หน้า 1 จากทั้งหมด 1
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 01, 2005 10:11 pm
โดย jaychou
ผมเคยได้ยินเรื่องมือถือของโมโตโรล่าอันเป็นต้นตำรับซิกซ์ ซิกม่า
เรื่องมีอยู่ว่า แฟนพันธุ์แท้โมโต 2 คนมาบ่นปรับทุกข์กัน
แฟนคนที่ 1: มือถือโมโตรุ่นนี้ ซื้อมาไม่ทันไรก็เสียแล้ว
แฟนคนที่ 2: เป็นไปได้ไง ของชั้นก็เสีย ไหนว่าได้ซิกซ์ ซิกม่าไง
แฟนคนที่ 1: เค้าได้ซิกซ์ ซิกม่าจริงๆนะ ... สงสัยเราสองคนจะโชคดีอะ ได้เครื่อง 2 ใน 3.4 เครื่องที่เสียมาน่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 02, 2005 7:38 am
โดย jaychou
ไม่ใช่ครับ คุณอาร์ม
3.4 DPPM ของ Six Sigma หมายถึงของเสียที่เกิดในกระบวนการผลิต/บริการครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 02, 2005 10:19 am
โดย jaychou
ใช่ครับท่านประธาน defective parts per million แต่จริงๆ เค้าไม่ได้เอาจำนวนชิ้นส่วนมาคำนวณนะครับ เค้าใช้ part เป็น product เลยครับ .. มิฉะนั้นแล้ว ผมไม่กล้านั่งเครื่องบิน เพราะ part เยอะมาก
เรื่องการบินเป็นตัวอย่างที่ดีครับ defective "service" ในสายการบิน ท่านประธานน่าจะทราบละเอียดกว่าผม ว่าตอนนี้ อัตราตกต่อเที่ยวบินเป็นเท่าไหร่ ผมเดาว่าประมาณ 1 ในล้านแล้วมั้งครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 02, 2005 11:03 am
โดย jaychou
ถ้าในระดับ product เป็น defect ครับ แต่ถ้าในระดับ service ไม่เป็นครับ
6 Sigma จริงๆ เป้าหมายสุดท้ายคือ ลด Cost นะครับ แต่แนวทางจะไปด้วยการลด Cost of Poor Quality ... พวกการคืนสินค้า การขอคืนเงิน การยกเลิกการใช้บริการ การเสียชื่อเสียง(ทำให้คนมาใช้บริการน้อยลง) ดังนั้น วิธีแยกง่ายๆ ให้ดูว่าลูกค้าของ product / service นั้นๆยอมรับหรือเปล่า
ถ้ายังจำได้ Intel เคยมีปัญหาเรื่อง floating point แม้ลูกค้าจะมีโอกาสใช้ตรงนั้นน้อยมาก แต่ก็ถือว่าเป็น defect เพราะเค้าไม่ยอมรับสินค้า
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 02, 2005 4:36 pm
โดย jaychou
อธิบายคงจะยาว เอาเป็นว่าน้องอาร์มเข้าใจผิดครับ
อยากเข้าใจลองอ่านหนังสือที่เป็น six sigma ดีกว่า