พระจตุคามรามเทพ จ.นครศรีธรรมราช

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ล็อคหัวข้อ
คเณพร

โพสต์ โดย คเณพร » อังคาร เม.ย. 06, 2004 8:42 pm

:arrow: ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง



แปลว่า......



:arrow: บูชาสิ่งที่ควรบูชาเป็นมงคลอันสูงสุด




:idea: คเณพร



WKE_D

โพสต์ โดย WKE_D » อาทิตย์ พ.ค. 16, 2004 8:50 pm

วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี



มูลนิธิแนบมหานีรานนท์ เลขที่ 54/1 หมู่ 2 ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ตำบลบางระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210 โทร 420 8024

หากท่านที่ต้องการเข้าปฏิบัติธรรม ต้องศึกษาเรื่อง รูปนาม ให้เข้าใจก่อน โดยขอรับหนังสือคู่มือการปฏิบัติได้ที่ มูลนิธิ และ เข้าเรียนอภิธรรมที่วัดบวรนิเวศ มีสอนวันเสาร์ 8.30 12.00 โดย ท่านอาจารย์ วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี และ อาจารย์ นิยม ฤทธิ์เสือ



ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน)

โพสต์ โดย ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน) » พฤหัสฯ. มิ.ย. 03, 2004 1:06 am

WKE_D เขียน: วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี



มูลนิธิแนบมหานีรานนท์ เลขที่ 54/1 หมู่ 2 ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ตำบลบางระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210 โทร 420 8024

หากท่านที่ต้องการเข้าปฏิบัติธรรม ต้องศึกษาเรื่อง รูปนาม ให้เข้าใจก่อน โดยขอรับหนังสือคู่มือการปฏิบัติได้ที่ มูลนิธิ และ เข้าเรียนอภิธรรมที่วัดบวรนิเวศ มีสอนวันเสาร์ 8.30 12.00 โดย ท่านอาจารย์ วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี และ อาจารย์ นิยม ฤทธิ์เสือ
ขอบคุณที่แนะนำครับ

วันนี้เป็นวันวิสาข

ใครไปทำบุญแห่ผ้าทิพ ที่วัดมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราชบ้างครับอยากไปมาหลายปีแต่ยังไม่มีโอกาสเลย เฮ้อ



wke_d

โพสต์ โดย wke_d » เสาร์ มิ.ย. 05, 2004 10:24 pm

ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน) เขียน: ขอบคุณที่แนะนำครับ

วันนี้เป็นวันวิสาข

ใครไปทำบุญแห่ผ้าทิพ ที่วัดมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราชบ้างครับอยากไปมาหลายปีแต่ยังไม่มีโอกาสเลย เฮ้อ
วันวิสา ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ ตื่นสาย ( ประจำ )
ห่างวัดมานานมาก ไม่ได้ไปขัดเกลาจิตใจนานแล้ว

ตอนนี้จิตใจเศร้าหมอง และเกิดการปรุงแต่งตลอดเวลา
แต่ก็คงผ่านไปได้เองค่ะ บ่นเฉย ๆ

ถ้ามีโอกาส จะไปวัดที่คุณแนะนำมาค่ะ



แผนที่ชีวิต

โพสต์ โดย แผนที่ชีวิต » ศุกร์ มิ.ย. 11, 2004 11:49 pm

แผนที่ชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


1. ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ
2. อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก ปัญญา และ ความกล้าหาญ
3. เพื่อนใหม่ คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วน เพื่อนเก่า/ มิตร คืออัญมณีที่ นับวันจะเพิ่มคุณค่า
4. อ่านหนังสือ ธรรมะ ปีละเล่ม
5. ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
6. พูดคำว่า ขอบคุณ ให้มากๆ
7. รักษา ความลับ ให้เป็น
8. ประเมินคุณค่าของการให้ อภัย ให้สูง
9. ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
10. ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่าเป็นจริง
11. หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่
12. เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนักคิดเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
13. อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์
14. ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน
15. อย่าหยิ่งหากจะกล่าวว่า ขอโทษ
16. อย่าอายหากจะบอกใครว่าไม่รู้
17. ระยะทางนับพันกิโลเมตรแน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง
18. เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
19. การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท
20. คนไม่รักเงิน คือ คนไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต
21. ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อน คือ ผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี
22. ชีวิตนี้ฉันไม่เคยได้ทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด
23. จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน
24. เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจใน สิ่งที่เราพูด
25. เหรียญเดียวมี 2 หน้า ความสำเร็จ กับ ล้มเหลว
26. อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น
27. ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
28. อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ (อย่าใจร้อน)
29. ระลึกถึงความตายวันละ 3 ครั้ง ชีวิตจะ มีสุข มีอภัย มีใช้อยู่
30. ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อ ๆ ไปก็ผิดหมด
31. ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ
32. จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
33. ดาวและเดือนที่อยู่สูงอยากได้ต้องปีน บันไดสูง
34. มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิตจงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
35. หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม
36. ระเบียบวินัย คือ คุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต



สงสัยเหมือนกัน

โพสต์ โดย สงสัยเหมือนกัน » อาทิตย์ ก.ค. 04, 2004 7:23 pm

เกี่ยวกับหลักการของผู้นำที่ดี เขาบอกว่าต้องมีหลักดังนี้
1. mountain
2. cloud
3. tree
4. water
รบกวนท่านผู้ทราบช่วยอธิบายความหมายให้ด้วยครับ

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 98510.html



แครอท....ไข่..กาแฟ

โพสต์ โดย แครอท....ไข่..กาแฟ » ศุกร์ ส.ค. 06, 2004 12:17 pm

> >>> เรื่อง: แครอท....ไข่..กาแฟ
> >>> ที่มา: ไม่ระบุ
> >>>
> >>> วันหนึ่งลูกสาวพร่ำบ่นถึงชีวิตอันแสนลำเค็ญให้พ่อฟังว่า
> >>> เธอกำลังรู้สึกอับจนปัญญาที่จะจัดการกับชีวิตและปรารถนาที่จะยอมแพ้พ่าย
> >>> ด้วยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้และการแข่งขัน
> >>> ประหนึ่งว่าเมื่อสางปัญหาหนึ่งเสร็จสิ้น
> >>> อีกปัญหาหนึ่งก็ก้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ
> >>> ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นพ่อครัวจึงเดินนำเธอเข้าไปในครัว
> >>> จัดแจงต้มน้ำในหม้อ 3 ใบด้วยไฟแรงจนน้ำเดือด
> >>> เขาใส่แครอทในหม้อใบแรก
> >>> วางไข่ลงในหม้อใบที่สอง
> >>> และตักกาแฟลงไปในหม้อใบสุดท้าย
> >>> แล้วปล่อยให้มันต้มไปเรื่อยๆ โดยไม่มีคำอธิบายเลย
> >>>
> >>> ฝ่ายลูกสาวเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและหมดความอดทน
> >>> ทั้งยังสงสัยว่าพ่อกำลังทำอะไร
> >>> 20 นาทีผ่านไป เขาก็ปิดเตาแก๊ส
> >>>
> >>> ตักแครอทขึ้นมาวางไว้ในชาม นำไข่วางไว้ในชามอีกใบหนึ่ง
> >>> และตักกาแฟไว้ในชามสุดท้าย แล้วหันไปถามลูกว่า
> >>>
> >>>
> >>> ลูกเห็นอะไรบ้าง
> >>>
> >>> แครอท ไข่ กาแฟ เธอตอบ
> >>>
> >>>
> >>> เขาจึงขอร้องให้เธอสัมผัสแครอท เธอจึงรู้ว่ามันนิ่ม
> >>> แล้วเขาก็ให้ลูกสาวตอกไข่
> >>> เมื่อเธอแกะเปลือกไข่ออก
> >>> ก็พบว่าไข่นั้นได้ต้มจนสุกแล้ว
> >>> ท้ายที่สุดเธอให้ลูกสาวลองจิบกาแฟดู
> >>> เธอยิ้มและลิ้มรสอันหอมกรุ่นนั้น
> >>> แล้วค่อยๆ ถามว่า
> >>>
> >>> นี่หมายความว่าอย่างไรเหรอคะคุณพ่อ
> >>>
> >>> พ่ออธิบายว่า เราได้กระทำต่อ 3 สิ่งนี้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน นั่นคือ
> >>> น้ำเดือด
> >>> แต่ผลลัพธ์มันกลับแตกต่างกัน
> >>>
> >>> จากเดิมแครอทดูแข็งๆ และไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
> >>> พอผ่านการต้มมันกลับนิ่มและดูอ่อนปวกเปียก
> >>>
> >>> ไข่ซึ่งดูบอบบาง มีเพียงเปลือกบางๆ คอยห่อหุ้มของเหลวภายใน
> >>> แต่น้ำเดือดทำให้ของเหลวนั้นกลับแข็งขึ้น
> >>>
> >>> ขณะที่กาแฟกลับมีลักษณะเฉพาะตัวตลอดกาล เมื่อมาเจอน้ำเดือด
> >>> น้ำต่างหากที่แปรเปลี่ยนไป
> >>>
> >>> แล้วลูกล่ะเป็นอะไร พ่อถามลูกสาว เมื่อความทุกข์มาเยือน
> >>> ลูกจะเตรียมรับมืออย่างไรลูกเป็นแครอท ไข่ หรือ กาแฟ
> >>>
> >>> แล้วคุณล่ะ????
> >>>
> >>> แครอทนั้นดูแข็งโป๊กแต่เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยากนานาก็จะเฉา อ่อนแอ
> >>> และสูญเสียเรี่ยวแรงกำลังไป
> >>>
>>> หรือจะเป็นไข่ซึ่งดูสามารถปรับสภาพได้ในตอนแรกจิตใจอันอ่อนไหวของคุณจะเป็นอย่างไรหลังจากที่
ต้องเผชิญกับความเป็นความตาย
> >>> การแตกแยก การหย่าร้าง หรือการเลย์ออฟ หัวใจของคุณหยาบกร้าน
> >>> และแข็งกระด้างขึ้นหรือเปล่า
> >>>
> >>> แม้เปลือกภายนอกของคุณยังคงเดิม หากหัวใจและจิตวิญญาณของคุณเล่า
> >>> มันปวดร้าวและได้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง
> >>>
> >>> หรือคุณเหมือนเมล็ดกาแฟ เมื่อเจอน้ำเดือดอันนำมาซึ่งความเจ็บปวด
> >>> แต่ณ.อุณหภูมิสูงสุด 100 องศาเซลเซียส กาแฟกลับมีรสชาติดีขึ้นยามนั้น
> >>> หากคุณเป็นดั่งกาแฟ เมื่อถึงภาวะที่เลวร้ายที่สุด
> >>> นอกจากคุณจะสามารถจัดการชีวิตตนเองได้แล้ว
> >>> คุณยังสามารถทำสิ่งรอบข้างให้ดีขึ้นได้ด้วย



ถั่วในมือลิง

โพสต์ โดย ถั่วในมือลิง » อาทิตย์ ส.ค. 22, 2004 8:59 pm

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..

จิตของคนเรานั้น เหมือนกับลิง

เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง

ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด

มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด

จนกลายเป็นว่า กะปิ ถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่า ความเกลียดกะปิ

ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ

หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก

สิ่งที่เราเกลียดนั้น

บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา

ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไส

ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว

แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น

นอกจากความอยากผลักไสแล้ว

ความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน

กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที

ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน

เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง

โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้

ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ

วันดีคืนดี ลิงมาที่สวน

เห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว

แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง

เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้

ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออก

พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้

เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว

สุดท้ายก็ถูกคนจับได้

ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น

มันก็เอาตัวรอดได้

แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก

มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันอยากได้

จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น

เวลาประสบปัญหา

เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย

แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย

จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย..ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด

ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น

ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง

มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ

บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น

หากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว

ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่ง

ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ

ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน

หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย

ดั่งเจ้าลิงหวงถั่ว.



ล็อคหัวข้อ