เรามากันถูกทางกันแล้วใช่ไหม เพราะวอร์เรน บัฟเฟตต์..
ผมเชื่อในแนวคิดนั้น เพราะมัน สมเหตุสมผลมากๆ แค่ซื้อกิจการที่ดีและจะดีในระยะยาว ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
เพียงแต่ว่า วิธีการคิด การประยุกต์ การคำนวน มุมมองการวิเคราะห์นั้น ต้องอาศัยหลายๆ อย่างประกอบกันมากๆ หลอมรวมเป็นหนึ่ง ดังนั้น ต้องอาศัยระยะเวลา ประสบการณ์ ความมุ่งมั่น ความอดทนมาก
ขอให้กำลังใจเพื่อนๆ ด้วยนะครับ
เพียงแต่ว่า วิธีการคิด การประยุกต์ การคำนวน มุมมองการวิเคราะห์นั้น ต้องอาศัยหลายๆ อย่างประกอบกันมากๆ หลอมรวมเป็นหนึ่ง ดังนั้น ต้องอาศัยระยะเวลา ประสบการณ์ ความมุ่งมั่น ความอดทนมาก
ขอให้กำลังใจเพื่อนๆ ด้วยนะครับ
Buffett เคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดไปแล้วครั้งนึงเมื่อปี 1993 ครับ อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งที่ว่ามักจะคิดจากราคาหุ้น ฉะนั้น ถ้าจะวัดกันแบบจริงๆ ผมว่าต้องดูด้วยว่า ราคาหุ้น Microsoft และ Berkshire นั้น undervalued , fairly valued หรือ overvalued ครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนกุมภา ปี 2000 Masayoshi Son เจ้าของ Softbank ซึ่งถือหุ้น Yahoo, E-Trade , Geocities เคยรวยถึง$ 76 billion รวยกว่า Bill Gates เสียอีก แต่มันก็เป็นเพียงช่วงสั้นมากเท่านั้น เนื่องจากในช่วงนั้น หุ้น Internet มีราคาที่ overvalued มากๆๆๆๆ
แต่ถ้าเราตั้งสมมติฐานว่า ราคาหุ้น Berkshire สะท้อนพื้นฐานของบริษัท ราคาที่ว่าก็สะท้อนถึงการลงทุนในตลาดหุ้นน้อยลงไปทุกทีครับ ปี 1997 asset ของ Berkshire ถึง 73% เป็นการลงทุนในตลาดหุ้น พอมาถึงปี 2002 การลงทุนในตลาดคิดเป็นเพียง 26% ของ asset ของ Berkshire เท่านั้นครับ พักหลัง Buffett หันไปซื้อบริษัทนอกตลาดมากขึ้นๆ ซึ่งปี 2002 คิดเป็น 30% ของ asset ของ ฺBerkshire ทีเดียว การซื้อบริษัทนอกตลาดของ Buffett เป็นความสามารถเฉพาะตัวซึ่งยากที่ใครจะเลียนแบบ ซึ่งผู้ถือหุ้น Berkshire ก็กังวลไม่น้อยว่าตรงจุดนี้ใครจะมาทำแทน Buffett ได้ เจ้าของบริษัทหลายๆแห่งที่อยากจะรักษาวัฒนธรรมองคํกรและเอกลักษณ์ของบริษัทไว้ ขณะเดียวกันก็อยากจะมีสภาพคล่องและยังทำงานในบริษัทต่อไป จะเลือกขายบริษัทให้ Buffett ในราคาที่สมเหตุผลแทนที่จะเอาบริษัทเข้าตลาดหรือขายให้คนอื่น Buffett สร้างความน่าเชื่อถือตรงนี้ไว้อย่างยาวนานมากว่าพอซื้อบริษัทมาแล้วจะไม่เข้าไปปรับเปลี่ยนซึ่ง Buffett จะบริหารแบบไม่เข้าไปบริหาร Buffett จะคอยให้คำปรึกษาเมื่อถูกร้องขอ และจะเน้นเรื่อง asset allocation เท่านั้น ส่วนนี้มีความสำคัญกับ Berkshire มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง Buffett เองก็บอกว่ามองตัวเองเป็น manager มากขึ้นๆ
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า วันนี้ของท่านมาจากการลงทุนในตลาดหุ้นและเป็นการใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า จึงน่าจะสรุปได้ว่า การลงทุนแบบ VI นั้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้แน่
สรุปของสรุปก็คือ ทั้ง Gates และ Buffett ต่างก็ประสบความสำเร็จในแง่ที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นความสำเร็จที่เราๆสามารถไข่วคว้าได้ไม่ยากนัก เมื่อไรที่เราได้ทำงานที่ตัวเองรัก เราอาจจะพอลืมๆคำว่าอิสรภาพทางการเงินลงไปได้บ้าง นักกีฬาประเภทอื่นที่หันไปเล่นเทนนิสเพียงเพราะเห็นภราดรทำเงินได้มากมายคงประสบความสำเร็จได้ยากฉันใด คนที่เข้ามาลงทุนในตลาดเพียงเพราะอยากรวยก็คงจะประสบความสำเร็จได้ยากฉันนั้น ผมว่านักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีความรักในกระบวนการครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วย
แต่ถ้าเราตั้งสมมติฐานว่า ราคาหุ้น Berkshire สะท้อนพื้นฐานของบริษัท ราคาที่ว่าก็สะท้อนถึงการลงทุนในตลาดหุ้นน้อยลงไปทุกทีครับ ปี 1997 asset ของ Berkshire ถึง 73% เป็นการลงทุนในตลาดหุ้น พอมาถึงปี 2002 การลงทุนในตลาดคิดเป็นเพียง 26% ของ asset ของ Berkshire เท่านั้นครับ พักหลัง Buffett หันไปซื้อบริษัทนอกตลาดมากขึ้นๆ ซึ่งปี 2002 คิดเป็น 30% ของ asset ของ ฺBerkshire ทีเดียว การซื้อบริษัทนอกตลาดของ Buffett เป็นความสามารถเฉพาะตัวซึ่งยากที่ใครจะเลียนแบบ ซึ่งผู้ถือหุ้น Berkshire ก็กังวลไม่น้อยว่าตรงจุดนี้ใครจะมาทำแทน Buffett ได้ เจ้าของบริษัทหลายๆแห่งที่อยากจะรักษาวัฒนธรรมองคํกรและเอกลักษณ์ของบริษัทไว้ ขณะเดียวกันก็อยากจะมีสภาพคล่องและยังทำงานในบริษัทต่อไป จะเลือกขายบริษัทให้ Buffett ในราคาที่สมเหตุผลแทนที่จะเอาบริษัทเข้าตลาดหรือขายให้คนอื่น Buffett สร้างความน่าเชื่อถือตรงนี้ไว้อย่างยาวนานมากว่าพอซื้อบริษัทมาแล้วจะไม่เข้าไปปรับเปลี่ยนซึ่ง Buffett จะบริหารแบบไม่เข้าไปบริหาร Buffett จะคอยให้คำปรึกษาเมื่อถูกร้องขอ และจะเน้นเรื่อง asset allocation เท่านั้น ส่วนนี้มีความสำคัญกับ Berkshire มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง Buffett เองก็บอกว่ามองตัวเองเป็น manager มากขึ้นๆ
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า วันนี้ของท่านมาจากการลงทุนในตลาดหุ้นและเป็นการใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า จึงน่าจะสรุปได้ว่า การลงทุนแบบ VI นั้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้แน่
สรุปของสรุปก็คือ ทั้ง Gates และ Buffett ต่างก็ประสบความสำเร็จในแง่ที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นความสำเร็จที่เราๆสามารถไข่วคว้าได้ไม่ยากนัก เมื่อไรที่เราได้ทำงานที่ตัวเองรัก เราอาจจะพอลืมๆคำว่าอิสรภาพทางการเงินลงไปได้บ้าง นักกีฬาประเภทอื่นที่หันไปเล่นเทนนิสเพียงเพราะเห็นภราดรทำเงินได้มากมายคงประสบความสำเร็จได้ยากฉันใด คนที่เข้ามาลงทุนในตลาดเพียงเพราะอยากรวยก็คงจะประสบความสำเร็จได้ยากฉันนั้น ผมว่านักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีความรักในกระบวนการครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วย
พอดีเห็นผลของปีนี้ เลยตัดตอนมาฝาก
Bill Gates may not have had much of a pay raise this year, but he did manage to add $2 billion to his fortune, bringing the total to $48 billion and keeping him on top of the Forbes 400 list of the wealthiest Americans.
And while being a billionaire isn't as prestigious as it used to be--there are 313 on the list this year, compared with 262 last year--Gates is a couple of lengths ahead of his nearest competitor, the legendary "Sage of Omaha" investor Warren Buffett, who has $41 billion. And Gates is half the track ahead of No. 3 Paul Allen, who sits on a mere $20 billion, after dropping $2 billion since last year.
This is the 11th year that Gates has topped the Forbes list.
Bill Gates may not have had much of a pay raise this year, but he did manage to add $2 billion to his fortune, bringing the total to $48 billion and keeping him on top of the Forbes 400 list of the wealthiest Americans.
And while being a billionaire isn't as prestigious as it used to be--there are 313 on the list this year, compared with 262 last year--Gates is a couple of lengths ahead of his nearest competitor, the legendary "Sage of Omaha" investor Warren Buffett, who has $41 billion. And Gates is half the track ahead of No. 3 Paul Allen, who sits on a mere $20 billion, after dropping $2 billion since last year.
This is the 11th year that Gates has topped the Forbes list.