โคลงสี่สุภาพ
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ทีวีไอ นี่นี้ มีพลัง
เว็บซึ่ง รวมขุนคลัง เก่งกล้า
สานฝัน แห่งความหวัง เป็นสื่อ วิชา
คุณค่า คลายแรงล้า สิ่งสร้าง แรงใจ
.................................................................
ลองแต่งดู..
เขียนยากมาก จะเขียนยังไงให้สื่อตรงใจ
และ เขียนยังไงที่ไม่ให้กลอนพาไป......
โค้ด: เลือกทั้งหมด
รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ
อ่านแล้ว โคลงนี่ ควรเขียนไว้เพื่อสอนใจ
จะเหมาะกว่าเขียน เพื่อเป็น โคลงจากใจ ..
กลับไปแต่งกลอนแปด เหมือนเดิมดีกว่า..
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_biggrin.gif)
แหมท่านนักดูดาวไม่ยักรู้ว่าชื่นชมการเขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ด้วย
ผมชอบอ่านสุนทรภู่นะ เคยอ่านพระอภัยมณีแต่ติดที่เนื้อเรื่องค่อนข้างประโลมโลกไปหน่อย
ที่ผมยังไร้ความสามารถอยู่ก็จะเป็นกาพย์ห่อโคลงครับ ยากสุดๆ เลย เขียนกาพย์เสร็จต้องมาเขียนโคลงสี่สุภาพแบบต่อเนื่องกันอีกต่างหาก ยากกว่าเขียนโคลงกระทู้อีกนะ
หมายเหตุ: ที่มา จากเวบ www.thaipoet.org
ผมชอบอ่านสุนทรภู่นะ เคยอ่านพระอภัยมณีแต่ติดที่เนื้อเรื่องค่อนข้างประโลมโลกไปหน่อย
ที่ผมยังไร้ความสามารถอยู่ก็จะเป็นกาพย์ห่อโคลงครับ ยากสุดๆ เลย เขียนกาพย์เสร็จต้องมาเขียนโคลงสี่สุภาพแบบต่อเนื่องกันอีกต่างหาก ยากกว่าเขียนโคลงกระทู้อีกนะ
จันทร์( กาพย์ยานี ๑๑ )
....งามพักตร์เพียงจันทร์เพ็ญ..........พักตร์ผ่องเด่นดั่งเดือนฉาย
จันทร์ผ่องส่องแสงพราย................ผ่องน้อยกว่าหน้านวลนาง
( โคลง ๔ สุภาพ )
งามพักตร์ ผุดผ่องเพี้ยง..........จันทร์เพ็ญ
พักตร์ผ่อง ดั่งเดือนเห็น.............ผ่องแผ้ว
จันทร์ผ่อง ส่องแสงเย็น.............พรายพร่าง
ผ่องบ่ ปานพักตร์แก้ว................ก่องหล้า เรือน
หมายเหตุ: ที่มา จากเวบ www.thaipoet.org
หมายเหตุ: ที่มา จากเวบ www.thaipoet.orgayethebing_nologin เขียน:แหมท่านนักดูดาวไม่ยักรู้ว่าชื่นชมการเขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ด้วย
ผมชอบอ่านสุนทรภู่นะ เคยอ่านพระอภัยมณีแต่ติดที่เนื้อเรื่องค่อนข้างประโลมโลกไปหน่อย
ที่ผมยังไร้ความสามารถอยู่ก็จะเป็นกาพย์ห่อโคลงครับ ยากสุดๆ เลย เขียนกาพย์เสร็จต้องมาเขียนโคลงสี่สุภาพแบบต่อเนื่องกันอีกต่างหาก ยากกว่าเขียนโคลงกระทู้อีกนะ
( กาพย์ยานี ๑๑ )
....งามพักตร์เพียงจันทร์เพ็ญ..........พักตร์ผ่องเด่นดั่งเดือนฉาย
จันทร์ผ่องส่องแสงพราย................ผ่องน้อยกว่าหน้านวลนาง
( โคลง ๔ สุภาพ )
งามพักตร์ ผุดผ่องเพี้ยง..........จันทร์เพ็ญ
พักตร์ผ่อง ดั่งเดือนเห็น.............ผ่องแผ้ว
จันทร์ผ่อง ส่องแสงเย็น.............พรายพร่าง
ผ่องบ่ ปานพักตร์แก้ว................ก่องหล้า เรือนจันทร์
เมนูไข่
เมนูไข่ จาก ฝากฝันกลอนกานท์
( รวมพระราชนิพนธ์ร้อยกรองในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี )
พ.ศ.2518
( รวมพระราชนิพนธ์ร้อยกรองในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี )
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ไข่เค็มไข่ลวกทั้ง ไข่หวาน
กับไข่ต้มสุกนาน เยี่ยวม้า
ไข่ตุ๋นรสเยี่ยมปาน รสทิพย์
ไข่ไก่โอ้เอี่ยมอ้า อร่อยแท้ อยากกิน
ยามสนธยา จาก ฝากฝันกลอนกานท์
( รวมพระราชนิพนธ์ร้อยกรองในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี )
13 ธันวาคม พ.ศ.2511
( รวมพระราชนิพนธ์ร้อยกรองในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี )
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เรไรหรีดหริ่งร้อง ร่ำดัง
แว่วแว่วเสียงระฆัง โบสถ์โพ้น
วิหคร่อนกลับรัง พักผ่อน กายนา
อาทิตย์ลับไศลโน้น แน่แล้วสนธยา
เรไรหรีดหริ่งร้อง ดังก้องพนาลัย
สุรีย์ลับไศล แน่แน่แล้วสนธยา
แว่วแว่วเสียงระฆัง เสียงแว่วดังแต่ไกลมา
วิหคโผผกคลา กลับรังนอนพักผ่อนกาย
ทิฆัมพรมืดมิด ดวงอาทิตย์ค่อยลับหาย
แสนสุดเศร้าเสียดาย มองพฤกษาดาดาษไป
พระพายชายพัดอ่อน ทิศอุดรหนาวจับใจ
เหลือบแลชมแขไข ลอยเปล่งปลั่งคัคนานต์
สงบวังเวงสุด ปราศนาฏนุชไม่พ้องพาน
ปราศจากสำเนียงขาน ดังดายเดียวเปลี่ยวกมล
น้ำค้างปรายโปรยซ้ำ เปรียบดังน้ำอัสสุชล
ยิ่งแลนภาดล ยิ่งเปล่าใจไร้ดารา
พฤกษาคราหลับนิ่ง แสนเพราพริ้งยามนิทรา
ยามนี้สุดโศกา เพราะไร้มิตรเชยชิดชม
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ถวิลถึงวันเก่าครั้ง สนทนา
แสนรื่นรมย์อุรา พร่ำเพ้อ
แสนขมขื่นจิตหนา ใจหม่น หมองมัว
คอยข่มใจไป่ชะเง้อ เฝ้าคอยติดตาม
เก็บมาฝากบ้าง จ้า
ฟ้ากว้างทางไกล ( จากซึ้ง ซมซาน )
![Surprised :o](./images/smilies/icon_surprised.gif)
ฟ้ากว้างทางไกล ( จากซึ้ง ซมซาน )
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ทุ่งนาฟ้ากว้างทางไกล
หัวใจใฝ่ฝันวันหวาน
ซึ้งค่าปรากฎบทกานต์
ดวงมานสานถ้อยร้อยกรอง
ดอกหญ้าท้าลมชมชื่น
วันคืนรื่นใจไร้หมอง
สัจจะรวีสีทอง
เหม่อมองท้องฟ้า อาวรณ์
ทางไกลใฝ่ถึงซึ้งจิต
ชีวิตคิดไว้ ไป่ถอน
ว้าเหว่ เอกา อาทร
ออดอ้อน วอนพร่ำ รำพัน
งดงาม ความรัก ศักดิ์ศรี
ไมตรีมีมากฝากฝัน
ไร้โศก โชคดี ชีวัน
มุ่งมั่น ขวัญเจ้า เข้าใจ
สายลมพรมพริ้มอิ่มจิต
มิ่งมิตรคิดปองผ่องใส
รัญจวนครวญหาอาลัย
ซึ้งในใยรักภักดี
ทุ่งนาฟ้ากว้างทางไกล
ห่วงใยในรักศักดิ์ศรี
สัจจะ เสน่ห์ เสรี
โลกนี้มีมอบตอบแทน
กล่าวกันว่าสุนทรภู่ถูกกล่าวหาว่าแต่งโคลงไม่เป็นดีแต่แต่งกลอน
(แต่อันที่จริงสุนทรภู่ก็แต่งโคลงไม่ไพเราะนัก)
มีโคลงที่สุนทรภู่แต่งเพียงเรื่องเดียวคือ นิราศสุพรรณ
ซึ่งนิราศนี้มีลีลาเป็นกลอนเพราะท่านใช้สัมผัสสระมากไป
อย่างไรก็ตามเมื่อท่านถูกกล่าวหาว่าแต่งโคลงไม่เป็นท่านก็โกรธ
และแต่งเป็นโคลงต่อว่าไว้ว่า
โคลงนี้มีใจความว่าอย่างไรบ้าง ก็ขอเชิญถอดความกันเอาเอง
เฉน็งไอ = ไฉนเอ็ง
วู่กา = ว่ากู
รูกับกาว = ราวกับกู
เมิงแต่ยา = มาแต่เยิง (เยิง = ป่า )
มู่ไร้ = ไม่รู้
ปิดเซ็น = เป็นศิษย์
จะมูซ่า = จะมาสู้
เคราทู่ = ครูเฒ่า
เฉะแต่จะตอบ = ชอบแต่จะเตะ
(แต่อันที่จริงสุนทรภู่ก็แต่งโคลงไม่ไพเราะนัก)
มีโคลงที่สุนทรภู่แต่งเพียงเรื่องเดียวคือ นิราศสุพรรณ
ซึ่งนิราศนี้มีลีลาเป็นกลอนเพราะท่านใช้สัมผัสสระมากไป
อย่างไรก็ตามเมื่อท่านถูกกล่าวหาว่าแต่งโคลงไม่เป็นท่านก็โกรธ
และแต่งเป็นโคลงต่อว่าไว้ว่า
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เฉน็งไอมาเวิ่งเว้า วู่กา
รูกับกาวเมิงแต่ยา มู่ไร้
ปิดเซ้นจะมูซ่า เคราทู่
เฉะแต่จะตอบให้ ชีพม้วย มังระณอ
เฉน็งไอ = ไฉนเอ็ง
วู่กา = ว่ากู
รูกับกาว = ราวกับกู
เมิงแต่ยา = มาแต่เยิง (เยิง = ป่า )
มู่ไร้ = ไม่รู้
ปิดเซ็น = เป็นศิษย์
จะมูซ่า = จะมาสู้
เคราทู่ = ครูเฒ่า
เฉะแต่จะตอบ = ชอบแต่จะเตะ
ม.จ.จันทร์จิรายุ รัชนี ทรงรวบรวมเล่าไว้ว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ และ สุนทรภู่ ได้ร่วมเล่นสักวากลอนสดที่ลงท้ายด้วยคำตาย ซึ่งหาคำมารับสัมผสยาก ปรากฎว่าต่างก็สามมารถต่อกลอนสักวากันได้อย่างรวดเร็วดังนี้
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ :
สักวาระเด่นมนตรี
จรลีเลยลงสรงในสระ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ :
เอาพระหัตถ์ขัดพระองค์ทรงชำระ
สุนทรภู่ :
แล้วเรียกพระอนุชามากระซิบ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ :
นั่นกอบัวมีดอกเพิ่งออกฝัก
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ :
จงไปหักเอาแต่ตัวฝักบัวดิบ
สุนทรภู่ :
โน่นอีกกอแลไปไกลลิบลิบ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ :
ให้ข้างในไปหยิบเอามาเอย
นับว่าสักวาบทนี้ แสดงปฏิภาณไหวพริบ และความสามารถแต่งกลอนที่ทัดเทียมกันได้อย่างชัดแจ้ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ :
สักวาระเด่นมนตรี
จรลีเลยลงสรงในสระ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ :
เอาพระหัตถ์ขัดพระองค์ทรงชำระ
สุนทรภู่ :
แล้วเรียกพระอนุชามากระซิบ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ :
นั่นกอบัวมีดอกเพิ่งออกฝัก
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ :
จงไปหักเอาแต่ตัวฝักบัวดิบ
สุนทรภู่ :
โน่นอีกกอแลไปไกลลิบลิบ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ :
ให้ข้างในไปหยิบเอามาเอย
นับว่าสักวาบทนี้ แสดงปฏิภาณไหวพริบ และความสามารถแต่งกลอนที่ทัดเทียมกันได้อย่างชัดแจ้ง
รางวัลแด่คนช่างฝัน ( จรัล มโนเพชร )
อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา
อย่าเปลื่ยนวาจา เมื่อเวลาแปรเปลื่ยนไป
ให้เธอหมายมั่นคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร
เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น ..
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง
กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ ให้ เธอ ..
บนทางเดินที่มีขวากหนาม
ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ
เพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน ..
จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าว ราน
จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน
คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้นิรันดร์
บนทางเดินที่มีขวากหนาม
ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอเพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน ..
จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน
จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน
คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้นิรันดร์
..............................................................
จำได้ว่าเคยอ่าน..ความหมายของเพลงนี้ ประมาณว่า..
เราเป็นหนึ่งในใครใคร ที่อยากเห็นสังคมที่เราอยู่
มีแต่ความแบ่งปันซึ่งกันและกัน
นั่นคือเราเชื่อว่าต้องมีใครใครที่คิดเห็นเหมือนกัน
ดังนั้น เพลงนี้จึงเกิดขึ้นแด่เรา
..คนช่างฝัน ...ที่ต้องดำเนินชีวิตอยู่บนโลกของความเป็นจริง...
.......................................................................
อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา
อย่าเปลื่ยนวาจา เมื่อเวลาแปรเปลื่ยนไป
ให้เธอหมายมั่นคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร
เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น ..
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง
กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ ให้ เธอ ..
บนทางเดินที่มีขวากหนาม
ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ
เพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน ..
จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าว ราน
จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน
คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้นิรันดร์
บนทางเดินที่มีขวากหนาม
ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอเพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน ..
จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน
จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน
คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้นิรันดร์
..............................................................
จำได้ว่าเคยอ่าน..ความหมายของเพลงนี้ ประมาณว่า..
เราเป็นหนึ่งในใครใคร ที่อยากเห็นสังคมที่เราอยู่
มีแต่ความแบ่งปันซึ่งกันและกัน
นั่นคือเราเชื่อว่าต้องมีใครใครที่คิดเห็นเหมือนกัน
ดังนั้น เพลงนี้จึงเกิดขึ้นแด่เรา
..คนช่างฝัน ...ที่ต้องดำเนินชีวิตอยู่บนโลกของความเป็นจริง...
.......................................................................
โค้ด: เลือกทั้งหมด
[b]สติมีมากเท่าไรยิ่งดี มีแต่คุณไม่มีโทษ[/b]
ศรัทธา มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นงมงาย
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดศรัทธา กลายเป็นทิฐิมานะ
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นโมหะ
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นฟุ้งซ่าน
วิริยะ มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นเหน็ดเหนื่อย
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดวิริยะ กลายเป็นเกียจคร้าน
.....อันนี้ไม่ใช่โคลง/กลอนค่ะ
รบกวนช่วยแต่งเป็นโคลงหรือกลอน ด้วยก็ดีค่ะ
คืนวิสาข์
รออ่านอยู่ค่ะ....ayethebing เขียน:กำลังแต่งอยู่ครับ เดี๋ยวเอามาลงให้ดู
.......................................................................
คืนวิสาข์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เพ็ญเดือนสิบห้าค่ำ คืนวิสาข์
ห้วงแห่งเนรัญชรา ใหญ่กว้าง
แท่นกุศะนามา ติณชาติ
โพธิ์พฤกษ์แหล่งสมสร้าง สืบถ้วนบารมี
สิบทัศพลันเปี่ยมล้น พุทธธรรม
ลุอนุตรสัม- โพธิพร้อง
โปรดหมู่สัตว์น้อมนำ เนื่องสวัสดิ์
ไปเกลือกกลั้วเสพส้อง กิเลสสิ้นบ่วงมาร
จาก ฝากฝันกลอนกานท์
( รวมพระราชนิพนธ์ร้อยกรองในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี )
กำลังอ่านอยู่ค่ะ คงแต่งไม่ได้อย่างคุณน่ะayethebing เขียน:เขียนดูแล้วคับแต่ไม่ค่อยเพราะเอาเสียเลย เต็ม 10 ผมให้คะแนนตัวเองแค่ 4 ครับ![]()
เพียงแค่คุณอ่านก็ยินดีแล้วค่ะ
แล้วนี่คุณก็ เขียนได้ แสดงว่าคุณก็ต้องเข้าใจเนื้อความใช่ไหมคะ
...............................................................................
อหังการของดอกไม้
สตรีมีมองมือ
มั่นยึดถือในแก่นสาน
เกลียวเอ็นจักเป็นงาน
มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ
สตรีมีสองตีน
ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน
ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน
มิหมายมั่นกินแรงใคร
สตรีมีดวงตา
เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่
มองโลกอย่างกว้างไกล
มิใช่คอยชม้อยชวน
สตรีมีดวงใจ
เป็นดวงไฟไม่ผันผวน
สร้างสมพลังมวล
ด้วยเธอล้วนก็คือคน
สตรีมีชีวิต
ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล
คุณค่าเสรีชน
มิใช่ปรนกามารมณ์
ดอกไม้มีหนามแหลม
มิใช่แย้มคอยคนชม
บานไว้เพื่อสะสม
ความอุดมแห่งผืนดิน !
ประชาธิปไตย
๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๖
จากหนังสือใบไม้ที่หายไป
จิระนันท์ พิตรปรีชา
โค้ด: เลือกทั้งหมด
รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำ ลึกเหลือ
So little yet so much one knows,
Like a frog which grows in a puddle,
knowing not oceans so ever vast,
becomes befuddled by its small world.
คัดจากหนังสือ Interpretative Translations of Thai Poets
โดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชย์ ค.ศ.1965
http://www.banfun.com/poet/thaipoets01.html
บางกอกแก้วกำสรวล
อังคาร กัลยาณพงศ์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ดาวพรายรุ้งรุ่งแพร้ว นภากาศ
งามกว่ารุ้งรัตนชาติ ทั่วหล้า
เพชรพลอยแห่งโลกธาตุ เสมอทาส
งามเช่นกาพย์กลอนฟ้า เฟื่องฟุ้งวรรณศิลป์ฯ
ติณชาติชูช่ออ้อน แสงดาว
แววหิ่งห้อยวับวาว ป่าพร้อย
เย็นฟ้าสั่นขวัญหนาว หนักนัก
อบอุ่นสักกิ่งก้อย เปล่าเก้อละเมอหายฯ
ชะเลหลวงนั้นชื่อห้วง เสน่หา
ทำมิ่งขวัญชีวา จ่อมไว้
วนวังแห่งน้ำตา วนว่าย
ตายเปล่าเขลาโศกไซร้ หม่นไหม้เสมอผีฯ
ดึกดื่นคืนนี้สงบแล้ว ชะเลหลับ
ซู่ซ่าน้ำละเมอวับ พร่างพร้อย
ดาริการ่วงฟ้าดับ วาววูบ หายแฮ
หายดั่งอกเศร้าสร้อย เปล่าสิ้นสูญสลายฯ
ชะเลเอ๋ยดึกดื่นนี้ บุหลันหนาว
เมฆกลุ่มสกาว ปุยขาวรอบข้าง
มาหุ้มห่อเดือนราว ผ้าห่ม
ขอแบ่งเมฆห่มบ้าง ช่างอ้างว้างแสนฯ
สิ้นดินแดนแผ่นฟ้า มหาสมุทร
ขอเปล่าใจไปสุด ชั่วหล้า
เข็ดหลาบต่อหมู่มนุษย์ เหนื่อยหน่าย
หนีห่างหายซ่อนหน้า ป่าช้าเดือนดาวฯ
น้ำค้างพรายพร่างฟ้า เหมันต์
หมอกดื่นดึกอารรพณ์ สั่นเศร้า
หวานวิหคแห่งเกาะฝัน ครวญขลุ่ย
เพลงคลื่นครืนสงบเร้า จิ่มเช้าวิสุทธิ์ศรีฯ
อังคาร กัลยาณพงศ์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เกิดมาตัวเปล่าแท้ แค่ไหน
ตายก็ตัวเปล่าไป แค่นั้น
คนดีจะมีอะไร เหลืออยู่
ชีวิตนั้นแสนสั้น ชื่อนั้น แสนยาว ฯ
นายโต๊ะ ณ ท่าช้าง
พุทธารมณ์
อังคาร กัลยาณพงศ์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
น่านุ่งลมห่มฟ้า มหาสมุทร
ครู่หนึ่งร้อยปีมนุษย์ เปล่าไร้
โลงคือสิ่งช่วยวิมุติ แม่นมั่น ขวัญเอย
โลกวุ่นสวรรค์ทิ้งไว้ ป่าช้าจักรวาลฯ
เอาฟ้าดินต่างบ้าน ชานเรือน
ดาวร่วงรุ้งแสงเดือน ต่างไต้
หมอกเมฆร่วงเหมยเหมือน ผ้าห่ม
หุ้มห่อปัญญาไว้ กล่อมฟ้านิทราขวัญฯ
สมบัติบ้าทั่วฟ้า สกลโลก
ทิ้งปล่อยโอยทานโชค ป่าช้า
วิญญาณสั่งซากโศก สุสานซ่อน ลับแล
ลืมตื่นเกิดชาติหน้า หน่ายสิ้นสังหารฯ
ช้าก่อนสูรย์ส่องฟ้า นาฬิกา
ทองบ่ใช่เวลา เพ่งหล้า
ทาสมนุษย์อย่าเป็นสา- รพัดถ่อย นิ่งเทอญ
ถึงแก่นสัจจธรรมกล้า แจ่มจ้าวิจารณญาณฯ
ให้อิทธิบาทแก่กล้า กายสิทธิ์
ใจเปล่งปลั่งบุญญฤทธิ์ ร่วงรุ้ง
พุทธธรรมแจ่มดวงจิตร ใสสว่าง
วางจักรวาลใต้อุ้ง ฝ่าเท้าสุญญตาฯ
พุทธารมณ์ชั่วช้าง สะบัดหู
งูแลบลิ้นตรองดู ค่าล้ำ
ทำบุญเบ่งอดสู ผยองหยิ่ง
อวดข่มผู้อื่นช้ำ เน่าซ้ำวิญญาณ
อังคาร กัลยาณพงศ์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เรียมให้ชลเนตร ถึงพรหม
พาหมู่สัตว์จ่อมจม ชีพม้วย
พระสุเมรุเปื่อยเป็นตม ทบท่าว ลงนา
หากอัคษนิฐมหาพรหมฉ้วย ชีพไว้จึ่งคง
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เหลว ๆ ลองเหล้นค่อ ควรบอก เหลวแล
แถลงท่อยสัมผัสนอก ฮ่ามหว้า
เอกโทท่าจะตรอก คำฮ่า คิดเฮย
ขายน่าเขาฮาห้า ใฮ่เหล้นเห็นเหลว ฯ
อุกทกไพรไหลเค่าถ้วม ถึงธา นีเอย
ไหลคื่นเขตเคหา ฮ่องถั้ว
พันธุ์ผักค่าวในนา ตายซิ่น สูญแฮ
นึกเซ่าเนานาฉั้ว ญ่าเหน้าเฉาโฉม ฯ
นายโต๊ะ ณ ท่าช้าง
( บทกวีล้อเลียนการใช้ เอก-โท ตามบังคับของโคลงสี่สุภาพ )
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เวลาลอยผ่านเพี้ยง ลมพา
เลื่อนร่อนห่อนรู้ ลา ล่วงแล้ว
ไยใจไป่ร้างรา บางสิ่ง วันวาน
ห่างฝั่งฝันเพริดแพร้ว ต่างนั้น คือจริง
๏ ๏เห่ชมผลไม้ ๏ ๏
๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้....................... เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน.................. อกชู้
รื่นรื่นรสรมย์ใด......................... ฤๅดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้....................... แต่เนื้อนงพาลฯ
๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ......................หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน................หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง...........รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย...................หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว................. บอกความแล้วจากจำเป็น
จากช้ำน้ำตากระเด็น.................. เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว..........ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง...................... ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง.......... อีกอกร่องรสโอชา
คิดความยามนิทรา..................... อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น..................... เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน................... ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด................. ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน................... ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก................ ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน....................... เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้....................... เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน.................. อกชู้
รื่นรื่นรสรมย์ใด......................... ฤๅดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้....................... แต่เนื้อนงพาลฯ
๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ......................หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน................หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง...........รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย...................หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว................. บอกความแล้วจากจำเป็น
จากช้ำน้ำตากระเด็น.................. เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว..........ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง...................... ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง.......... อีกอกร่องรสโอชา
คิดความยามนิทรา..................... อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น..................... เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน................... ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด................. ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน................... ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก................ ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน....................... เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
เห่ชมเครื่องหวาน
๏ สังขยาหน้าไข่คุ้น เคยมี
แกมกับข้าวเหนียวสี โศกย้อม
เป็นนัยนำวาที สมรแม่ มาแม่
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม เพียบแอ้อกอรฯ
๏ สังขยาหน้าตั้งไข่ ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
๏ ลำเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม
๏ มัศกอดกอดอย่างไร น่าสงสัยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
๏ ลุดตี่นี้น่าชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
๏ ขนมจีบเจ้าจีบห่อ งามสมส่อประพิมพ์ประพาย
นึกน้องนุ่งจีบกราย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
๏ รสรักยักลำนำ ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
๏ ทองหยิบทิพย์เทียมทัด สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
๏ ขนมผิงผิงผ่าวร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
๏ รังไรโรงด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้วทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
๏ ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง แต่ลำพังสองต่อสอง
๏ งามจริงจ่ามงกุฏ ใส่ชื่อดุจมงกุฏทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง สะอิ้งน้องนั้นเคยยล
๏ บัวลอยเล่ห์บัวงาม คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
๏ ช่อม่วงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม
คิดสีสไลคลุม หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน
๏ ฝอยทองเป็นยองใย เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีนฯ