ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
ผมก็เป็นเหมือนคุณ FITCH นั่นละกัน คิดว่าถือหุ้นพื้นฐานดีแล้ว ขึ้นเอาๆ แต่พอเห็นมันลงแล้ว ลงอีก เอ.. เอางัยดีหว่า กว่าจะตัดใจได้ เฮ้อ... กำไรนิดหน่อยก็ยังดี แต่ตอนนี้เห็นขึ้นเอาๆ จะซื้อ ก็ซื้อไม่ลง สุดท้าย...
ขึ้นไปจนไม่กล้าซื้อ 555 มันยากจริงๆ ที่ต้องตัดสินใจจะซื้อหรือขาย
แต่ก็สนุก มันส์ มีลุ้น มีตื่นเต้น และก็มีตกใจ ช็อค ทำไม ทำไม ทำไม ถึงเป็นไปได้
ขึ้นไปจนไม่กล้าซื้อ 555 มันยากจริงๆ ที่ต้องตัดสินใจจะซื้อหรือขาย
แต่ก็สนุก มันส์ มีลุ้น มีตื่นเต้น และก็มีตกใจ ช็อค ทำไม ทำไม ทำไม ถึงเป็นไปได้
เหตุผลที่ผมไม่เล่นเก็งกำไร
1.ผมมีความเชื่ออย่างปราศจากอคติว่า
คงมีรายย่อยส่วนน้อยมากๆ ที่ในระยะยาวๆๆ แล้ว
เก็งกำไรแล้วได้ผลตอบแทนที่ ชนะ ตลาดได้
ยกเว้น คุณเป็นเจ้าของหุ้น หรือ ได้ข่าว insider
2.คุณไม่มีทางที่จะ
ซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด
และขายได้แพงที่สุด
เรื่องของTiming ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ยกเว้น คุณจะมีเครื่อง Time Machine
3.สำคัญที่สุด สุขสภาพจิต อารมณ์ ที่เกิดจากการเก็งกำไร
ติดหุ้นแล้ว กินข้าวไม่อร่อย นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย
ผมก็ไม่รู้ว่าคุ้มกันหรือปล่าว
ผมยังจำกระทู้ที่พี่ mon money เล่าเรื่องการลงทุนของพี่ว่า
เราลงทุนโดยที่ไม่เสียการเสียงานที่มีทำประจำอยู่
ตกเย็นก็ไปรับลูกจากโรงเรียน ได้มีเวลาเล่นกับลูก
ที่สำคัญ คือ จะเก็บหุ้นที่จะถือยาว ไว้เป็นมรดกให้ลูกๆ ต่อไป
1.ผมมีความเชื่ออย่างปราศจากอคติว่า
คงมีรายย่อยส่วนน้อยมากๆ ที่ในระยะยาวๆๆ แล้ว
เก็งกำไรแล้วได้ผลตอบแทนที่ ชนะ ตลาดได้
ยกเว้น คุณเป็นเจ้าของหุ้น หรือ ได้ข่าว insider
2.คุณไม่มีทางที่จะ
ซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด
และขายได้แพงที่สุด
เรื่องของTiming ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ยกเว้น คุณจะมีเครื่อง Time Machine
3.สำคัญที่สุด สุขสภาพจิต อารมณ์ ที่เกิดจากการเก็งกำไร
ติดหุ้นแล้ว กินข้าวไม่อร่อย นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย
ผมก็ไม่รู้ว่าคุ้มกันหรือปล่าว
ผมยังจำกระทู้ที่พี่ mon money เล่าเรื่องการลงทุนของพี่ว่า
เราลงทุนโดยที่ไม่เสียการเสียงานที่มีทำประจำอยู่
ตกเย็นก็ไปรับลูกจากโรงเรียน ได้มีเวลาเล่นกับลูก
ที่สำคัญ คือ จะเก็บหุ้นที่จะถือยาว ไว้เป็นมรดกให้ลูกๆ ต่อไป
ตอนนี้พอตอบได้ครับ
เพราะถือว่าเป็นความเห็นเราเอง ถูกไม่ถูกไม่รู้แต่เชื่อมั่นว่าน่าจะพอใช้ได้
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ระยะเวลาจะเป็นตัวตัดสินเราเอง
ผมเองไม่ใช่ vi แท้ครับ และก็ไม่ได้คิดอยากจะเป็นด้วย
แต่ผมเองก็ไม่ชอบวิธีการที่ดูแต่เฉพาะเรื่องราคาเช่นเดียวกัน
ผมมีหลักการที่เป็นหัวใจอยู่ข้อหนึ่งครับ (เป็นอะไรเดี๋ยวจะเฉลยตอนท้าย)
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องสำคัญคือ จะทำอะไรต้องมีทฤษฏีแล้วต้องยึดหลักนั้นให้มั่นคง
หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีเหตุผลหนักแน่น เปลี่ยนเพราะอะไรแล้วจะมี
ผลกระทบอย่างไร
ผมมองว่า vi หรือ vs เป็นแนวทางที่รวมเอาเทคนิคแบบต่างๆครับ
ซึ่ง vi ก็จะมีเทคนิคที่มีแนวทางไปทางเดียวกัน vs ก็เป็นเทคนิคที่ไปอีกแนว
อย่าง vi อาจจะเน้นข้อมูลการเงิน พื้นฐานกิจการ, vs อาจจะเน้นกราฟ เน้นแนว
โน้มราคา
ส่วนตัวผมก็จะใช้เทคนิคหลายอย่างผสมกัน ตามที่ศึกษามาจากหลายสำนัก
แต่สุดท้ายก็ต้องมาประเมินผลทุกครั้งว่า วิธีการที่ทำอยู่ มีประสิทธิภาพแค่ไหน
อย่างไร มีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
ถ้าใครเคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวจะทราบครับ
โอเค มีหลักการอยู่อันนึง มวยอ่อน หลักการแบบนี้ มวยแข็งหลักการแบบนั้น
แต่เทคนิคย่อย ก็สำคัญ
เขาต่อยมา รับแบบไหน หลบแบบไหน โต้ตอบอย่างไร
เขาล็อค ทำอย่างไร
เขาเตะ ทำอย่างไร
มีแม้กระทั่ง ท่าล็อค ที่แตกต่างกัน จับยึดกุมแบบนั้นแบบนี้ ทำอย่างไร
ผมก็คิดว่าไม่แตกต่างกันครับ เทคนิคย่อย หุ้นแบบนี้แบบนั้น
สถานการณ์แบบนั้นแบบนี้ จะใช้เทคนิคอย่างไร
วิเคราะห์อย่างไร ปฏิบัติการอย่างไร
(แหมพูดไปโน่นนะครับ)
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องหยินหยาง เรื่องเทคนิคย่อย
จะจับมาเป็นสไตล์ของตัวเราอย่างไร
และเราพอใจไหมกับสไตล์ของเราแบบนี้
ถ้าไม่พอใจจะแก้ไขอย่างไร.
====================
ตอบคุณ คัดท้าย เห็นพูดถึงโลโก้ที่ผมใช้อยู่ว่าน่ารักดี
ผมก็ว่างั้นน่ะครับ เตือนให้นึกถึงหลักการที่ใช้อยู่น่ะครับ
จะเอาภาพแร้งจริงๆ ก็ดูโหดไปหน่อย เลยออกมาน่ารักแบบนี้ครับ :lol:
เพราะถือว่าเป็นความเห็นเราเอง ถูกไม่ถูกไม่รู้แต่เชื่อมั่นว่าน่าจะพอใช้ได้
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ระยะเวลาจะเป็นตัวตัดสินเราเอง
ผมเองไม่ใช่ vi แท้ครับ และก็ไม่ได้คิดอยากจะเป็นด้วย
แต่ผมเองก็ไม่ชอบวิธีการที่ดูแต่เฉพาะเรื่องราคาเช่นเดียวกัน
ผมมีหลักการที่เป็นหัวใจอยู่ข้อหนึ่งครับ (เป็นอะไรเดี๋ยวจะเฉลยตอนท้าย)
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องสำคัญคือ จะทำอะไรต้องมีทฤษฏีแล้วต้องยึดหลักนั้นให้มั่นคง
หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีเหตุผลหนักแน่น เปลี่ยนเพราะอะไรแล้วจะมี
ผลกระทบอย่างไร
ผมมองว่า vi หรือ vs เป็นแนวทางที่รวมเอาเทคนิคแบบต่างๆครับ
ซึ่ง vi ก็จะมีเทคนิคที่มีแนวทางไปทางเดียวกัน vs ก็เป็นเทคนิคที่ไปอีกแนว
อย่าง vi อาจจะเน้นข้อมูลการเงิน พื้นฐานกิจการ, vs อาจจะเน้นกราฟ เน้นแนว
โน้มราคา
ส่วนตัวผมก็จะใช้เทคนิคหลายอย่างผสมกัน ตามที่ศึกษามาจากหลายสำนัก
แต่สุดท้ายก็ต้องมาประเมินผลทุกครั้งว่า วิธีการที่ทำอยู่ มีประสิทธิภาพแค่ไหน
อย่างไร มีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
ถ้าใครเคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวจะทราบครับ
โอเค มีหลักการอยู่อันนึง มวยอ่อน หลักการแบบนี้ มวยแข็งหลักการแบบนั้น
แต่เทคนิคย่อย ก็สำคัญ
เขาต่อยมา รับแบบไหน หลบแบบไหน โต้ตอบอย่างไร
เขาล็อค ทำอย่างไร
เขาเตะ ทำอย่างไร
มีแม้กระทั่ง ท่าล็อค ที่แตกต่างกัน จับยึดกุมแบบนั้นแบบนี้ ทำอย่างไร
ผมก็คิดว่าไม่แตกต่างกันครับ เทคนิคย่อย หุ้นแบบนี้แบบนั้น
สถานการณ์แบบนั้นแบบนี้ จะใช้เทคนิคอย่างไร
วิเคราะห์อย่างไร ปฏิบัติการอย่างไร
(แหมพูดไปโน่นนะครับ)
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องหยินหยาง เรื่องเทคนิคย่อย
จะจับมาเป็นสไตล์ของตัวเราอย่างไร
และเราพอใจไหมกับสไตล์ของเราแบบนี้
ถ้าไม่พอใจจะแก้ไขอย่างไร.
====================
ตอบคุณ คัดท้าย เห็นพูดถึงโลโก้ที่ผมใช้อยู่ว่าน่ารักดี
ผมก็ว่างั้นน่ะครับ เตือนให้นึกถึงหลักการที่ใช้อยู่น่ะครับ
จะเอาภาพแร้งจริงๆ ก็ดูโหดไปหน่อย เลยออกมาน่ารักแบบนี้ครับ :lol:
ขอชมกระทู้นี้ครับ ความคิดเห็นมีคุณค่าจริงๆ
ผมนับถือคุณคัดท้ายจริงๆครับที่กระเทาะโจทย์ที่ไม่มีคำตอบได้ถึงแก่น และนำเสนอสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง
ผมว่ามันยากจริงๆนะในการเป็น VI แต่ยากยิ่งกว่าในการบอกว่า ใครเป็น VI ใครเป็น VS เพราะเราไม่สามารถรู้ว่าใครซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนและเมื่อไหร่จริงๆ
นอกจากเจ้าตัวของเขาเองที่รู้
ในเมื่อทุกคนก็เก็งกำไรด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่วิธีการและความถนัดมันไม่เหมือนกัน
ยกเว้นคนที่ถือหุ้นแบบเจ้าของกิจการจริงๆ
ผมนับถือคุณคัดท้ายจริงๆครับที่กระเทาะโจทย์ที่ไม่มีคำตอบได้ถึงแก่น และนำเสนอสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง
ผมว่ามันยากจริงๆนะในการเป็น VI แต่ยากยิ่งกว่าในการบอกว่า ใครเป็น VI ใครเป็น VS เพราะเราไม่สามารถรู้ว่าใครซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนและเมื่อไหร่จริงๆ
นอกจากเจ้าตัวของเขาเองที่รู้
ในเมื่อทุกคนก็เก็งกำไรด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่วิธีการและความถนัดมันไม่เหมือนกัน
ยกเว้นคนที่ถือหุ้นแบบเจ้าของกิจการจริงๆ