ความจริงที่ตากใบ - ดร.เจิมศักดิ์
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 02, 2004 1:27 pm
ความจริงที่ตากใบ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
การสลายการชุมนุม และควบคุมตัวผู้ชุมนุมประท้วง ที่ อ.ตากใบ นราธิวาส เมื่อ 25 ต.ค.นั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเฉพาะพบว่า มีถึง 78 คน เสียชีวิตบนรถบรรทุก ขณะขนส่งจาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี
สังคมไทยตกอยู่ในอาการ "ช็อก" เกิดความคลางแคลงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังเกิดเหตุ คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจำนวน 3 คณะ ได้เดินทางลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ โดยส่วนตัว ผมพบ "ความจริงที่ตากใบ" ดังต่อไปนี้
1) กวาดจับโดยไตร่ตรองเตรียมการไว้ก่อน
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทางการได้เตรียมการจะจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน โดยได้ถ่ายภาพผู้ชุมนุมด้านใน ทั้งวิดีโอ และภาพนิ่ง เพื่อกำหนดตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมเอาไว้ก่อน ระหว่างการเจรจากับผู้ชุมนุมนั้น ก็ได้มีการเตรียมรถจีเอ็มซี จำนวน 4 คัน จากค่ายอิงคยุทธบริหารไปรอที่หน้าอำเภอตากใบ
แต่ก่อนการสลายชุมนุม ตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมนั้นกระจายตัวไปฝูงชนที่เข้ามาร่วมชุมนุม เจ้าหน้าที่ของทางการจึงใช้วิธีปิดล้อม กวาดจับกุมไว้ทั้ง 1,300 คน เพื่อ "ตะแกงร่อน" เอาคน 100 คน ที่กำหนดตัวไว้เดิม แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อกวาดจับกุมแล้วได้มีการให้ผู้ชุมนุมถอดเสื้อมัดมือไพล่ เกลือกกลิ้งไปตามพื้นดิน ทำให้ไม่สามารถเลือกจับกุมเฉพาะตัวคน 100 คน ที่ทางการเชื่อว่าเป็นแกนนำได้ จึงกวาดจับไปทั้งหมด
ข้อสังเกต นายกรัฐมนตรีแถลงว่า การสลายการชุมนุมได้กระทำหลังจากพยายามเจรจากับผู้ชุมนุม แต่ด้วยเกรงว่าจะค่ำมืด เกิดการจลาจลลุกลาม จึงตัดสินใจสลายการชุมนุม โดยถือปฏิบัติตามหลักวิชาการ และใช้ความละมุนละม่อม ถ้อยแถลงของนายกฯ จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
2) กระทำการขนย้ายรุนแรง
การขนผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ปัตตานี ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้รถทหารจำนวน 25 คัน และรถตำรวจกับรถเช่าอีกจำนวนหนึ่ง ขนผู้ชุมนุม 1,300 คน โดยอัดแน่นกันอยู่ในรถ มีการจับประชาชนที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ร่างกายอ่อนเพลียจากถูกปะทะในระหว่างสลายการชุมนุม และอยู่ระหว่างถือศีลอด ผลักดันส่งขึ้นไปบนรถ บังคับให้นอนคว่ำหน้าบนพื้นรถ ขณะที่มือยังถูกมัดไพล่หลัง มีการวางประชาชนนอนซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ โดยใช้เวลาเดินทางนานถึง 5-6 ชั่วโมง คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่แถวล่างสุดขาดอากาศหายใจ กล้ามเนื้อถูกกดทับทำลาย ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ข้อสังเกต การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทางการเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่างไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของคน และไม่เคารพสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
3) รู้ว่ามีคนตาย แต่ไม่ป้องกันการตายเพิ่ม
รถบรรทุกคนคันแรก เดินทางไปถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร เวลาประมาณ 18.00-19.00 พบว่ามีคนตายอยู่ชั้นล่างสุด 1 คน ไม่มีผู้ใดแจ้งเตือนรถคันหลังๆ ว่า การขนคนโดยมัดมือไพล่หลังให้นอนคว่ำซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ เป็นเหตุให้มีคนตาย จะได้แก้ไขเสียตั้งแต่ต้นทาง และกลางทาง เพราะรถขนคนค่อยๆ ทยอยกันเดินทางมา บางคันเข้ามาถึงตี 2 ตี 3
ข้อสังเกต วิธีปฏิบัติดังกล่าวทำให้คนตาย แต่กลับไม่พยายามแจ้งเพื่อป้องกันแก้ไข ในขณะที่ยังมีเวลากระทำได้ทันท่วงที เท่ากับการปล่อยปละละเลย จึงควรถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาจงใจ โดยคันที่เสียชีวิตมากที่สุด มีคนตายถึง 23 คน
4) สภาพผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล
สภาพร่างกายถูกกดทับจนกล้ามเนื้อถูกทำลาย บวม เขียว เซลล์กล้ามเนื้อที่ถูกทำลายเข้ากระแสเลือด ส่งผลให้ไตวาย บางรายอาการสาหัส ต้องฟอกเลือดในโรงพยาบาลที่สงขลา
ข้อสังเกต ผู้บาดเจ็บให้ข้อมูลตรงกันกับผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังอื่นๆ ว่า ถูกจับนอนซ้อนทับกัน ส่วนมากที่อาการหนักจะเป็นคนที่ถูกทับอยู่ชั้นล่างๆ ขณะที่การขนคนมาที่ค่ายอิงคยุทธบริหารมีแพทย์อยู่ในค่ายเพียง 1 คน กับพยาบาล 8-10 คน ต้องดูแลผู้ชุมนุมที่อ่อนเพลีย และในสภาพบาดเจ็บกว่า 1,300 คน
5) สภาพที่กักขัง และคนถูกกักขัง
เมื่อเปรียบเทียบค่ายอิงคยุทธ ค่ายเสนาณรงค์ และโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว พบว่า ค่ายอิงคยุทธ มีปัญหามากที่สุด โดยจนถึงขณะที่ไปตรวจเยี่ยม ( 3 วันหลังเกิดเหตุ) ประชาชนก็ยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่มีเครื่องใช้ไม้สอย สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้านุ่ง ผ้าเช็ดตัว
ในบรรดาผู้ถูกกักขังนั้น มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอยู่ไม่น้อย (เกือบ 10%) ขังรวมอยู่กับผู้ใหญ่ บางคนเป็นนักเรียน เรียนอยู่โรงเรียนแสงทอง โรงเรียนจริยธรรมศึกษา ผู้ถูกกักขังที่ได้พบ พูดภาษาไทยได้ดี หลายคนจบชั้น ป.6 บางคนจบอนุปริญญา หรือกำลังเรียนอยู่ก็มี ถามว่ารู้จัก ส.ว.ทองใบ ทองเปาด์ไหม ก็รู้จักดี มิหนำซ้ำยังถามกลับมาว่า ระยะนี้ไม่ค่อยเห็นรายการของผู้เขียนออกทีวี
ข้อสังเกต ข้อเท็จจริงผิดจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อธิบายต่อสังคมว่า คนพวกนี้ไม่พูดภาษาไทย พูดอาหรับ
6) ต้องมีการกล่าวโทษ
การดำเนินการจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเป็นการเสียชีวิตระหว่างการขนย้ายถึง 78 คน เป็นความเสียหายร้ายแรง ประชาชนถูกทำให้เสียชีวิตในระหว่างที่อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งมัดมือไพล่หลัง บังคับให้นอนคว่ำหน้า ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบดูแลให้ความปลอดภัย แต่กลับละเลย ปฏิบัติอย่างทารุณ ควรถูกกล่าวโทษอย่างน้อยฐานกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ รวมทั้งอคติของเจ้าหน้าที่ ที่แสดงออกผ่านการกระทำต่อประชาชน ก็มีผลต่อการสูญเสียด้วยเช่นกัน
ทางการรายงานว่า มีการค้นพบอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า ระเบิดสังหาร มีด ซึ่งอ้างว่าถูกค้นพบนอกตัวผู้ชุมนุม อยู่ในน้ำบ้าง อยู่ข้างนอกบ้าง แต่ไม่มีการพิสูจน์ว่า อาวุธดังกล่าวใช้งานได้หรือไม่ เพราะเมื่อเกิดเหตุปะทะระหว่างการสลายการชุมนุม หากผู้ชุมนุมครอบครองอาวุธ และพร้อมใช้งานจริง แต่เหตุใดผู้ชุมนุมไม่ใช้อาวุธเหล่านั้นทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่านี้
ความชอบธรรมในการบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากจะพิจารณาความชอบธรรมในฐานะบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศ ผมมีความเห็นดังต่อไปนี้
(1) พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณให้ใช้ความรุนแรงในหลายโอกาส หลายนโยบายของการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสงครามยาเสพติดที่มีการฆ่าตัดตอนกว่า 2,800 ศพ ส่วนหนึ่งก็ด้วยการชี้แจง และมอบหมายนโยบายที่ชี้นำให้เกิดการใช้ความรุนแรง
ยิ่งกรณีปัญหาภาคใต้นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ปฏิเสธแนวทางสันติวิธีของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แต่ใช้นโยบายแข็งกร้าว ชี้นำความรุนแรงว่า "ตาต่อตาฟันต่อฟัน" "At any cost at any price"
รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจนายกฯ อย่างเข้มแข็ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้อำนาจแข็งกร้าว กระทั่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง
(2) การดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าว การประชาสัมพันธ์ของรัฐที่ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคใต้เกิดจากโจร ผู้ไม่หวังดี พวกมุสลิมหัวรุนแรง พวกวัยรุ่นติดยา และมาลงท้ายที่พวกแบ่งแยกดินแดน ได้สร้างความเกลียดชัง หวาดระแวงระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
(3) พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเสริมสร้างกำลังให้กับผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดนโดยไม่ตั้งใจ เพราะข้อมูลทุกฝ่ายประเมินตรงกันว่า แนวคิดเรื่องแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทยยังคงมีอยู่ แต่เป็นแนวคิดของคนจำนวนน้อย และน้อยลงเรื่อยๆ แต่เมื่อนโยบายของรัฐบาลนี้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อเนื่อง จากกรณีกรือเซะถึงกรณีตากใบ ทำให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้รับความเห็นใจ และมีคนถูกผลักให้เข้าร่วมมากขึ้น
(4) ความรุนแรงที่เกิดจากการบริหารประเทศในช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา กลายเป็นช่วง "เกือบ 4 ปี เกือบ 4 พันศพ" ทั้งสงครามยาเสพติด 2,800 ศพ ความรุนแรงในภาคใต้อีกเกือบ 1 พันศพ ซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าความรุนแรงจะลดลง
(5) การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความรุนแรงและคนตายมากมายถึงเพียงนี้ นำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยในเวทีโลก ถูกมองว่าคนไทย ประเทศไทย เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ประเทศไทยยังต้องอยู่ต่อไป สันติประชาธรรมของไทยจะต้องคงอยู่ ยังมีคนที่รับผิดชอบต่อไปได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปแล้วครับ
------------------
หมายเหตุ : ดร.เจิมศักดิ์ ได้มีบันทึกข้อความถึงบรรณาธิการ ว่า ได้ลงพื้นที่ ได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตากใบ จึงได้เขียนเป็นบทความ สะท้อนความจริงที่พบ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
การสลายการชุมนุม และควบคุมตัวผู้ชุมนุมประท้วง ที่ อ.ตากใบ นราธิวาส เมื่อ 25 ต.ค.นั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเฉพาะพบว่า มีถึง 78 คน เสียชีวิตบนรถบรรทุก ขณะขนส่งจาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี
สังคมไทยตกอยู่ในอาการ "ช็อก" เกิดความคลางแคลงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังเกิดเหตุ คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจำนวน 3 คณะ ได้เดินทางลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ โดยส่วนตัว ผมพบ "ความจริงที่ตากใบ" ดังต่อไปนี้
1) กวาดจับโดยไตร่ตรองเตรียมการไว้ก่อน
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทางการได้เตรียมการจะจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน โดยได้ถ่ายภาพผู้ชุมนุมด้านใน ทั้งวิดีโอ และภาพนิ่ง เพื่อกำหนดตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมเอาไว้ก่อน ระหว่างการเจรจากับผู้ชุมนุมนั้น ก็ได้มีการเตรียมรถจีเอ็มซี จำนวน 4 คัน จากค่ายอิงคยุทธบริหารไปรอที่หน้าอำเภอตากใบ
แต่ก่อนการสลายชุมนุม ตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมนั้นกระจายตัวไปฝูงชนที่เข้ามาร่วมชุมนุม เจ้าหน้าที่ของทางการจึงใช้วิธีปิดล้อม กวาดจับกุมไว้ทั้ง 1,300 คน เพื่อ "ตะแกงร่อน" เอาคน 100 คน ที่กำหนดตัวไว้เดิม แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อกวาดจับกุมแล้วได้มีการให้ผู้ชุมนุมถอดเสื้อมัดมือไพล่ เกลือกกลิ้งไปตามพื้นดิน ทำให้ไม่สามารถเลือกจับกุมเฉพาะตัวคน 100 คน ที่ทางการเชื่อว่าเป็นแกนนำได้ จึงกวาดจับไปทั้งหมด
ข้อสังเกต นายกรัฐมนตรีแถลงว่า การสลายการชุมนุมได้กระทำหลังจากพยายามเจรจากับผู้ชุมนุม แต่ด้วยเกรงว่าจะค่ำมืด เกิดการจลาจลลุกลาม จึงตัดสินใจสลายการชุมนุม โดยถือปฏิบัติตามหลักวิชาการ และใช้ความละมุนละม่อม ถ้อยแถลงของนายกฯ จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
2) กระทำการขนย้ายรุนแรง
การขนผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ปัตตานี ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้รถทหารจำนวน 25 คัน และรถตำรวจกับรถเช่าอีกจำนวนหนึ่ง ขนผู้ชุมนุม 1,300 คน โดยอัดแน่นกันอยู่ในรถ มีการจับประชาชนที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ร่างกายอ่อนเพลียจากถูกปะทะในระหว่างสลายการชุมนุม และอยู่ระหว่างถือศีลอด ผลักดันส่งขึ้นไปบนรถ บังคับให้นอนคว่ำหน้าบนพื้นรถ ขณะที่มือยังถูกมัดไพล่หลัง มีการวางประชาชนนอนซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ โดยใช้เวลาเดินทางนานถึง 5-6 ชั่วโมง คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่แถวล่างสุดขาดอากาศหายใจ กล้ามเนื้อถูกกดทับทำลาย ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ข้อสังเกต การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทางการเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่างไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของคน และไม่เคารพสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
3) รู้ว่ามีคนตาย แต่ไม่ป้องกันการตายเพิ่ม
รถบรรทุกคนคันแรก เดินทางไปถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร เวลาประมาณ 18.00-19.00 พบว่ามีคนตายอยู่ชั้นล่างสุด 1 คน ไม่มีผู้ใดแจ้งเตือนรถคันหลังๆ ว่า การขนคนโดยมัดมือไพล่หลังให้นอนคว่ำซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ เป็นเหตุให้มีคนตาย จะได้แก้ไขเสียตั้งแต่ต้นทาง และกลางทาง เพราะรถขนคนค่อยๆ ทยอยกันเดินทางมา บางคันเข้ามาถึงตี 2 ตี 3
ข้อสังเกต วิธีปฏิบัติดังกล่าวทำให้คนตาย แต่กลับไม่พยายามแจ้งเพื่อป้องกันแก้ไข ในขณะที่ยังมีเวลากระทำได้ทันท่วงที เท่ากับการปล่อยปละละเลย จึงควรถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาจงใจ โดยคันที่เสียชีวิตมากที่สุด มีคนตายถึง 23 คน
4) สภาพผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล
สภาพร่างกายถูกกดทับจนกล้ามเนื้อถูกทำลาย บวม เขียว เซลล์กล้ามเนื้อที่ถูกทำลายเข้ากระแสเลือด ส่งผลให้ไตวาย บางรายอาการสาหัส ต้องฟอกเลือดในโรงพยาบาลที่สงขลา
ข้อสังเกต ผู้บาดเจ็บให้ข้อมูลตรงกันกับผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังอื่นๆ ว่า ถูกจับนอนซ้อนทับกัน ส่วนมากที่อาการหนักจะเป็นคนที่ถูกทับอยู่ชั้นล่างๆ ขณะที่การขนคนมาที่ค่ายอิงคยุทธบริหารมีแพทย์อยู่ในค่ายเพียง 1 คน กับพยาบาล 8-10 คน ต้องดูแลผู้ชุมนุมที่อ่อนเพลีย และในสภาพบาดเจ็บกว่า 1,300 คน
5) สภาพที่กักขัง และคนถูกกักขัง
เมื่อเปรียบเทียบค่ายอิงคยุทธ ค่ายเสนาณรงค์ และโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว พบว่า ค่ายอิงคยุทธ มีปัญหามากที่สุด โดยจนถึงขณะที่ไปตรวจเยี่ยม ( 3 วันหลังเกิดเหตุ) ประชาชนก็ยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่มีเครื่องใช้ไม้สอย สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้านุ่ง ผ้าเช็ดตัว
ในบรรดาผู้ถูกกักขังนั้น มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอยู่ไม่น้อย (เกือบ 10%) ขังรวมอยู่กับผู้ใหญ่ บางคนเป็นนักเรียน เรียนอยู่โรงเรียนแสงทอง โรงเรียนจริยธรรมศึกษา ผู้ถูกกักขังที่ได้พบ พูดภาษาไทยได้ดี หลายคนจบชั้น ป.6 บางคนจบอนุปริญญา หรือกำลังเรียนอยู่ก็มี ถามว่ารู้จัก ส.ว.ทองใบ ทองเปาด์ไหม ก็รู้จักดี มิหนำซ้ำยังถามกลับมาว่า ระยะนี้ไม่ค่อยเห็นรายการของผู้เขียนออกทีวี
ข้อสังเกต ข้อเท็จจริงผิดจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อธิบายต่อสังคมว่า คนพวกนี้ไม่พูดภาษาไทย พูดอาหรับ
6) ต้องมีการกล่าวโทษ
การดำเนินการจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเป็นการเสียชีวิตระหว่างการขนย้ายถึง 78 คน เป็นความเสียหายร้ายแรง ประชาชนถูกทำให้เสียชีวิตในระหว่างที่อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งมัดมือไพล่หลัง บังคับให้นอนคว่ำหน้า ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบดูแลให้ความปลอดภัย แต่กลับละเลย ปฏิบัติอย่างทารุณ ควรถูกกล่าวโทษอย่างน้อยฐานกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ รวมทั้งอคติของเจ้าหน้าที่ ที่แสดงออกผ่านการกระทำต่อประชาชน ก็มีผลต่อการสูญเสียด้วยเช่นกัน
ทางการรายงานว่า มีการค้นพบอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า ระเบิดสังหาร มีด ซึ่งอ้างว่าถูกค้นพบนอกตัวผู้ชุมนุม อยู่ในน้ำบ้าง อยู่ข้างนอกบ้าง แต่ไม่มีการพิสูจน์ว่า อาวุธดังกล่าวใช้งานได้หรือไม่ เพราะเมื่อเกิดเหตุปะทะระหว่างการสลายการชุมนุม หากผู้ชุมนุมครอบครองอาวุธ และพร้อมใช้งานจริง แต่เหตุใดผู้ชุมนุมไม่ใช้อาวุธเหล่านั้นทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่านี้
ความชอบธรรมในการบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากจะพิจารณาความชอบธรรมในฐานะบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศ ผมมีความเห็นดังต่อไปนี้
(1) พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณให้ใช้ความรุนแรงในหลายโอกาส หลายนโยบายของการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสงครามยาเสพติดที่มีการฆ่าตัดตอนกว่า 2,800 ศพ ส่วนหนึ่งก็ด้วยการชี้แจง และมอบหมายนโยบายที่ชี้นำให้เกิดการใช้ความรุนแรง
ยิ่งกรณีปัญหาภาคใต้นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ปฏิเสธแนวทางสันติวิธีของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แต่ใช้นโยบายแข็งกร้าว ชี้นำความรุนแรงว่า "ตาต่อตาฟันต่อฟัน" "At any cost at any price"
รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจนายกฯ อย่างเข้มแข็ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้อำนาจแข็งกร้าว กระทั่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง
(2) การดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าว การประชาสัมพันธ์ของรัฐที่ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคใต้เกิดจากโจร ผู้ไม่หวังดี พวกมุสลิมหัวรุนแรง พวกวัยรุ่นติดยา และมาลงท้ายที่พวกแบ่งแยกดินแดน ได้สร้างความเกลียดชัง หวาดระแวงระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
(3) พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเสริมสร้างกำลังให้กับผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดนโดยไม่ตั้งใจ เพราะข้อมูลทุกฝ่ายประเมินตรงกันว่า แนวคิดเรื่องแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทยยังคงมีอยู่ แต่เป็นแนวคิดของคนจำนวนน้อย และน้อยลงเรื่อยๆ แต่เมื่อนโยบายของรัฐบาลนี้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อเนื่อง จากกรณีกรือเซะถึงกรณีตากใบ ทำให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้รับความเห็นใจ และมีคนถูกผลักให้เข้าร่วมมากขึ้น
(4) ความรุนแรงที่เกิดจากการบริหารประเทศในช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา กลายเป็นช่วง "เกือบ 4 ปี เกือบ 4 พันศพ" ทั้งสงครามยาเสพติด 2,800 ศพ ความรุนแรงในภาคใต้อีกเกือบ 1 พันศพ ซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าความรุนแรงจะลดลง
(5) การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความรุนแรงและคนตายมากมายถึงเพียงนี้ นำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยในเวทีโลก ถูกมองว่าคนไทย ประเทศไทย เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ประเทศไทยยังต้องอยู่ต่อไป สันติประชาธรรมของไทยจะต้องคงอยู่ ยังมีคนที่รับผิดชอบต่อไปได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปแล้วครับ
------------------
หมายเหตุ : ดร.เจิมศักดิ์ ได้มีบันทึกข้อความถึงบรรณาธิการ ว่า ได้ลงพื้นที่ ได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตากใบ จึงได้เขียนเป็นบทความ สะท้อนความจริงที่พบ