โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 26, 2004 4:13 pm
ตอบแบบรู้แค่สเน็กๆ ฟิชๆ นะครับ
1. ต้องกู้ครับ ไม่งั้นหาจุดคุ้มทุนยากมาก
2. ต้องประเมินราคาสินทรัพย์ก่อนครับ จะได้รู้ว่าถูกหรือแพง
ปกติผมใช้วิธีบอกแบงก์ว่าจะกู้เพื่อซื้อที่ผืนนี้+อาคาร ให้แบงก์
ที่ไว้ใจได้ไปประเมินราคาให้ครับ (คงจะเสียประมาณสี่ห้าพัน
บาท) ถ้าราคาแบงก์ประเมินออกมาเกิน 14 ล้าน แปลว่าทำเล
ดีแน่ๆ น่าจะคุ้ม แต่ถ้าแบงก์ประเมินให้น้อยกว่า 13 ล้าน แปลว่า
มี discount น้อยเกินไป ยิ่งถ้าแบงก์ให้แค่ 10 ล้านแปลว่าเรา
แบกความเสี่ยงเยอะครับ ไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง
ปกติทีมประเมินราคาของแบงก์จะสามารถมากกว่ากรมที่ดินครับ
เชื่อถือได้ ถ้าเขากดราคา แปลว่าที่ไม่ได้ดีเด่นมากมายนัก บาง
ทีกดต่ำกว่าราคาประเมินด้วยซ้ำ
3. ที่เหลือเหมือนคนอื่นๆ ครับ คือหอพักลำบากสุดเรื่องเก็บค่าเช่า
คือปล่อยแล้วไล่ออกยาก ต่อให้จ่ายค่าเช่ากระปิดกระปรอยก็เหอะ
แต่เรื่องอัตราดอกเบี้ย/ภาวะเงินเฟ้อ โดยปกติค่าเช่าจะปรับไปตาม
ภาวะเงินเฟ้ออยู่แล้วครับ (ถือโอกาสขึ้นราคาได้) ซึ่งจะมากจะน้อย
มักจะสะท้อนอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้ว แต่โดยรวมอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ก็จะทำให้ผลตอบแทนจากอสังหาลดลงครับ
1. ต้องกู้ครับ ไม่งั้นหาจุดคุ้มทุนยากมาก
2. ต้องประเมินราคาสินทรัพย์ก่อนครับ จะได้รู้ว่าถูกหรือแพง
ปกติผมใช้วิธีบอกแบงก์ว่าจะกู้เพื่อซื้อที่ผืนนี้+อาคาร ให้แบงก์
ที่ไว้ใจได้ไปประเมินราคาให้ครับ (คงจะเสียประมาณสี่ห้าพัน
บาท) ถ้าราคาแบงก์ประเมินออกมาเกิน 14 ล้าน แปลว่าทำเล
ดีแน่ๆ น่าจะคุ้ม แต่ถ้าแบงก์ประเมินให้น้อยกว่า 13 ล้าน แปลว่า
มี discount น้อยเกินไป ยิ่งถ้าแบงก์ให้แค่ 10 ล้านแปลว่าเรา
แบกความเสี่ยงเยอะครับ ไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง
ปกติทีมประเมินราคาของแบงก์จะสามารถมากกว่ากรมที่ดินครับ
เชื่อถือได้ ถ้าเขากดราคา แปลว่าที่ไม่ได้ดีเด่นมากมายนัก บาง
ทีกดต่ำกว่าราคาประเมินด้วยซ้ำ
3. ที่เหลือเหมือนคนอื่นๆ ครับ คือหอพักลำบากสุดเรื่องเก็บค่าเช่า
คือปล่อยแล้วไล่ออกยาก ต่อให้จ่ายค่าเช่ากระปิดกระปรอยก็เหอะ
แต่เรื่องอัตราดอกเบี้ย/ภาวะเงินเฟ้อ โดยปกติค่าเช่าจะปรับไปตาม
ภาวะเงินเฟ้ออยู่แล้วครับ (ถือโอกาสขึ้นราคาได้) ซึ่งจะมากจะน้อย
มักจะสะท้อนอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้ว แต่โดยรวมอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ก็จะทำให้ผลตอบแทนจากอสังหาลดลงครับ