มุงมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของพี่ IH
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 30, 2004 2:12 am
ผมเชื่อว่าถ้ามีประเทศใดๆ ที่เป็นแบบสหรัฐตอนนี้คือ ขาดดุลการคลังและขาดดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันนานๆ ขนาดนี้ คงจะเกิดวิกฤติหรือความตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงไปแล้ว
แต่เศรษฐกิจสหรัฐเองก็มีลักษณะและมิติที่ไม่เหมือนใครหลายๆ ประเด็น ดังที่ผมจะขอยกตัวอย่างเป็นประเด็นๆ ดังนี้นะครับ
1 สหรัฐมีบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก ในแทบทุกอุตสาหกรรมและบริการ รวมถึงสถาบันการเงิน และบริษัทเหล่านี้ก็ได้ไปตั้งโรงงาน สำนักงานขายหรือเปิดสาขาขายสินค้าและบริการทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ๆ อย่าง โค้ก GE GM แม็คโดนัลด์ Inel Microsoft Starbuck Exxon-Mobil หรือบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เช่น P&G ซึ่งสาขาในต่างประเทศเหล่านี้ก็มีการผลิตและส่งสินค้ากลับมายังสหรัฐส่วนหนึ่งและขายในประเทศและภูมิภาคใกล้เคียง การย้ายฐานการผลิตเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แต่การขาดดุลส่วนหนึ่งก็จะถูกชดเชยด้วยการส่งคืนกำไรกลับประเทศ ซึ่งจะไม่อยู่ในดุลบัญชีเดินสะพัด แต่อยู่ในรูปของบัญชีการชำระเงินแทน
2 สหรัฐเป็นเป็นประเทศมหาอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก อำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกจึงทำให้การพิมพ์ธนบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของโลกนั้นได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากทั่วโลกที่ยินดีจะเก็บไว้เป็นเงินทุนสำรอง ด้วยความที่เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นอ่อนแอเกินไปที่จะมาเป็นมหาอำนาจแทนสหรัฐได้ โดยเงินเหล่านี้ได้ย้อนกลับมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐนั่นเอง จึงทำให้แม้ว่าจะมีการออก bond มามากเท่าไรก็ไม่ทำให้ bond yield สูงขึ้นซักที
นอกจากนี้ ด้วยความที่ประเทศต่างๆ มีเงินทุนสำรองที่ลงทุนในสหรัฐจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการสมยอมที่จะต้องโอบอุ้มเศรษฐกิจสหรัฐไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง เพราะทุกคนรู้ดีว่า ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐเป็นอะไร คงไม่พ้นที่เศรษฐกิจตัวเองจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักอย่างแน่นอน
3. สหรัฐเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม IT และการศึกษาของโลก จากการที่สหรัฐได้เป็นผู้ส่งออกหลักของภาพยนตร์และรายการ TV ที่ฉายอยู่ทั่วโลก ทำให้แต่ละประเทศซึมซับวัฒนธรรมและโฆษณาสินค้าและบริการต่างๆ แฝงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สหรัฐสามารถกำหนดวัฒนธรรมด้านการบริโภคได้ในระดับหนึ่ง เช่น หลายคนอาจจะรู้จักร้าน Starbuck จากในภาพยนตร์ นอกจากนี้ ความก้าวหน้าด้าน IT ที่เหนือกว่าประเทศอื่นของโลกก็เป็นจุดเด่นอันหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้หลักในระยะยาวให้กับประเทศ เพราะไม่ว่า Microsoft หรือ Intel เดินไปในทางไหน โลกก็ต้องหมุนตามในทางนั้น
รวมทั้งด้านการศึกษาเอง สหรัฐเองก็ถือว่าเป็นศูนย์กลางในการศึกษาในสาขาวิชาที่สำคัญของโลก ไม่ว่าจะเป็นด้าน IT การเงิน หรือ MBA ในแต่ละปีมีนักศึกษาต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไปศึกษาจำนวนมาก ซึ่งถามว่ารายได้เหล่านี้อยู่ในดุลบัญชีเดินสะพัดหรือไม่ คำตอบคือไม่อยู่ครับ เพราะการส่งเงินไปให้ลูกๆ ที่อยู่ต่างประเทศก็อยู่ในบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย ยกตัวอย่างเช่น หากเราไปเรียนในสหรัฐ ใช้เงิน 4 ล้านบาท เราอาจจะซื้อรถ Honda Accord ใหม่ 1 คัน ซึ่งอาจจะใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้า แต่ถามว่าการขาดดุลนี้เป็นขาดดุลของสหรัฐหรือไม่? และเงินอีก 3 ล้านกว่าเราซื้อสินค้าและบริการในประเทศสหรัฐ ซึ่งสินค้าเหล่านั้นส่วนใหญ่อาจจะผลิตจากจีน เกาหลี หรือไทย ดังนั้นการขาดดุลอันนี้ไม่ใช่ของสหรัฐครับ
ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เศรษฐกิจสหรัฐมีความแตกต่างจากเศรษฐกิจของประเทศทั่วๆ ไป ซึ่งทำให้ผมคิดเหมือนกันว่าบางครั้งเราอาจจะไม่สามารถใช้ตำราหรือทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาทำนายหรืออธิบายแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐได้ครับ แม้ว่าผมจะมีความกังวลในเรื่องการขาดดุลแฝด คือทั้งดุลการค้าและขาดดุลงบประมาณของสหรัฐอยู่บ้างพอสมควร แต่ผมเชื่อลึกๆ ว่ามันมีที่มาที่ไป และจากปัจจัยที่โดดเด่นในด้านต่างๆ ของสหรัฐ ผมจึงคิดน่านี่อาจจะเป็นจุดที่สมดุลของเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งๆ ที่หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่สมดุลก็ได้ครับ
ถ้ามีเวลาผมจะมาพูดถึงเศรษฐกิจไทยอีกทีนะครับ วันนี้ขอเท่านี้ก่อนครับ
แต่เศรษฐกิจสหรัฐเองก็มีลักษณะและมิติที่ไม่เหมือนใครหลายๆ ประเด็น ดังที่ผมจะขอยกตัวอย่างเป็นประเด็นๆ ดังนี้นะครับ
1 สหรัฐมีบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก ในแทบทุกอุตสาหกรรมและบริการ รวมถึงสถาบันการเงิน และบริษัทเหล่านี้ก็ได้ไปตั้งโรงงาน สำนักงานขายหรือเปิดสาขาขายสินค้าและบริการทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ๆ อย่าง โค้ก GE GM แม็คโดนัลด์ Inel Microsoft Starbuck Exxon-Mobil หรือบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เช่น P&G ซึ่งสาขาในต่างประเทศเหล่านี้ก็มีการผลิตและส่งสินค้ากลับมายังสหรัฐส่วนหนึ่งและขายในประเทศและภูมิภาคใกล้เคียง การย้ายฐานการผลิตเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แต่การขาดดุลส่วนหนึ่งก็จะถูกชดเชยด้วยการส่งคืนกำไรกลับประเทศ ซึ่งจะไม่อยู่ในดุลบัญชีเดินสะพัด แต่อยู่ในรูปของบัญชีการชำระเงินแทน
2 สหรัฐเป็นเป็นประเทศมหาอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก อำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกจึงทำให้การพิมพ์ธนบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของโลกนั้นได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากทั่วโลกที่ยินดีจะเก็บไว้เป็นเงินทุนสำรอง ด้วยความที่เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นอ่อนแอเกินไปที่จะมาเป็นมหาอำนาจแทนสหรัฐได้ โดยเงินเหล่านี้ได้ย้อนกลับมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐนั่นเอง จึงทำให้แม้ว่าจะมีการออก bond มามากเท่าไรก็ไม่ทำให้ bond yield สูงขึ้นซักที
นอกจากนี้ ด้วยความที่ประเทศต่างๆ มีเงินทุนสำรองที่ลงทุนในสหรัฐจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการสมยอมที่จะต้องโอบอุ้มเศรษฐกิจสหรัฐไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง เพราะทุกคนรู้ดีว่า ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐเป็นอะไร คงไม่พ้นที่เศรษฐกิจตัวเองจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักอย่างแน่นอน
3. สหรัฐเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม IT และการศึกษาของโลก จากการที่สหรัฐได้เป็นผู้ส่งออกหลักของภาพยนตร์และรายการ TV ที่ฉายอยู่ทั่วโลก ทำให้แต่ละประเทศซึมซับวัฒนธรรมและโฆษณาสินค้าและบริการต่างๆ แฝงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สหรัฐสามารถกำหนดวัฒนธรรมด้านการบริโภคได้ในระดับหนึ่ง เช่น หลายคนอาจจะรู้จักร้าน Starbuck จากในภาพยนตร์ นอกจากนี้ ความก้าวหน้าด้าน IT ที่เหนือกว่าประเทศอื่นของโลกก็เป็นจุดเด่นอันหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้หลักในระยะยาวให้กับประเทศ เพราะไม่ว่า Microsoft หรือ Intel เดินไปในทางไหน โลกก็ต้องหมุนตามในทางนั้น
รวมทั้งด้านการศึกษาเอง สหรัฐเองก็ถือว่าเป็นศูนย์กลางในการศึกษาในสาขาวิชาที่สำคัญของโลก ไม่ว่าจะเป็นด้าน IT การเงิน หรือ MBA ในแต่ละปีมีนักศึกษาต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไปศึกษาจำนวนมาก ซึ่งถามว่ารายได้เหล่านี้อยู่ในดุลบัญชีเดินสะพัดหรือไม่ คำตอบคือไม่อยู่ครับ เพราะการส่งเงินไปให้ลูกๆ ที่อยู่ต่างประเทศก็อยู่ในบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย ยกตัวอย่างเช่น หากเราไปเรียนในสหรัฐ ใช้เงิน 4 ล้านบาท เราอาจจะซื้อรถ Honda Accord ใหม่ 1 คัน ซึ่งอาจจะใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้า แต่ถามว่าการขาดดุลนี้เป็นขาดดุลของสหรัฐหรือไม่? และเงินอีก 3 ล้านกว่าเราซื้อสินค้าและบริการในประเทศสหรัฐ ซึ่งสินค้าเหล่านั้นส่วนใหญ่อาจจะผลิตจากจีน เกาหลี หรือไทย ดังนั้นการขาดดุลอันนี้ไม่ใช่ของสหรัฐครับ
ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เศรษฐกิจสหรัฐมีความแตกต่างจากเศรษฐกิจของประเทศทั่วๆ ไป ซึ่งทำให้ผมคิดเหมือนกันว่าบางครั้งเราอาจจะไม่สามารถใช้ตำราหรือทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาทำนายหรืออธิบายแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐได้ครับ แม้ว่าผมจะมีความกังวลในเรื่องการขาดดุลแฝด คือทั้งดุลการค้าและขาดดุลงบประมาณของสหรัฐอยู่บ้างพอสมควร แต่ผมเชื่อลึกๆ ว่ามันมีที่มาที่ไป และจากปัจจัยที่โดดเด่นในด้านต่างๆ ของสหรัฐ ผมจึงคิดน่านี่อาจจะเป็นจุดที่สมดุลของเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งๆ ที่หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่สมดุลก็ได้ครับ
ถ้ามีเวลาผมจะมาพูดถึงเศรษฐกิจไทยอีกทีนะครับ วันนี้ขอเท่านี้ก่อนครับ