หน้า 1 จากทั้งหมด 1
อิสรภาพทางการเงิน รายได้ต้องมากกว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ถึงจะพอ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 16, 2004 11:32 am
โดย The Beginner
ผมคิดเอาเองว่า ให้safeๆ เลย ก็ 1.5 เท่าพอจะไหวมั้ยครับ ปลอดภัยมั้ย
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเท่าไหร่ครับ ถึงจะอยู่พอสุขสบาย ไม่ใช่อยู่แบบฟุ้งเฟ้อนะครับ เพราะ ถ้าอยู่แบบฟุ้งเฟ้อเนี่ย คงไม่มีอิสรภาพทางการเงินซักที
ขอถามคำถามนี้กับเพื่อนๆทุกคน ที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว และยังไม่มี
ใครมีแล้วก็บอกด้วยนะครับ ว่า ประสบการณ์มันเป็นยังไง ต้องเริ่มยังไง เอาชนะความอยากได้ยังไง
จุดประสงค์ที่ถามเพื่อ ผมจะได้กำหนดเป้าหมายทางการเงินของผมได้เป็นรูปธรรมขึ้นน่ะครับ
ขอบคุณครับ
ปล.ผมรู้สึกว่าเคยอ่าน พี่ฉัตรชัย กับ พี่ครรชิตเนี่ย ตกงาน (มีอิสรภาพทางการเงิน) มานานแล้วนี่ครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 16, 2004 1:49 pm
โดย The Beginner
ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ คุณ CK ตกงาน เนี่ยเป็นคำแซวเฉยๆ นะครับ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น
เหมือนบัฟเฟต ที่บอกว่า ไม่ต้องทำอะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งโง่ๆ หรือ ที่ตัวเองไม่เชื่อ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 16, 2004 8:11 pm
โดย ชัย
อิสรภาพทางการเงินหมายความว่า คุณถึงจุดที่ไม่ต้องทำอะไรเพื่อเงินในการเลี้ยงชีพเป็นหลัก ไม่ได้แปลว่า มีรายได้จากการลงทุนโดยไม่ต้องทำอะไร อยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉยๆ เป็นต้น
เพราะชีวิต ไม่ใช่มีแค่ต้องทำงาน กับ ไม่ต้องทำงาน แต่สำหรับบางคน งานคือสิ่งที่ตัวเองรัก ถึงมีเงิน มีรายได้เพียงพอ โดยไม่ต้องทำงาน ก็ยังรักที่จะทำงานอยู่ดี
บิลเกตต์รวยกว่าคนที่พูดถึงการอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องทำงานกี่เท่าครับ เขาก็ยังทำงาน เพราะเขารัก
คนที่อยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องทำงาน แล้วมาดีอกดีใจว่าตัวเองมีอิสรภาพทางการเงิน บางทีอาจจะดูน่าสงสารกว่าอีก เพราะแสดงว่าคนเหล่านั้น ไม่ได้เจองานที่เขารักเลย
การทำงาน ยังทำให้สมองมีการใช้งาน ทำให้กระฉับกระเฉงด้วยครับ
ตะก่อน ผมเคยคิดที่จะมีอิสรภาพทางเงินโดยไม่ต้องทำงาน แต่มาวันนี้ ผมก็สงสัยว่า เงินที่มีควรเป็นสิ่งที่ให้รางวัลกับชีวิต และทำไม การมีเงินต้องทำให้เราถอยออกจากงานที่เรารักด้วยล่ะครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 16, 2004 8:17 pm
โดย ชัย
ตอนผมพิมพ์ ผมไม่เห็นคำตอบของคุณฉัตรชัยข้างบนนะครับ คงพิมพ์พร้อมๆกัน มีอะไรไม่เหมาะสม ขออภัยด้วยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 17, 2004 11:07 am
โดย สมศักดิ์
สำหรับผมคิดว่าอิสระภาพทางการเงินตามความหมายในพ่อรวยสอนลูกหมายถึงคนที่มีเงินใช้จ่ายมีรายได้โดยไม่ต้องทำงาน ส่วนคนที่ยังทำงานอยู่ถึงแม้นเขาจะมีรายได้มากมายเพียงใดแต่เขาก็ยังไม่พอใจยังต้องทำงานอยู่(เขาอาจจะยังมีความสุขกับการทำงานอยู่) ก็ยังเป็นหนูถีบจักร ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า
ตอนนี้ผมคิดว่าผมมีอิสระภาพทางการเงินแล้วเพราะผมไม่ต้องทำงานแต่ผมก็มีดอกผลจากการลงทุนส่งลูกเรียนหนังสือ ตัวเองก็ กินใช้อย่างไม่ฟุ่มเฟีอย มีความสุขการการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง หรือออกไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไปซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้แรงดลใจจากหลายคนในเวปนี้ ไม่ว่าจะเป็น ลุงขวด คุณฉัตรชัย และอีกหลายท่าน ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 17, 2004 12:10 pm
โดย บุคคลทั่วไป
มันก็ง่ายๆ อยู่แล้วว่า มีรายได้จากสินทรัพย์ หรือ การลงทุน มากกว่า รายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง
และ ประเด็นคือ เราก็สามารถเลือกได้ว่าชีวิตจะทำอะไร ไม่ว่าจะทำงานที่ตัวเองรัก(ได้เงินหรือไม่ได้เงิน) ต่อไป หรือ จะเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ทำงานการกุศล อะไรก็แล้วแต่ที่อยากทำ ไม่ได้จำกัด
แต่จริงๆ แล้ว ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด เอาไว้ถ้าต้องใช้เงินฉุกเฉินที่มากเกินกว่า รายจ่ายประจำ ดังนั้น ผมคิดว่า น่าจะมีรายได้มากกว่า รายจ่ายประจำซัก 2 เท่า ถึงจะปลอดภัย กินอ่ิมนอนหลับจริงๆ นะครับ เช่น มีรายจ่ายประจำปีละ 500000 บาท ก็ควรมีรายได้จากการลงทุน 1 ล้านบาท
แต่เอ ผมยังสงสัยอยู่นะ
1.ถ้าเรานำเงินปันผลมาใช้ ก็เสียโอกาสในการ Re-investment ไป
2.ถ้าเราไม่นำเงินปันผลมาใช้ เราจะเอาเงินจากไหนมาใช้
3.ผมเคยถามคุณ WEB เค้าบอกว่า ไม่อยากให้ยึดกับปันผล เพราะ หุ้นปันผลดีๆหลายตัว ปันผลลดลงเรื่อยๆ แล้วเราจะทำยังไง
แต่สำหรับข้อ3 นะ ผมว่า มันเริ่มจากแนวคิด VI แรกๆ แล้วว่า เราเลือกกิจการที่ดี ดังนั้นรายได้ กำไรของบริษัทที่เราเลือกคงจะสมำ่เสมอ ดังนั้นปันผลก็ควรจะสม่ำเสมอด้วย นอกจากบริษัทเอาเงินไปลงทุน เลยปันผลลด
ถ้าปันผลลด แล้วรายได้ปีนั้นเราน้อยกว่ารายจ่าย คราวนี้ก็แย่เลย ดังนั้น จะมีอิสรภาพได้จริงๆ ก็ควรจะมีรายได้มากกว่า รายจ่ายซํก 2 เท่าครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 20, 2004 9:13 pm
โดย FE
ปัทโธ่! ตอนนี้อย่าว่าแต่ "อิสรภาพทางการเงิน" เลยครับ แค่ "อิสรภาพทางความคิดเห็น" ก็จะไม่เหลือแล้ว
เฮ้อ... นี่แหละหนา ประเทศประชาธิปไตย
