หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2004 6:02 am
โดย asimar not log in
ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้น แล้วก็วิ่งลง

อะไรเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา


หุ้นเอ๋ยหุ้น ดูเหมือนง่าย ใครๆก็อยากเล่นหุ้น

แต่มีสักกี่คนที่จะเข้าใจหุ้นอย่างแท้จริง

เนื่องจากมันมีธรรมชาติอยู่ในตัวมันเอง(ราคาย่อมขึ้นอยู่กับผลดำเนินการของบริษัท)

และยังมีสิ่งปรุงแต่งจากน้ำมือมนุษย์(การสร้างข่าว ปล่อยข่าว การวิเคราะห์ทางเทคนิค การครอบงำกิจการ การปั่นหุ้น การแต่งบ/ช การทุจริตของผู้บริหาร การซื้อหรือขายเป็นจำนวนมากของกองทุนขนาดใหญ่)

เราจึงจับทิศทางของหุ้นไม่ได้เสมอไป แต่ชอบคาดเดาไปตามจินตนาการตามที่คิด อ่าน หรือได้ฟังมา หลายคนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจการค้าอย่างมาก หลายคนมีการศึกษาสูงมาก หลายคนมีฐานะการเงินดีอย่างมาก แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมื่อเข้ามาสู่ตลาดหุ้น ด้วยความมั่นใจว่าข้าก็หนึ่งในตองอูเหมือนกัน การจะเอาชนะตลาดหุ้นนั้นคงจะไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่ท่านเชื่อไหมว่าความมั่นใจนั้นจะหมดลงได้อย่างรวดเร็ว หลายคนเมาหมัด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไปฝากความหวังลมๆไว้กับคนอื่น ไม่ว่า มาร์ นักวิเคราะห์ โฆษกรายการวิทยุโทรทัศน์ หรือใครก็ได้ที่เรารู้จัก แม้แต่เว็บไซต์ต่างๆที่เชียร์หุ้นกันอุตลุดด้วยสารพัดข่าวลือบ้าง ลวงบ้าง ถ้ามีคนเชื่อมากพอที่จะทำให้เกิดการกระทำตามมากๆ ไม่ว่าซื้อเพราะความโลภ หรือขายเพราะความกลัว นี่ก็คือการหาประโยชน์กับจิตวิทยามวลชล มิหนำซ้ำบางทีก็กลายไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิเปียมความเก่งและเมตตา เหมือนอาจารย์ใบ้หวยที่มาช่วยโปรดผู้ตกยากให้พ้นทุกข์หายจน แต่คนเล่นหวยก็จนลงตลอด

ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทางของที่กล่าว ผ่านเหตุการณ์อย่างว่ามาแล้วแทบทุกประการ หลังจากปะติดปะต่อเรื่องที่ผ่านมาจึงนึกขึ้นได้ว่า จริงๆหุ้นมันก็เหมือนน้ำในคลองนั่นเอง ธรรมชาติมันก็มีขึ้นมีลง ขึ้นแล้วก็ลง ลงแล้วก็ขึ้น ตามผลประกอบการถ้าผลประกอบการดีหุ้นมันย่อมขึ้น ถ้าผลประกอบการไม่ดีหุ้นนั้นราคาย่อมลดลง
ผลประกอบการเปรียบเหมือนแรงดึงดูดแห่งธรรมชาติ แต่น้ำในคลองจะขึ้นลงผิดปกติทันทีที่มนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคลองนั้น เช่น สร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้ การสร้างประตูกักน้ำ ใช้เครื่องสูบน้ำไปกักตุนไว้ของพวกที่อยู่ต้นน้ำ ทิ้งขยะหรือถมให้คลอง ตื้นเขิน หรือการปล่อยระบายน้ำจากเขื่อน ฝาย หรืดทดน้ำจากที่อื่นเข้ามา เป็นฝีมือของมนุษย์ที่ทำให้น้ำขึ้นลงผิดไปจากธรรมชาติทั้งสิ้น โดยเครื่องมือที่คิดค้นขึ้นมาตามกำลังความสามารถของคนที่มีไม่เท่ากัน (ทำให้คนที่มีเครื่องมือดีกว่าได้ประโยชน์มากกว่า)

ที่กล่าวล้วนเป็นตัวเร่งปฎิกริยาให้หุ้นขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว
การตัดความเสี่ยงที่ดีที่สุดก็คือต้องค้นหาธรรมชาติให้เจอ
คือรู้ว่าผลประกอบการที่ดีของบริษัทที่ดีเป็นแรงดึงดูดให้น้ำขึ้น(ราคาหุ้นขึ้น)
ควรระวังน้ำที่ขึ้นจากเหตุอื่นที่ผิดธรรมชาติ แล้วเราก็จะใช้ประโยชน์จากน้ำได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัย

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2004 11:14 am
โดย อภินัย
สิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ระยะสั้น + ระยะยาว => ตลาดหุ้น(SET)

อารมณ์ ความรู้สึก => สิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ระยะสั้น

ปัจจัยพื้นฐาน => สิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ระยะยาว

ข้อมูลข่าวสาร(ข้อเท็จ+จริง) => อารมณ์ ความรู้สึก + ปัจจัยพื้นฐาน

ทางเลือก การตัดสินใจของมนุษย์ => ข้อมูลข่าวสาร(ข้อเท็จ+จริง)

1 ทางเลือกของมนุษย์มีลดมีเพิ่มเสมอ เพราะมนุษย์คิดและค้นตลอดเวลา(ปัจจัยพื้นฐาน)

2 การตัดสินใจของมนุษย์แต่ละคนเป็นคนละเรื่องคนละเวลาเสมอ แม้ทุกคน ตัดสินใจในเรื่องเดียวกันแบบเดียวกันและมีอิทธิพลต่อกัน(อารมณ์ ความรู้สึก)

3 ความสัมพัทธ์(ระยะทาง ระยะเวลา)ระหว่างมนุษย์กับต้นตอข้อมูลข่าวสารมีอิทธิพลต่อปริมาณและคุณภาพของข้อมูลข่าวสารเสมอ

1 + 2 + 3 => กระแสที่หมุนเวียน

แต่ละคนล้วนอยู่ในกระแส แต่จะไหลไปตามกระแสรวดเร็วเพียงไหนขึ้นอยู่กับส่วนผสมของ 1 , 2 , 3 ว่าใครมีอันไหนมากกว่ากัน

ตามกระแสมักจะขาดทุน นำกระแสมักจะกำไร ทำอย่างไรจะนำกระแสได้ จะรู้ได้อย่างไรว่าจุดเปลี่ยนแปลงมาถึงเมื่อไร จะดีกว่านั้นถ้าเป็นผู้กำหนดกระแสได้(เช่น การปล่อยข่าว)


*** ขอบคุณท่านเจ๋งที่ตั้งกระทู้นี้ แอบอ่านมาตลอด ขอแอบโพสท์มั่ง คิดการใหญ่เสมอเลยนะท่าน อิ อิ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2004 11:41 am
โดย +++unlog
ความคิดสร้างสรรค์ จริงๆ นะพี่เจ๋ง

ผมขอร่วมออกความคิดเห็นหน่อยอ่ะ

ผมคิดมานานแล้วว่า เราไม่ควรทำนายตลาดหุ้น
เพราะการทำนายแล้วบอกออกไปในวงกว้าง ไม่มีทางถูกต้อง

เพราะคนที่รับสาร เป็นตัวกำหนดอนาคต

เหมือนกับเราเห็นเพื่อนเรามันมาสายทุกครั้ง
ถ้าเราคาดการณ์อยู่ในใจว่า ครั้งนี้มันต้องมาสายอีกแน่
มันก็คงจะมาสายแหละ

แต่ถ้าเราไปพนันกับมันว่า "เฮ้ย ! กูรู้นิสัยมึงว่ะ รับรองได้ พรุ่งนี้ที่นัดกันไว้ มึงต้องมาสายแน่
อย่างน้อย 10 นาที ถ้ากูพูดผิด เอาไปเลย พันนึง "

อันนี้แหละครับ ที่ผลการทำนายจะมีการแปรผัน
เพราะผู้รับสาร จะต้องชั่งใจ ในการตัดสินใจ ว่าจะเอาไงดี


เพราะเหตุจากคนรับสาร นี่แหละครับ ทำให้เราทำนายตลาด ระยะสั้นไม่ได้เลย
แต่ในระยะยาว ยังทำนายได้ แน่นอนครับ ..... ถึงมีวิชา VI เกิดขึ้นไง

อิอิ...... :D :D