กระทู้นี้ดีมากครับ สำหรับหลายๆ คนที่ยังคลางแคลงใจกับการลงทุนแนว VI
ผมชอบที่คุณ Harry (Potter) ตอบครับ ว่า การซื้อหุ้นแบบ VI ก็คือการลงทุนใน
"ธุรกิจ" ขอให้คิดอย่างแรกเลยว่า เราเอาเงินไปทำ
"ธุรกิจ" (เหมือนที่เสี่ยวิบูลย์บอกว่า ไม่อยากเรียกชื่อย่อหุ้น แต่อยากเรียกเป็นชื่อกิจการ เพราะ คิดว่ามันเป็นธุรกิจ ไม่ใช่แค่หุ้น) เราก็เลยต้องทำความเข้าใจกับ
"ธุรกิจ" ของเรา และ ตรวจสอบ
"ธุรกิจ" ของเรามากๆ ว่า มันจะดี และ จะดีไปอีกหลายๆ ปีข้างหน้าหรือเปล่า ถ้ามันดีจริงๆ ราคาก็จะขยับขึ้นไปตาม
"มูลค่า" ของมันเอง ไม่มีทางเป็นอื่น
ที่ำสำคัญคือ เราต้องตี
"มูลค่า" ให้แม่นยำ จากความรู้ ประสบการณ์ที่สะสมมา และ พยายามจะซื้อในราคาที่ต่ำกว่า
"มูลค่า" ของมันมากๆ จะได้มี
"Margin of Safety" และผลตอบแทนจากทั้งเงินปันผล และ ส่วนต่างราคา ก็จะมากขึ้นไปด้วย ในเมื่อเราซื้อของถูก
ขาย
"ธุรกิจ" หรือ
"กิจการ" ของเรา ตามเหตุผลที่ คุณ ฉัตรชัย บอก4ข้อข้างบนนั่นแหละครับ ไม่ใช่ ซื้อแล้วต้องถือจนมันเจ๊ง ที่ได้ยินว่าเค้าถือ เพราะ "ธุรกิจ" นั้นยังดี และ ราคาต่ำกว่ามูลค่าตะหาก
ลงทุนแนวนี้แล้วก็มี ความสุข เหมือนที่คุณ มน บอก ได้เห็นพอร์ตโตขึ้นเรื่่อยๆเป็นการสะสมคะแนนแห่งชีวิต (แถมไม่โดนเมียด่า 555) ได้ปันผลมาใช้ (จนอาจจะไม่ต้องทำงานหรือเลือกงานที่อยากทำได้ แม้จะไม่มีผลตอบแทน แบบ คุณฉัตรชัย ดร.นิเวศน์ และ ท่านอื่นๆ)
ลงทุนแนว Value Investment แล้ว ระยะยาวจะปลอดภัยที่สุด มัน Make Sense ที่สุด กิจการดีเป็นผู้นำ กำไรดีต่อเนื่อง มีปันผล เราเป็นเจ้าของก็สบายใจ ถ้าเราซื้อราคาที่ตำ่กว่ามูลค่าจริงๆ มันก็ปลอดภัยและต้องขึ้นในที่สุด
และอีกอย่าง ความสุขการลงทุนแบบ "กินอิ่มนอนหลับ" แบบนี้ หาไม่ได้จากการเก็งกำไรครับ
ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ ทั้งหลายมาให้กำลังใจให้คนที่ยังลังเลสงสัยอยู่ครับ
ขอบพระคุณครับ
ปล. อยากให้เจ้าของกระทู้อ่านบทความ "ล่วงทุกข์ด้วยหุ้น" และ "คนบ้าหุ้น" ของ ดร.นิเวศน์ ดุนะครับ แล้วจะเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น
ปล.2 มาหาความรู้ที่เวปนี้ สบายใจครับ มีคนมีน้ำใจ (แบบพี่ครรชิต The King of Data) ทั้งคุณมน คุณฉัตรชัย คุณวิบูลย์ คุณนักดูดาว คุณปรัชญา คุณลูกอีสาน ฯลฯลฯ มากมายครับ
ปล.3 พยายามหาอ่านกระทูเยอะๆนะครับ จะมีการบ้าน (ชื่อหุ้น) ให้ลอก แต่ลอกคำตอบแล้ว ก็หาวิธีทำเองด้วยนะครับ (ลอกตลอดคงไม่ไหวหรอกครับ อิอิ)
ปล.4 เอ่อ.... นึกไม่ออกครับ ขอให้โชคดีก็แล้วกันครับ
