็ต้องได้โบนัส ใครจะเข้าไปตรวจสอบอะไรก็ไม่ได้ เพราะพวกท่านสามัคคีกันดีมาก จะเรียกว่าสามัคคีกันโกงประชาชนก็คงได้มั๊ง นี่เห็นว่าจะเจรจากับนายกว่าจะกระจายห้นก็ได้ แต่ก็คงต้องให้ พนักงานในราคาถูก ๆ จนท่านพอใจซะก่อน นี่คงเป็นเหตุผลหลักละมั๊งที่การประท้วงยังไม่จบ ถ้าลองให้ประกาศให้หุ้นฟรีกับพนักงาน กฝผ.ไปเลยนี่คงเลิกประท้วงไปแล้วละมั๊งผม แค่นี้ก่อนละกันเดี๋ยวจะกลายเป็นบอร์ดข่าวไป

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 02, 2004 4:58 pm
โดย NN
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ทุกวันนี้ทำงานกันจริงๆ วันละกี่ชั่วโมง พนักงานการไฟฟ้ามาบอกกันหน่อย
เพื่อนผมตอนบ่าย3 ครึ่งบอกรีบกลับบ้านและ เดี๋ยวไปขึ้นรถสวัสดิการกลับบ้านไม่ทัน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 07, 2004 2:30 pm
โดย บุคคลทั่วไป
ผมคิดว่า คนสนใจน้อยถึงน้อยมาก ส่วนพวกที่สนใจก็เพราะอยากมีผลประโยชน์กันทั้งนั้นครับ รวมถึงผมด้วย ใจจริงไม่อยากให้แปรโดยมีหุ้นเลยจริงๆ

1. ถึงจะแปรแล้วถือทั้งร้อย ก็เท่ากับเตรียมขายแล้ว เหลือแค่ว่ารัฐบวมไหนทำได้ พวกพ้องก็ได้ประโยชน์ ก็ท่านั้นเอง นาย ก ก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า แล้วก็มีนาย ก คนใหม่มา จะเชื่อได้อย่างไรว่ารัฐบวมจะเป็น major shareholderตลอดไป? ไม่มีใครรับประกันได้ อีกหน่อยก็พอฟังประชุมไม่ไว้วางใจ พวกก็ล่อกันนัว เหมือนเปิดเสรีการเงิน BIBF อีกโทษกันไปโทษกันมา ประชาชนเจ๊ง แต่นักการเมืองที่ทำรวย คนกลุ่มน้อยได้ประโยชน์ เช่นคนที่มีเงินซื้อหุ้น คนที่ซื้อหุ้นแล้วได้กำไร แต่ชาวนา ต้องซื้อยาแพงขึ้นเกือบ 100% เพราะต้องลอยตัวค่าเงินบาป(ที่ตัวเองไม่ได้ก่อกรรมๆ) ต่อไปก็จะเป็น series รัฐวิสาหกิจ ค่าน้ำมันแพง ก้อตั้งกองทุนพยุง กลัวหุ้นตก (อันนี้ทำแล้วนะ) ต่อไปก็ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสนามบิน ค่าจอดท่าเรือ ...etc แต่ภาษีคนทั้งประเทศ

2. เรื่องประสิทธิภาพ กับความโปร่งใส อืมผมยังไม่เคยได้ทราบมาก่อนเลยครับว่า บ.มหาชน นี่มีประสิทธิภาพกว่า บ.จำกัด หรือ รัฐวิสาหกิจ หรือจะโปร่งใสกว่า แล้วทำไม BBC ก็กรุงเทพพานิชการ นี่รัฐบวมก็ ถือหุ้นใหญ่ไม่ใช่หรือ ไงเจ๊งได้ไม่เป็นท่า นักการเมือง กับ พ่อมดการเงิน ล่อกันพุงกาง
แล้วพวกที่อยู่กลุ่ม rehab ละบริหารก็ยอดเยี่ยมด้วยไหมครับ แบบไทยๆมันกระจอกไป ต้องสุดยอดตลาดโปร่งใส Dow ของไอ้กัน ที่รวมของกองทุนอีแร้งนรก ENRON ล้มทั้งทีเอาให้มันเท่า gdp ของประเทศเล็กอย่างสารขันไปเลย แถมไม่ได้ไปตัวเปล่า ลากยริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบัญชี พลอยตายตกตามกันไปด้วย "กระจายหุ้นเพื่อความโปร่งใส เพื่อประสิทธิภาพ" เป็นเหตุผลเข้าขางตัวเอง ของคนที่อยากขายและคนที่อยากซื้อบางกลุ่ม ตัวอย่างบริษัทหมาชน มีวืธีการหมกเม็ดหลากหลาย ล่าสุด อยู่ก็เพิ่มทุนแบบให้ผู้บริหารเลือกผู้ที่จะเพิ่มทุนให้บริษัท แล้วผู้บริหารคงอยากจะเลือกผมหรือคุณไม่เพิ่มไหมครับเป็นต้น

3.คนที่พูดถึง privatization คนแรกก็คือ Peter Drucker สุดยอดปรมาจารย์ด้านการจัดการนั้นละครับ หัวใจของการจัดการก็คือ everything for shareholder เพิ่งจะมีหลังๆที่ care สังคมกับสิ่งแวดล้อม (ไม่รู้แอบแฝงเหมือนเวลาจะกีดกันสินค้าเราหรือเปล่านะ อิอิ) พี่แกคงจะลืมหรือคงแกล้งลืม(เหมือนหัวหน้ารัฐบวมประเทศไหนน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) นึกไปนะว่า ประชาชนทุกคนนะเป็น major shareholder ตัวจริง ก่อนแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่หลังแปร แล้วส่วนใหญ่กลาย ลูกจ้าง โดยเฉพาะยื่งถ้ารัฐวิสาหกิจผูกขาดด้วย ความสัมพันธ์อาจจะกลายเป็นนายทาสกับลูกทาส ก็คือไม่มีทางเลือกครับ

4. คุณก็รู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ปรัชญาของรัฐวิสาหกิจตั้งมาเพื่ออุดหนุนค่าสาธารณูปโภคในช่วงแรก เพราะ เอกชนไม่ทำเพราะมันไม่คุ้ม แต่เมื่อทำกำไรซึงต้องใช้เวลาหลายสิบหรือเป็นร้อยปี ถึงจะถึงจุดคุ้มทุน เช่น การวางสายส่งไฟฟ้า การวางโครงข่ายท่อก๊าซ ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ แต่รัฐบวมๆๆ กลับประกาศขาย ไม่ใช่กระจายหุ้นครับต้องเรียกว่าขายสมบัติชาติ ที่ก่อให้เกิดรายได้แล้ว ไม่ขายทุกคนก็ได้ประโยชน์เท่ากันคือ เสียตามการใช้ ใช้มากก็เสียมาก แต่พอขายคนที่ถือหุ้น เหมือนได้ใช้ไฟฟ้าฟรีเพราะ กำไรตกกับบริษัทตัวเอง มีปันผล ได้ส่วนต่างมูลค่าหุ้น แล้วคนที่ไม่ได้ถือละครับก็คนจนมีสิทธิ์ไหมครับ ต้องออกหุ้นกฟผ. เอื้ออาทร ไม่ใช่ หุ้นกฟผ. เอื้อลูกหลานนักการเมือง

สรุป

1. ความโปร่งใส ไม่จำเป็นต้องแปรสภาพ ก็เปิดเผยข้อมูลเหมือน บมจ. ก็ทำได้ ผ่าน web ตลท. ก็ได้ สตง. กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร สภาพัฒฯ TRIS ก็ร่วมกันตรวจสอบได้ เปิดเผยให้มากขึ้น ไม่ก็เชิญ กล.ต ไปร่วมตรวจดีไหม มีปัญหาจุดไหนก็ไปเพิ่มการตรวจสอบจุดนั้น ไม่ใช่ไปจับแก้ผ้าเดินโชว์ มันไม่ได้โปรงใสขึ้นหรอก ครับ นึกว่านักลงทุนรายย่อยเก่งทุกคน หรือก่อนซื้อหุ้น ตรวจสอบทุกคน ไม่อย่างนั้นจะเป็นแมงเม่ากันทั้งตลาดหรือครับ ผมอยากจะบ้าตายเวลาได้ยิน ต้องเข้าตลาดถึงโปร่งใส หรือแค่ผู้ครวจสอบบัญชีเป็นฝรั่ง ก็โปร่งใสแล้วหรือท่าน

2. เรื่องคนงาน รัฐบาลก็มีนโยบาย ลดคนอยู่แล้วทั้ง ราชการและรัฐวิสาหกิจ ส่วนคนที่เข้ามาใหม่ เท่าที่รู้ก็ ไม่ได้เท่าเดิมอยู่แล้ว คนนะไม่เกิน 5 ปี ก็เริ่มหาย เรื่องคนผมว่าเป็นทุกองค์กร แล้วก็เป็นกันทั่วโลก ที่มีแรงงานส่วนเกิน ซึ่งทุกองค์กร ก็ต้องพยายามทำตัวเองให้เล็กลงและ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่ได้เกี่ยวกับเป็นหรือไม่เป็น บมจ. เลยนะท่าน ผมถามคนที่อยากจะให้แปรว่า ด่าคนกฟผ. ว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วจะซื้อบริษัทที่คนเหล่านี้ทำงานไหม ก็เห็นซื้อกันทุกคน ถามว่าทำไมซื้อ ฟังแล้วจะเป็นลม "เดี๋ยวหลวงก็จัดการเอง" ตกลงแปรรูปให้บริหารแบบเอกชนหรือแค่จับคุณหลวงมาใส่สูทร

3. เพิ่มประสิทธิภาพ ดู ร้านสุกี้mk เป็นตัวอย่าง ไม่เห็นจะต้องเข้าตลาดเพื่อเพิ่ม ถ้าผู้บริหารเก่ง วางระบบดี ยอดเยี่ยมแม้อยู่ใน อุตสาหกรรมแข่งขันกันสูง รัฐสามารถเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการได้อยู่แล้ว ขนาดผู้ว่ายังเป็น CEO ได้เลย ผมว่าถ้ารัฐบวมเอาจริงก็คิดออกอยู่แล้ว ว่าบริหารอย่างไรให้ดีกว่านี้

4. การแข่งขัน ผมว่าเราไม่ควรเอารัฐวิสาหกิจที่ไม่มีคู่แข่ง ไปเปรียบเทียบกับ กรณีของ TA กับ องค์การโทรศัพพ์ แปรรูป TOT หรือ PTT ผมเห็นควรว่าแปรได้ แต่ต้องมีเงื่อนไข เพราะเขามีคู่แข่งอยู่แล้ว แล้วยังมี CAT กสท อีก ผลประโยชน์น่าจะตกกับประชาชนส่วนใหญ่ ผมใช้น่าจะ เพราะอะไร เรารู้ๆกันอยู่
แต่น้ำไฟ ไม่มีนะครับ ถ้าคุณไปตั้งบ้านแล้วขอน้ำขอไฟไม่ได้ เพราะมันไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน หรือถามว่า คุณถือหุ้น ไฟฟ้า ประปาไหม จะทำอย่างไร? หรือถ้าทำได้คุณออกค่าใช้จ่ายไหม ? ทำอย่างไรครับ? อยากจะแข่งขันก็ต้องหาคู่แข่งให้ ยกตัวอย่าง TA tt&t ก็ดีแล้ว ร่อแร่ๆ จะไปรอดไหมก็ยังไม่รู้ รอเจรจากับรัฐอยู่ เคลียร์ค่าต๋ง ก็เหมือนที่ผมบอกตรับว่า ลงทุนสูงกว่าจะถึงจุดคุ้มทุนนาน ยิ่งพวกนี้ เป็นเอกชนกะวิ่งล้มค่าต๋ง แบบประมูลแพง เพราะอยากได้กำไร แต่พอทำไม่ไหวกะจ่ายถูกๆ เหมือน ไอ้TV เรียกว่าน่าเห็นใจ(ตาย) พวกนี้มีประสิทธิภาพสูง เพราะ ขึ้น turnover list ของกลต สม่ำเสมอ ..ฮา

อย่าใช้เหตุผลทำนองนี้ไปบอกว่าควรเข้าตลาดลักทรัพย์ ผมสงสารคนจนที่ท่านไปเอื้ออาทรเขาไว้มากมายจะไปมีสิทธิเป็นเจ้าของอะไร หรือต้องออกทีวีมาตอกย้ำว่า คนไม่มีตังซื้อมันหลุดโลกด้วย แล้วไอ้พวกที่จองได้เป็นล้านๆหุ้น รวยแล้วมีแต่คนสาปแช่ง เจรีญได้ครับแต่อาจจะไม่นาน

ปล. ลบได้ทันทีที่ web master เห็นว่าไม่เหมาะสมครับ