หน้า 1 จากทั้งหมด 1
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 21, 2004 10:21 pm
โดย บุคคลทั่วไป
มีคนที่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ
นี่คือความสงสัยของผมที่ลงทุนผ่านตลาหหุ้นมา
ได้แค่เพียงปีเศษ กับผลตอบแทนที่ไม่ค่อยจะสู้ดี
นัก ในแนวทางแบบเน้นคุณค่าซึ่งผมคิดว่ามันน่า
จะเหมาะกับผม ถ้ามีคนที่สร้างความมั่งคั่งจากหุ้น
ได้จริง อย่างเช่น บัพเฟต หรืออย่าง ดร. นิเวศน์
พวกเค้าคงเป็นคนส่วนน้อยนักในตลาดที่สามารถ
สร้างความมั่งคั่งนั้นได้ล่ะมั้ง และถ้าทำได้จริงเค้า
ลงทุนในหุ้นอย่างไรถึงสร้างความมั่งคั่งได้ถึงขนาด
นั้น ทามมายผมถึงสงสังมากอยากงี้ก็ไม่รู้ ใครก็ได้
ช่วยตอบที แล้วพวกคุณล่ะลงทุนแบบไหนกัน และ
มีกำไรกันบ้างหรือป่าวครับ แล้วคุณคิดว่าจะสามารถ
สร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้จริงหรือ หลายคนยังคง
หลงทางเหมือนผมครับ คงเป็นเพราะจุดยืนยังไม่หยั่ง
รากลึกล่ะมั้งครับ ช่วยชี้แนะทีครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 21, 2004 10:43 pm
โดย +++ unlog
ยังมีแน่นอนครับ
ในห้องนี้มีเยอะเสียด้วย อิอิ
ข้อควรระวัง
1. หุ้นที่ใครๆ บอกว่าดี และปลอดภัย แต่ราคาแพงแล้ว
2. หุ้นปันผล ที่ปันผลสูงๆ แต่ผลประกอบการกำลังแย่ลง
หุ้นพวกนี้ ไม่ Value นะครับ อย่าสับสน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 21, 2004 11:32 pm
โดย Boring Stock Lover
ก็ขึ้นอยู่กับว่าความมั่งคั่งที่ว่า เท่าไหร่
การออมสม่ำเสมอและเป็นระยะยาว ทำให้ตัวเลขนั้นโตอย่างเหลือเชื่อ
การนำเงินออมบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้น โดยคาดหวังว่าต้นไม่หาย และเติบโตเฉลี่ยทุกปี 10% ก็ยิ่งทำให้ตัวเลขนั้นโตมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามการทำงานหาเงินจะเป็นตัวสร้างความมั่งคั่งให้กับเรามากกว่า เพราะเราต้องสร้างฐานเงินก่อน จนมีเงินออมแล้วค่อยมาลงทุน
ดร. อายุเท่าไหร่แล้ว หน้าที่การงานที่ทำมามีรายได้มากน้อยขนาดไหน ฐานะครอบครัวเดิมเป็นอย่างไร นิสัยการใช้จ่าย ลงทุนมาแล้วกี่ปี
เวลาเราลงทุนก็คงต้องดูผลตอบแทนในรูป % แล้วลองดูว่าถ้าฐานเราใหญ่แล้ว ผลตอบแทนจะน่าพอใจหรือเปล่า
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 23, 2004 12:09 am
โดย บุคคลทั่วไป
ผมไม่เคยนั่งเฝ้าหน้าจอเลยครับ เพราะผมทำงานประจำตั้งแต่เช้าจนเย็น
เลยไม่มีเวลามานั่งเฝ้าหน้าจอครับ ผมเลยเลือกที่จะลงทุนแบบเน้นคุณค่า
เพราะคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า แต่ผมหาจุดยืนไม่ถูกครับ
เหมือนที่ผมบอกว่า"สงสัยมันยังคงไม่หยั่งลึกพอ" ลงทุนแบบพีอีต่ำๆ บีวีต่ำๆ
ก็กลายเป็นหุ้นก้นบุหรี่ไป ลงทุนในหุ้นปันผลก็บอกว่าไม่มี upside upgain งงครับ อาจเป็นเพราะผมฟังคนอื่นมากเกินไปก็ได้ แล้วผมจะยึดอารายเป็นหลักในการลงทุนดีครับ หรือผมต้องเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เอง
แต่ผมว่าน่าจะเดินตามหลังผู้ใหญ่ หุ้นจะได้ไม่กัดเอา
ผมสนใจเรื่องหุ้นมาได้ประมาณ 3 ปี อ่านหนังสือของ ดร. นิเวศน์ "ตีแตก" เป็นเล่มแรกครับ อ่านแล้วช่ายเลยครับ นี่แหละช่ายเลย อธิบายไม่ถูกครับรู้แต่ว่าใช่เลย
ก่อนหน้านี้หนึ่งปีผมก็เริ่มลงทุนจริงๆจังๆ ด้วยเงินอันน้อยนิดครับ แต่ก็เป็นเงินที่ผมภูมิใจที่เก็บมันได้ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงมหา'ลัย ผมไม่หวังอะไรมากไปกว่า
อิสระภาพทางการเงินเหมือนคุณฉัตรชัย ที่มีรายได้จากการลงทุนเป็นหลัก
แต่เงินลงทุนเริ่มแรกของผมคงไม่สูงเท่าคุณฉัตรชัย
ผมไม่ได้หวังมีเงิน เป็นร้อยเป็นพันล้านหรอกครับ แค่พอมีพอใช้ผมก็พอจายแล้วครับ ผมเรียนจบวิดยา ความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็ยังน้อย แต่ก็ศึกษาหาความรู้ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่งครับ
คนบอกว่าเรื่องของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิด 90%
ที่เหลือมันเป็นเรื่องปฎิบัติ (ขออภัยครับที่จำชื่อไม่ได้) แต่สำหรับผมแล้ว
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเรื่องของแนวคิดถึง 99.99% ที่เหลือ 00.01%
มันเข้าใจไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายนักแต่ปฎิบัตินี่สิยากกว่ามากครับ
ผมเริ่มต้นด้วยการเอาหนังสือพิมพ์มากาง แล้วก็เลือกเอาหุ้นที่มีค่า พีอีเกิน
10 ออก หลังจากนั้นก็เลือกหุ้นที่มีค่าราคาหุ้นสูงกว่าค่าบีวีออก แล้วก็เลือก
หุ้นที่มี ROE สูง เกิน 15% ตามหนังสือซะยังงั้น ได้หุ้นออกมาชุดหนึ่ง
บริษัทไรงะ ไม่รู้จักเลยซักบริษัทครับ ถ้าสมมุติผมชื้อหุ้นที่กรองได้จริง
แล้วทิ้งไว้แบบลืมเลย ซักห้าปีค่อยมาเปิดดู คุณคิดว่าจะมีกำไรไหมครับ
แต่ผมก็ไม่ได้เลือกวิธีนี้ในการลงทุน ผมว่ามันยังงัยก็ไม่รู้ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น
คงไม่ช่ายตลาดหุ้นแน่ๆเลย (คงต้องมีคนทามเหมือนผมแน่ๆเลย : อยากรู้
จังว่าเป็นอย่างงัยบ้างครับ) บางทีมันอาจจะได้ผลก็ได้...
แต่ผมก็ยังชอบตัวเลขมากกว่าแนวคิดแบบเน้นคุณค่า ผมเริ่มอ่านงบการเงิน
แล้วเอาอัตราส่วนต่างมากำหนดแนวทาง เช่น ROE > 15% , D/E < 1
net profit > 10 และอัตราส่วนอื่นๆอีกมากมาย ปรากฏว่ายังงัยรู้ไม่ครับ
ไม่มีหุ้นตัวไหนเลยที่เข้าเกณฑ์ที่ผมตั้ง ก็อยากให้ได้หุ้นที่ดีที่สุดนี่ครับ
ผิดไหมครับ ให้ตายสิขอสักตัวได้หรอ.....
นี่เป็นสิ่งที่ผมทำ บางทีผมก็คิดว่าผมทามอารายอยู่นี่ สงสัยจะบ้า
นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะมาเจอที่นี่ครับ ที่ Thaivalueinvestor
จากคนตั้งกระทู้ครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 23, 2004 4:25 pm
โดย บุคคลทั่วไป
ผมเรียนวิดยา มศว ครับ ดันมาสนใจเรื่องเงินๆทองๆตั้งแต่อยู่ปี 2
หลังจากอ่านตีแตกนั่นแหละครับ ตอนนี้จบมาแล้ว 2 ปีครับ
บางครั้งก็คิดว่าเราเรียนผิดสายป่าวเนี้ย อิจฉาคนที่จบมาทาง
ด้านนี้โดยตรงจังครับ
ผมเป็นสมาชิกห้องนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแหละครับ ตั้งแต่คุณยีนซื้อ
เว็บนี้มาจากใครก็ไม่ทราบ ตั้งแต่ยังมีสมาชิกไม่ถึงร้อยตอนนี้มี
สมาชิกครึ่งหมื่นแล้วมั้ง ในเว็บนี้มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็นลุงขวด คุณครรชิต คุณมนต์ คุณฉัตรชัย คุณเจ๋ง
คุณยีน และท่านอื่นๆอีกเยอะเลยครับที่ไม่ได้กล่าวถึง
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาโพสต์ บางท่านที่เข่าให้กำลังใจ
ผมรู้ดีคราบ เรื่องของการลงทุนต้องวันผลกันในระยะยาว
ไม่ได้วัดกันแค่ปีเศษๆ แต่มันเหนื่อยครับ อ่านหนังสือมา
ก็หลายเล่ม แต่ยังเข้าหัวเลยครับ แถมพอร์ตที่ลงทุนยัง
ลดลงอีก ก็เลยไม่แน่ใจในแนวทางตัวเองทามอยู่นั้นถูกต้อง
หรือเปล่า เลยมาตั้งคำถามอย่างที่เห็น
มีคนบอกว่าลงทุนมาในแต่ละปี ควรนั่งวิเคราะห์ว่าทามมาย
ผลตอบแทนถึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไข
หรือหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ผมว่าระดับเซียนที่ผมเอ่ย
ชื่อถึงข้างบนเค้าก็ทามอย่างนี้เช่นกัน (จริงไหมครับ)
จากคนที่ตั้งกระทู้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 23, 2004 5:32 pm
โดย tsutomu.
ไม่ทราบว่าคุณ guest รุ่นไหนครับ
ผมก็วิดยา มศว
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 24, 2004 9:17 pm
โดย บุคคลทั่วไป
คุณ tsutomu. ครับ ผมจบวิดยา มศว รุ่นที่ 24 ครับ
แล้วคุณล่ะรุ่นไหนครับ ดีใจจังดีเด็กวิทย์สนใจเรื่อง
เงินๆทองๆกับเค้าด้วย ส่วนใหญ่เพื่อนผมที่เรียนวิทย์
มาด้วยกันไม่ค่อยสนกันเลยครับ ส่วนใหญ่จะบวกว่า
มันเป็นเรื่องของคนรวย แบบคำพูดที่ว่า "คนจนเล่น
หวย คนรวยเล่นหุ้น" ซะอย่างงั้น แถมบางคนยังคิดว่า
เป็นการพนันอย่างหนึ่งก็มี.....
ขอบคุณ ลุงขวด และ คุณฉัตรชัย เซียนทั้งสองท่าน
ที่ช่วยชี้แนะและเล่าประสบการณ์ให้ได้อ่านกันครับ
คุณ harry ครับปกติผมตอบและตั้งกระทู้โดยไม่ได้
ใช้ชื่อล็อกอินประจำ คือว่าไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ซักเท่าไร
แต่ผมก็จริงใจนะครับ...จะบอกให้
ผมเห็นหุ้นที่ผมถือทุกตัวปรับตัวขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 25% แต่ไม่ได้
ปรับขึ้นพร้อมกันนะครับ มันสลับกันขึ้น ผมไม่ได้ขายครับเพราะ
คิดว่าจะลงทุนในระยะยาวไม่ชื้อไม่ขายบ่อย กะทิ้งไว้ซัก 5 ปี
แล้วค่อยมาดูกัน แต่ก็ติดตามพอร์ตมาตลอด มันขึ้นแล้วมันก็ลง
อย่างว่ามันพลัดกันขึ้นมันก็เลยพลัดกันลง และแล้วผมก็ไม่เคย
ขึ้นให้เห็นในระดับดังกล่าวอีกเลย
ผมเลยคิดว่าบางทีผมอาจจะทำผิดวิธีโดยการชื้อแล้วทิ้งไว้เฉยๆ
ดูผลตอบแทนขึ้นๆลงๆไปมา ผมจึงคิดว่าบางทีผมควรขายบ้างแต่
ไม่ได้ขายหุ้นตัวนั้นทั้งหมด ในเวลาที่หุ้นมันขึ้นในระดับที่เรากำหนด
ถ้ายังไม่ถึงที่เรากำหนดเราก็ไม่ต้องตัดขาย และชื้อกับคืนเมื่อหุ้นมันลง
(สงสัยความคิดเดย์เทรดเข้าครอบงำ)
พวกคุณทั้งหลายคิดเห็นยังงัยบ้างครับ สงสัยผมอาจจะคิดผิดก็ได้
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
หวังว่าคงไม่เบื่อกันนะครับที่มานั่งอ่านเรื่องราวของผมที่เขียน
ในเว็บนี้ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นบ้างก็ได้
ผมหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นครับ
จากผู้ตั้งกระทู้
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 25, 2004 10:07 am
โดย ผู้ตามอ่านกระทู้
คุณพี่ฉัตรชัยครับ
ผมเองยังใหม่กับแวดวงนี้ มาก ๆ ผ่านมาอ่านกระทู้นี้เข้า รู้สึกน่าสนใจมากครับและขอขอบคุณในความมีไมตรีของพี่ที่ให้ความรู้กับน้อง ๆ ผมเองอ่านแล้วมีคำถามอยากรบกวนพี่ดังนี้ครับ
1. เท่าที่อ่านกระทู้เก่า ๆ มาพี่ฉัตรชัย จะเน้นที่งบการเงินของบริษัทที่พี่จะลงทุนด้วยเป็นหลัก ซึ่งมันทำให้พี่สามารถทำกำไรได้ตลอดตั้งแต่พี่เริ่มลงทุนใช่ไหมครับ
2. ระยะเวลาในการลงทุนของพี่ในหุ้นแต่ละตัวเป็นยังไงครับ ผมหมายถึงถือยาวเป็นปี โดยไม่ได้ติดตามแบบรายวัน หรือรายเดือนเลย หรือเปล่า
3. ปกติในพอร์ตพี่ จะมีหุ้นไม่เกินกี่ตัวหรือครับ แล้วหุ้นตัวที่ทำให้พี่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเงินลงทุนหกแสนบาทของพี่ พอจะเปิดเผยได้ไหมครับ (เวลามันผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นการชี้นำนะครับ เพียงแต่อยากศึกษาไว้เป็นประสบการณ์นะครับ)
ผมเองกำลังศึกษาวิธีการลงทุนอยู่นะครับ เริ่มอ่านโน่นอ่านนี่จนงงไปหมด และก็พบว่า ตัวเองมีจุดอ่อนตรงที่ไม่กล้าตัดสินใจ ครับ คิดโน่นคิดนี่จนปวดหมองเลยครับ กำลังหาจุดยืนของตัวเองอยู่ครับพี่
คงไม่ว่ากันนะครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 25, 2004 11:40 am
โดย ผู้ตามอ่านกระทู้
ขอบคุณครับพีฉัตรชัย
แล้วไม่ทราบว่าปัจจุบัน พี่มีการลงทุนอย่างอื่นนอกจากหุ้น ไหมครับ ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงนะครับ อยากทราบว่าในแต่ละวันพี่ทำอะไรบ้างอ่ะครับ ถ้าไม่ได้ทำงานแล้ว ยิ่งคนเคยทำงานมาก่อนพอมาอยู่เฉยๆ ส่วนใหญ่บอกว่าจะทนไม่ได้นะครับ
อ้อ แล้วในส่วนการคำนวนราคาเป้าหมายของพี่นั้น ใช้หลักการอย่างไรหรือครับ บวกกี่ % ครับ
ผมยังตามอ่านอยู่นะครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 25, 2004 4:33 pm
โดย ผ่านมาอ่าน
โอ ชีวิตคุณฉัตรชัยช่างวิเศษสุขจริงๆ
ผมคงต้องพยายามให้มากขึ้นซะแร้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2004 9:53 pm
โดย ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน)
s@int เขียน:มีแน่ ๆ ครับ...
แต่ต้องมี
1. ทุน
2. ความรู้
3. จังหวะหรือโอกาส
4. สภาพตลาด
5. ความขยันหมั่นเพียร
6. โชคลาภ
มีจริง ๆ ครับ...
มี
แน่นอนครับ คนที่รวยจากตลาดหุ้น ผมกล้ายืนยัน นั่งยัน และนอนยัน
6ข้อข้างบนนี้ เป็นช่องทางที่จะประสบความสำเร็จ ผมขอบวกความหวังและกำลังใจเข้าไปอีกหน่อย
ชีวิตผม เป็นเด็กบ้านนอกมีเงินมา180บาท เสื้อผ้า2ชุด
รับจ้างเป็นเถ้าแก่ จนเศรษฐกิจฟองสบู่ กู้เงินแบ๊งก์ได้ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไรให้รวยเร็ว ก็เลยตัดสินใจไปเล่นหุ้น แล้วก็หมด แต่การที่เป็นคนหัวดื้อไม่ยอมแพ่และหาข้อบกพร่องของตัวเอง ปรับเปลี่ยนการลงทุน และเข้าไปเผชิญโชคกับราคาหุ้นบนจอไฟกระพริบรอบ2ก็ต้องเดินคอตกออกจากตลาดเพราะหมดและแพ้ในเกมส์ ก็กลับมาสำรวจตรวจดูชื่อหุ้น-ราคาหุ้นที่เราจดไว้ทั้งซื้อและขาย ปรับเปลี่ยนมุมมอง ความรู้เรียนเท่าไหร่ก็ไม่หมด เหมือนโลกหมุนไปไม่หยุด คนเราก็ควรหมุนความคิดของตัวเองตามโลกนี้ ในที่นี้โลกกับโลภ หัดดูต้นทุนของบริษัทที่เราถือหุ้น ดูสินค้าของเขา ดูส่วนต่างราคาของเขา ดูทรัพย์สิน-หนี้สินบริษัทเขา ดูว่าใครคือผู้บริหารบริษัท ดูแหล่งรายได้ ดูราควัตถุดิบเขาผันผวนไหม แบรนด์เนม และดูว่าราคาน่าจะซื้อหรือยัง ทุกวันนี้ผมสบายแล้วครับว่างๆก็มาพบปะกับผมที่บ้านก็ได้ยินดีต้อนรับทุกคน มาดูมาคุยเรื่องอื่นนะครับ แต่อย่ามาถามว่าซื้อหุ้นตัวไหนดี จะได้ส่วนต่างเท่าไหร่ อันนี้ท่านต้องทำการบ้านค้นคว้าหาปัจจัยพื้นฐานเองครับ
จงทำความหวังให้เป็นความสำเร็จ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 28, 2004 8:32 am
โดย บุคคลทั่วไป
ถ้าเรามีความรู้สีกว่าเราไม่มีโชคลาภล่ะจะประสพความสำเร็จได้หรือเปล่า หรือว่ามันสำคัญกว่า 5ข้อที่กล่าวมาแล้ว มันรู้สึกท้อจริง ๆ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 28, 2004 10:44 pm
โดย ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน)
Anonymous เขียน:ถ้าเรามีความรู้สีกว่าเราไม่มีโชคลาภล่ะจะประสพความสำเร็จได้หรือเปล่า หรือว่ามันสำคัญกว่า 5ข้อที่กล่าวมาแล้ว มันรู้สึกท้อจริง ๆ
ถ้าคิดว่าแพ้ ตั้งแต่ยังไม่ได้ออกรบ ก็อย่าเล่นหุ้นเลยครับมันเสี่ยง..........
แล้วเรื่องโชคลาภและจังหวะมีทุกคน แล้วแต่ปัญญาจะเกิดขึ้นกับใคร
บางคนเก่งเรื่องงบการเงิน
บางคนเก่งจิตวิทยา-อารมณ์ของตลาด
บางคนเดาทางดู แล้วว่าถึงเวลาอันสมควรซื้อหรือขาย
มันมีทั้งศาสตร์และศิลป์ เหมือนการปกครองจะเอาแบบรัฐศาสตร์หรือเนติ
ท้อเพราะถือหุ้นผิดตัว ท้อเพราะคาดการผิด ท้อเพราะไปเสียรู้ใครมา
ท้อเพราะติดหุ้นเงินหมด และอื่นๆผมก็ท้อบ่อยๆ
แต่ปัญหาทุกอย่าง มีทางแก้ไข
ถ้าเราใฝ่รู้ใฝ่เรียน ฝึกฝนระเบียบวินัย
หุ้นดีๆมีเยอะ..............
ขอยกตัวอย่างที่เห็นๆๆ WG ปันผลที่ผ่านมาก็ดี
และผลประกอบการไตรมาสแรกก็ดี และน่าจะดีไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว
ผลตอบแทนในการลงทุนก็คงคุ้มค่ากว่าฝากเงินกินดอกเบี๊ย
ไม่ใช่ยุ ให้ไปซื้อหุ้นตัวนี้นะครับ แต่อยากให้ลองพิจารณา
แบบราคาไม่หวือหวาแต่ผลตอบแทนค่อนข้างดี
ผมรอราคาคุณฉัตรชัยจะมีใครบิ๊กล๊อตสัก5หมื่นถึง1แสนหุ้นไหมครับ
ราคาแถวๆ25.50-27บาท โทรมาได้เลย 07-2319555
ไม่ได้อวดรวยอะไรแต่อยากลองลงทุนดู ใครมีเยอะๆต้นทุน13-14บาท
แบ่งมาให้ผมบ้างก็ดีครับ แต่ถ้าไปกระทบกระเทือนจิตใจใคร
ก็ขอกราบขออภัยมาด้วยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 28, 2004 11:39 pm
โดย ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน)
chatchai เขียน:ถ้าผมเดือดร้อนเรื่องเงินจนต้องขายห้น ผมจะโทรหาพี่ปรัชญาครับ
เพียงแต่ตอนนี้คงยังต้องถือรับปันผลให้ลกๆนะครับพี่ ตามประสาของคนไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้อื่นนอกจากเงินปันผลครับ
ผมไม่ได้คิดดูถูกหรือคิดล่วงเกินนะครับ
แต่เห็นเก่งบ/ชและแกะงบการเงิน
พอดีช่วงนี้ผมก็รับเงินปันผลมาได้เงินก้อนหนึ่ง
ยังสะเปะสะปะ เข้าไปเก็งกับเขา หาหุ้นที่ราคาถูกไม่ได้
มีWGแต่วอลุ่มขายมีน้อย ถ้าซื้อราคาก็จะวิ่งหนีเลยคิดว่าน่าจะมีบิ๊กล๊อต
แต่ถ้าตอนเงินไม่มี คือเอาเงินไปลงทุนทางอื่นก็คงไม่ได้ซื้อครับ
ขอบคุณ ที่ให้เกียรติคิดถึงผมเป็นคนแรก
(หากวาสนาพอมีก็อยามมีชื่ออยู่บริษัทเดียวกับคุณฉัตรชัย
ไว้เป็นเกียรติประวัติครับ)
ผมจะรอวันนั้น อาจจะเป็นอีกหลายปีข้างหน้าครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 29, 2004 9:37 pm
โดย ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน)
chatchai เขียน:ผมไม่ได้คิดอะไรครับพี่ เขียนเล่นๆนะครับ
แต่ผมบอกพี่ก่อนครับ ยังไงพี่ก็ไม่ได้มีชื่อถือห้นบริษัทเดียวกับผมครับ เพราะว่าผมลงทนในนามแฟนผมนะครับ
ไม่อยากบอก สินทรัพย์ทกอย่างเป็นชื่อแฟนหมดเลยครับ ทั้ง ห้น บ้านและที่ดิน พันธบัตร เหลือเป็นชื่อผมก็พวกรถยนต์ที่มีแต่ราคาตกลงทกวันนะครับ
ผมมันพวกตัวเปล่าครับ ตอนนี้ถ้าไปสมัครบัตรเครดิต ธนาคารคงไม่อนมัติครับ งานก็ไม่มี สินทรัพย์ก็ไม่มี
ยุคนี้สมัยนี้ เขาขายมันสมอง ขายไอเดีย ขายความคิด
อย่างคุณฉัตรชัย เขียนโปรเจ็ทไปขายบริษัทไหนก็คงมีคนซื้อครับ
เรื่องบัตรเครดิต ผมมีมาตั้งหลายปี
ผมก็ใช้แค่ซื้อเสื้อผ้า ของกินของใช้ที่จำเป็น
เติมน้ำมันรถ
ไม่เคยถอนเงินสดจากวงเงินไม่เคยเอาไปดื่มกินหรือคาราโอเกะครับ
การใช้บัตรเครดิต
เป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ก่อน ผมว่า..
ถ้าคนไม่มีวินัยการเงิน มันเป็นการสร้างหนี้แบบไม่มีข้อยุติ
กว่าจะจบ ก็คงประนอมหนี้หรือขึ้นศาลครับ
ผมยังรักและนับถือคุณฉัตรชัย และเพื่อนๆพี่น้องที่ได้ซื้อหุ้นWG
พลังเงียบก็ยังเคยเอ่ยปากชมกับผมครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 03, 2004 11:30 pm
โดย ขอ LogOff ตอบนะคับ
ถ้าคุณมีวินัยในการลงทุน
อย่าหวังปีละ หลายสิบเปอร์เซนต์ ปีละเท่าตัว
เอาแค่ปีละ 15 ก็พอละ
ผมลงทุน 15 ปีละ
จาก 8 ล้าน เริ่มต้น เป็น 160 ล้านในตอนนี้
ยืนยันครับว่า VI ดีจริงๆ
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2004 1:18 am
โดย บุคคลทั่วไป
ผมว่ายังมีคนอีกเยอะครับที่เป็นคนรวยหุ้นที่ลงทุนแบบ VI
แต่พวกเค้าไม่ชอบเปิดเผยตัว ลงทุนอยู่เงียบๆภายใต้
ตลาดทุนไทย ผมเสียดายครับที่ไม่ได้เจอพวกเค้า
ผมว่าประสบการณ์ของพวกเค้าน่าจะมีประโยชน์อย่างมาก
ถ้าพวกเค้าเล่าให้เราไห้ได้ยินได้ฟังบ้าง
ผมอยากเรียนรู้จากพวกเค้าครับ ผมกล้าที่จะบอกอยากนั้น
ผมอยากเรียนรู้ว่าเค้าประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ผมมีความกระตือรือร้นที่อยากเรียนรู้ ที่อยากประสบความสำเร็จ
เหมือนอย่างพวกเค้า แล้วสักวันครับผมจะเป็นอย่างพวกเค้า
อย่างเช่น คุณขอ LogOff ตอบนะคับ คุณฉัตรชัย คุณมนต์
ลงขวด คุณครรชิต คุณเจ่ง คุณยีนและท่านอื่นๆ มาพิมพ์บอกความสำเร็จ
ประสบการณ์แค่นี้มันก็เป็นกำลังใจให้คนรุ่นใหม่ได้มีกำลังใจ
ได้ไม่น้อยครับ อย่างน้อยมันก็ยังมีคนรวยด้วย VI อยู่จริงครับ
ขอบให้โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
จาก คนตั้งกระทู้