ROE และ ROA

กระทู้คุณค่า มีประโยชน์ ความรู้ดีดี เป็นประโยชน์เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แค่ไหนก็ตาม
Graph_

โพสต์ โดย Graph_ » พุธ ก.ย. 24, 2003 4:50 pm

ชอบกระทู้นี้จังครับ อบอุ่นดี



_THiNK_

โพสต์ โดย _THiNK_ » พุธ ก.ย. 24, 2003 6:02 pm

ประจวบ เขียน:แต่ละคนต้อง "ขีดวง " การลงทุนของตัวเองตามความรู้ที่มี
ว๊า! วงผมก็เล็กนิดเดียวสิครับ อิ อิ :?

แต่เห็นด้วยครับ ... รู้น้อยคงต้องลงทุนน้อย ค่อยๆสะสมประสพการณ์
อย่างพี่ประจวบว่า ทำๆตามเขาไปก่อนอีกยี่สิบปี
เมื่อเข้าใจเหตุผลค่อยทำการใหญ่

แต่เอ๋... ผมจะหมดไฟก่อนหรือเปล่าน่ะเนี่ย :oops:



ประจวบ

โพสต์ โดย ประจวบ » พุธ ก.ย. 24, 2003 9:14 pm

ไปกันใหญ่แล้วครับ
ความจริงที่ผมpost ไว้นั่นไม่ใช่ไม่ชอบการหาความรู้นะครับ
คุณฉัตรชัย คุณวิบูลย์007 คุณmon money น้องยีน คุณเจ๋ง และอีกหลายท่าน
ผมถือว่าเป็น "กัลยาณมิตร "ของผมและพวกเราชาวvi ทุกคน
ได้เรียน ได้ปรึกษา และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ทุกท่านผ่านมา
โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง
นับเป็นความใจกว้างและไม่หวงวิชา ซึ่งผมขอคารวะด้วยใจจริงครับ
แต่ผมมาจากคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการลงทุน
เริ่มลงทุนและเก็บสะสมความรู้มาเรื่อยๆ เริ่มจาก"ตีแตก"เมื่อต้นปี45
อ่านมาเรื่อยๆๆๆๆ ลองผิดทำใหม่ ซ้ำๆๆๆเพื่อให้เป็นviพันธ์แท้
modelการลงทุนแบบvi มีหลายmodel มาก จากง่ายไปจนถึงแบบยาก
แต่สรุปลงแล้วก็มีอยู่แบบเดียวที่ผมคิดว่า "ง่าย"
เหมาะสำหรับviพันธ์แท้ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการเงินหรือต้องใช้การคำนวณมากนัก
คือแนวของอจ.นิเวศน์ หรือที่ผมแอบเรียกว่า niwettology
ซึ่งใช้การวิเคราะห์ส่วนใหญ่ลงไปในการวิเคราะห์ทางคุณภาพระยะยาว
และใช้parameter ไม่กี่ตัวในการวิเคราะห์
คล้ายๆกับ ที่บู๊ลิ้มเค้าว่า "สูงสุด คืนสู่สามัญ"
ชักเขียนยาวเกินไป ขอพักก่อนครับ



ลูกศิษย์

โพสต์ โดย ลูกศิษย์ » จันทร์ ก.ย. 29, 2003 4:21 pm

ทดสอบ



ลูกศิษย์

โพสต์ โดย ลูกศิษย์ » จันทร์ ก.ย. 29, 2003 4:29 pm

ผมมีข้อสังเกตดังนี้
:lol:
1. ROA ที่คิดออกมาผมว่ามันแปลกๆนะครับ มันเป็นตัวเลขจริงหรือหลอก
คุณ Chatchai ลองให้ที่มาหน่อยสิครับ
2. ในกรณีอย่างนี้ ถามว่าจะรอจน ROA สูงๆก่อนถึง 5 ปีแล้วค่อยลงทุนหรือนั้น ผมว่าปีแรกๆ ใครจะไปรู้ว่ากิจการมันจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญนั้นๆ
3. ลองดูกระแสเงินสดสิครับ มีแต่สารวันเตี้ยลง ไม grownth เลย
4. ผมดูแล้วเป็นโจทย์ลวง
5. ถ้าผมเจอโจทย์แบบนี้ตอนเรียนแล้ว ผมจะวิเคราะห์โจทย์แล้วตอบคนออกไปแต่จะไม่ตอบคำถามครับ



ลูกศิษย์

โพสต์ โดย ลูกศิษย์ » จันทร์ ก.ย. 29, 2003 5:23 pm

นักเลงเรียกลองของ
นักวิชาการเรียกลองภูมิ



ประจวบ

โพสต์ โดย ประจวบ » อังคาร ก.ย. 30, 2003 2:54 pm

ผมชอบกินยำมาก .......อร่อยครับ
ช่วงนี้กินเจ กินมาซัก4-5ปีแล้วครับ
ถือศีล เลยไม่ค่อยได้post ครับแต่เข้ามาอ่านทุกวัน
และอีกอย่างคือนั่งลุยอ่าน"value investing made easy"ที่มนส่งมาให้
ว่างเป็นอ่าน เกือบจบแล้วครับ
จบแล้วคงจะpost อะไรดีๆมาฝากเพื่อนๆอีกที



ประจวบ

โพสต์ โดย ประจวบ » อังคาร ก.ย. 30, 2003 3:39 pm

ผมไม่ได้โกรธคุณวิบูลย์หรือคุณฉัตรชัยหรือ คุณมนเลยนะครับ
แต่เนื่องจากผมมาจากคนที่"ไม่รู้อะไรเลย"ก่อนมาลงทุน
จึงอยากให้พวกเราให้ความรู้ที่"ง่าย"ต่อการเริ่มสำหรับ"มือใหม่"
เพราะสังเกตุจากงานtvi #2 มีมือใหม่ไม่ต่ำกว่า80%
แล้วก็กลางเก่ากลางใหม่อีกเพียบ

ที่คุณวิบูลย์post ไว้ในหัวข้อ"ตระแกรงร่อน"นั้น
ถูกใจมากครับ
อยากเสริมอีกหน่อยคือ ตามหลักของ"niwettology"
การจะเลือหุ้นนั้นมี3ข้อ
1.ซื้อหุ้นพื้นฐานดีสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว หนี้น้อยอย่างมาก เป็นผู้นำกลุ่ม(เบอร์1-2) อยู่มานานๆๆๆๆๆจนติดปากลูกค้า เป็นธุรกิจที่ไม่เปลี่ยนแปลงในตัวสินค้าหรือบริการมากนัก(ทำให้คาดเดาอนาคตได้ง่าย)
2.ราคาถูก ดูจากp/eน้อยกว่า10-15 p/bน้อยกว่า2
3.มีปันผล อย่างสม่ำเสมอในระยะเวลาหลายปีๆๆๆๆๆๆแม้ในยามวิกฤต อย่างน้อย3-5%
ไม่ลงทุนหุ้นไฮเทคหรือโภคภัณฑ์
ถือยาวๆๆๆๆๆอย่างน้อย3-5ปี
ดูๆมันง่ายมั้ยครับที่จะหาหุ้นแบบนี้ แต่ต้องมีครบทุกข้อนะครับ
อาจจะมีกลยุทธข้อ3.ที่มีหลายคนว่า ถ้ากำไรดี ไม่น่าปันผล
แต่ข้อนี้จะช่วยบอกให้เราทราบว่าบริษัทมีกระแสเงินสดที่ดี สามารถปันผลได้อย่างต่อเนื่อง
และไม่มีภาระต้องลงทุนเพิ่มเติมอะไรมากนักและช่วยให้พวก"ซื้อแล้วอม" อมหุ้นไว้ได้นานๆๆๆ
ไม่ต้องรีบขาย



ประจวบ

โพสต์ โดย ประจวบ » อังคาร ก.ย. 30, 2003 9:15 pm

ผมอ่านในform 51-2แล้วไม่รู้จริงๆครับว่า
เค้ากำไรจากการซื้อ+ขายผลิตภัณฑ์เคมีเป็นหลัก ไม่ได้ผลิตเอง
แล้วทำไมลูกค้าของเค้าไม่สั่งเข้ามาเองจะได้ตัดคนกลางไปซะเลย
ไม่รู้เลยไม่ได้ซื้อเลยครับ
แค่ที่ผมมีนี่ก็บริหารไม่ไหวแล้วครับ(มีเกือบ20ตัว)
ผมตกข้อสำคัญที่สุดไปข้อนึงในการวิเคราะห์แบบniwettologyคือ
กำไรครับ บริษัทที่พื้นฐานดีต้องมีกำไรที่สม่ำเสมอในอดีตนานหลายๆๆๆๆๆปี
และน่าจะทำได้ต่อไปในอนาคต
ข้อนี้สำคัญที่สุดครับเพราะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนทุกท่าน



ประจวบ

โพสต์ โดย ประจวบ » อังคาร ก.ย. 30, 2003 9:52 pm

ส่วนใหญ่ที่ผมดูจะดูย้อนหลังไปประมาณ5ปีตามset
ไม่ได้ดูแบรนด์เพียงอย่างเดียวครับอย่างที่คุณฉัตรชัยว่า
เพราะเอาจริงๆแล้ว แบรนด์แข็งขนาดโค๊ก หรือ ยิลเลตคงหาไม่ได้
คงดูตรงที่มี"คูเมือง"ทำให้สามารถแข่งขันได้ ไม่ตกรุ่นง่ายๆ
มีประวัติตั้งอยู่มานานๆๆๆๆๆแม้จะไม่ได้เข้ามาในตลาดตั้งแต่แรกๆ
แม้จะ"ดูดี"ยังไงก็ตามถ้าไม่มี ประวัติให้ดูยาวๆๆๆๆ ก็ไม่เอาครับ
และที่มีน้องคนนึงถามเรื่องผู้บริหาร
buffett เค้าเคยบอกว่าให้ลองหาannual report ย้อนหลังมาดูเทียบ
ว่าเค้าสัญญาว่าจะทำอะไร แล้วปีต่อๆมาทำตามนั้นหรือเปล่า
สำหรับตัวผมเองจะดูว่าผู้บริหารลงมา"เล่น"หุ้นตัวเองหรือเปล่า
ต.ย. paf ตอนนี้ผู้บริหารเทเอาเทเอา ทีละเป็นแสนหุ้น
อย่างนี้ผมไม่เล่นด้วยแม้ว่าจะดีอย่างไรก็ตาม
ตัวอย่างที่ดีก็เครือสหพัฒน์ครับ(ยกเว้น paf)
ไม่เคยเห็นเค้าลงมา"เล่น"หุ้นตัวเองเลย



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » ศุกร์ ก.พ. 06, 2004 12:09 am

ขออนุญาติ เป็นคนนอกนิดนึง จากโจทย์ผมว่าอย่าไปคิดให้มันปวดหัวผมนั่งอ่านอยู่หลายรอบ ผมคิดว่าทุกอย่างมันไม่ยากหรือง่ายจนเกินไป เข้าใจเจตนาคนตั้งกระทู้ แต่เวลาเลือกหุ้นคงไม่มีดูพารามิเตอร์ตัวเดียวแน่นอน ถ้าเป็นหุ้นจริง เราไม่ดูROA อยู่แล้ว ก้อเห็นๆอยู่ว่าสินทรัพย์มันหดตัว ใครๆก้อต้องสะกิดใจ ว่าบริษัทนี้มันแปลกๆ ต้องมีอะไร
ปัญหามันอยู่ที่ แล้วจะกล้าซื้อหรือป่าว อย่าไปคิดลึกมาก ทำตัวสบาย
ผมว่ามันไม่ได้ยากเกินไป ไม่ได้ง่ายเกินไป แต่ตอนนี้มันมีความผันผวนมาก คนเป็นvi ที่เก่งแค่ไหนผมว่าก้อเล่นยากทั้งนั้นแหละ ตอนหุ้นเมกาขึ้นมากๆ บัฟเฟตเองก้อถอนตัวออกมาก่อน แล้วบัฟเฟตเองก้อใช่จะไม่พลาด ไปอ่านประวัติดีๆก้อจะรู้ว่า เค้าก้อเจ็บปวดจากธุรกิจประกันเหมือนกัน ที่สำคัญคือพื้นฐานความคิดมากกว่าว่าก่อนคุณจะซื้อหุ้นมีmargin of
safety หรือป่าว ไม่ใช่ดูที่Growthอย่างเดียว



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » ศุกร์ ก.พ. 06, 2004 12:14 am

ผมเจ้าของกระทู้ด้านบนนะ ผมว่านะสรุปโจทย์ข้อนี้อย่าไปดูROA ซื้อเมื่อไหร่
บอกไม่ได้ เพราะก่อนจะซื้อต้องดูmargin of safety ก่อนถ้ามีก้อซื้อไม่ว่าปีไหน ขายเมื่อไหร่ ก้อต่อเมื่อ หุ้นมันเกินพื้นฐานไปแล้วความสามารถในการทำกำไรอืด อยู่ตัวแต่ราคาตลาดสูง

เราก้อรู้กันทุกคนว่าโจทย์มันไม่สมบูรณ์ใช้จริงไม่ได้ แต่ผมชอบวิธีคิดมากกว่าที่มีการประมาณการอะไร เหมือนสอนบัญชีไปในตัว
ขอบคุณนะคับ และขอโทษที่ผมโชวความโง่
เพราะผมว่าไม่เห็นมีอะไรต้องคิดมากจริงๆนี่ครับ



ตอบกลับโพส