ประสบการณ์เซียน(ขอคุณปรัชญาช่วยขยายความได้ไหมครับ)
ไม่อยากขัดคอ แต่ฟังพี่ปรัชญาแล้วแปลกๆในประโยคนี้ครับ
"อ่านหนังสือท่าน ดร.นิเวศน์ (ตีแตก)สัก2-3รอบ
เรียนรู้และวิเคราะห์ตามนั้น เป็นหนังสือเกี่ยวกับหุ้นที่ดีที่สุดเท่าที่ผมได้อ่านมาครับ
ส่วนใครจะอ้างปีเตอร์ลินซ์ บับเฟ่และอื่นฯ
ผมว่าจะไปก๊อปปี้ต่างประเทศลำบาก
เนื่องจากเศรษฐกิจของเรา
นิสัยของการลงทุนของรายย่อยบ้านเราไม่เหมือนพวกเมกาเลย"
พี่ปรัชญาลองไปอ่าน buffetology สักรอบสิครับ แล้วพี่จะรู้ว่า คนเขียน buffetology นั้น คงมาอ่านตีแตก แล้ว copy ไปเขียนหนังสือเขาแน่ๆเลย ขึ้นมาหน้าแรกประโยคแรกก็เหมือนกันเด๊ะ
ดังนั้นที่พี่บอกว่า ใครอ้าง ปีเตอร์ ลินซ์ บัฟเฟ่ พี่ไม่สนใจ แต่สนใจ ดร นิเวศฯ
ผมก็สงสัยว่า ดร นิเวศน์น่ะ เขาต่างจากตำราฝรั่งตรงไหนเหรอครับ ผมว่าหนังสือตีแตกน่ะ กลิ่นนมกลิ่นเนยเต็มเล่มเลยครับ
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เพราะผมอ่าน buffetology แล้วค่อยมาอ่านตีแตก ผมเลยรู้สึกว่า เอ ทำไมหนังสือเนื้อหามันเล่มเดียวกันหรือเปล่าหว่าเนี่ย
ขออภัย คนรัก ดร นิเวศน์ ด้วย ผมเล่าให้ฟังเฉยๆ เพราะ ดร ท่านเป็น hero ของหลายๆคน เด๋วผมโดนด่า
แต่ขอบอกว่า สิ่งที่ผมพูดข้างต้น ไม่ใช่ opinion นะครับ มันคือ fact
"อ่านหนังสือท่าน ดร.นิเวศน์ (ตีแตก)สัก2-3รอบ
เรียนรู้และวิเคราะห์ตามนั้น เป็นหนังสือเกี่ยวกับหุ้นที่ดีที่สุดเท่าที่ผมได้อ่านมาครับ
ส่วนใครจะอ้างปีเตอร์ลินซ์ บับเฟ่และอื่นฯ
ผมว่าจะไปก๊อปปี้ต่างประเทศลำบาก
เนื่องจากเศรษฐกิจของเรา
นิสัยของการลงทุนของรายย่อยบ้านเราไม่เหมือนพวกเมกาเลย"
พี่ปรัชญาลองไปอ่าน buffetology สักรอบสิครับ แล้วพี่จะรู้ว่า คนเขียน buffetology นั้น คงมาอ่านตีแตก แล้ว copy ไปเขียนหนังสือเขาแน่ๆเลย ขึ้นมาหน้าแรกประโยคแรกก็เหมือนกันเด๊ะ
ดังนั้นที่พี่บอกว่า ใครอ้าง ปีเตอร์ ลินซ์ บัฟเฟ่ พี่ไม่สนใจ แต่สนใจ ดร นิเวศฯ
ผมก็สงสัยว่า ดร นิเวศน์น่ะ เขาต่างจากตำราฝรั่งตรงไหนเหรอครับ ผมว่าหนังสือตีแตกน่ะ กลิ่นนมกลิ่นเนยเต็มเล่มเลยครับ
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เพราะผมอ่าน buffetology แล้วค่อยมาอ่านตีแตก ผมเลยรู้สึกว่า เอ ทำไมหนังสือเนื้อหามันเล่มเดียวกันหรือเปล่าหว่าเนี่ย
ขออภัย คนรัก ดร นิเวศน์ ด้วย ผมเล่าให้ฟังเฉยๆ เพราะ ดร ท่านเป็น hero ของหลายๆคน เด๋วผมโดนด่า
แต่ขอบอกว่า สิ่งที่ผมพูดข้างต้น ไม่ใช่ opinion นะครับ มันคือ fact
คือที่ผมจะบอกพี่ปรัชญาก็คือว่า ที่ดร เขาบอกวิธีการเลือกหุ้นในตีแตกน่ะครับ
แค่ประโยคแรกมา ที่บอกว่า ให้มองการซื้อหุ้นเหมือนทำกิจการ ให้เลือก brandname หรือพวกที่มี franchise (ป้อนค่ายคูรบ) ให้เลือก ROE เกิน 15% อะไรพวกนี้ นั้น ถอด หรือ copy มาจาก buffetology เกือบๆเรียงแถวเลยครับพี่ปรัชญา
ดังนั้น ผมจะบอกก็คือ วิธีการมองของ ดร นั้น ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมไปจากของ บุฟเฟเลยครับ และถอดแบบออกมาเลยด้วยซ้ำครับ อิอิ
ที่จริงก็ไม่มีไรมากครับ วิธีการของใครไม่สำคัญ ใช้ได้เป็นพอ ผมแค่อยากจะบอกว่า วิธีการของ ดร นั้น เขาเหมือน buffet ยังกับแกะครับ
แค่ประโยคแรกมา ที่บอกว่า ให้มองการซื้อหุ้นเหมือนทำกิจการ ให้เลือก brandname หรือพวกที่มี franchise (ป้อนค่ายคูรบ) ให้เลือก ROE เกิน 15% อะไรพวกนี้ นั้น ถอด หรือ copy มาจาก buffetology เกือบๆเรียงแถวเลยครับพี่ปรัชญา
ดังนั้น ผมจะบอกก็คือ วิธีการมองของ ดร นั้น ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมไปจากของ บุฟเฟเลยครับ และถอดแบบออกมาเลยด้วยซ้ำครับ อิอิ
ที่จริงก็ไม่มีไรมากครับ วิธีการของใครไม่สำคัญ ใช้ได้เป็นพอ ผมแค่อยากจะบอกว่า วิธีการของ ดร นั้น เขาเหมือน buffet ยังกับแกะครับ
ผมเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของทุกท่าน และการโต้แย้งอย่างสร้างสรรผมว่าก่อให้เกิดความคิด และปัญญา ดีนะครับ
ประเด็น "หลักการลงทุนในตลาดหุ้น" ..เท่าที่อ่านๆมาสองสามเล่ม ผมเห็นหลักการของ อ.นิเวศน์ก็คล้ายของ Warren Buffet ซึ่งตัว Buffet เองได้รับอิทธิพลพื้นฐานจาก Benjamin Graham เท่าที่อ่านมาเหมือนกันทราบว่า Warren ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้หลักของ Ben Graham ทั้งหมด แต่เขาประยุกต์จากพื้นฐานเดิม โดยใช้หลักของ Ben Graham 85% บวกกับของ Philip A. Fisher อีก 15% (ผมก็พยายามหาหนังสือของ Philip A. Fisher มาอ่านอยู่เหมือนกัน - ที่สนใจ คือ Common Stocks and Uncommon Profits - เห็นโฆษณาใน TVI แต่ไม่แจ้งเบาะแสแหล่งซื้อหาเลยนะครับคุณ Genie และอีกเล่ม คือ Conservative Investors Sleep Well แต่หาเบาะแสที่ซื้อไม่เจอ ไม่ทราบบ้านเรามีขายเปล่า ใครทราบโปรดชี้แนะด้วยนะครับ) สรุปแล้วผมว่าแต่ละท่านก็พัฒนาปรัญชาการลงทุนของตนเองขึ้นมาตามจริตนิสัยส่วนตนและประสบการณ์ที่ตนพบเจอมา แล้วยึดถือเป็นปรัชญาของตัวเอง ....... แต่ที่สำคัญผมว่าหากปรัชญาการลงทุนของใครที่ยึดถืออยู่เมื่อเอาไปใช้เป็นหลักปฎิบัติในการลงทุนของตนแล้วได้ผล ...ผมว่าใช้ได้ทั้งนั้นละครับ
และที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ ความผิดพลาดในการลงทุนจากประสบการณ์ของแต่ละท่านมีค่ายิ่งสำหรับผู้คนที่มาทีหลังไว้ศึกษา เพราะเป็นเรื่องเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ทฤษฎีที่บันทึกไว้เป็นตัวหนังสือ ผมจึงอยากให้ท่านอื่นที่มีประสบการณ์ผิดพลาดดังกล่าวในอดีตเฉกเช่นคุณปรัชญา ที่แตกต่างออกไป ช่วยกรุณานั่งทบทวนแล้วบันทึกเป็นตัวอักษรไว้บน TVI จะดียิ่งนะครับ ตามที่คุณ genie ร้องขอมาแต่เดิม และขอบคุณไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ เหมือนกับ Charlie Munger เองซึ่งทำงานให้กับ Warren Buffet เขายังเสาะแสวงหาความผิดพลาดต่างๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดิินหลงเข้าไปติดกับดักความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำเติมอีก (แหล่งที่มาจาก Uncommon Sense - บทสัมภาษณ์ของ Warren และ Munger ...... ที่คุณ Mon Money ได้เอิ้อเฟิ้อส่งไปให้ผมทางอีเมล นั่นแหละครับ)
PP
ประเด็น "หลักการลงทุนในตลาดหุ้น" ..เท่าที่อ่านๆมาสองสามเล่ม ผมเห็นหลักการของ อ.นิเวศน์ก็คล้ายของ Warren Buffet ซึ่งตัว Buffet เองได้รับอิทธิพลพื้นฐานจาก Benjamin Graham เท่าที่อ่านมาเหมือนกันทราบว่า Warren ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้หลักของ Ben Graham ทั้งหมด แต่เขาประยุกต์จากพื้นฐานเดิม โดยใช้หลักของ Ben Graham 85% บวกกับของ Philip A. Fisher อีก 15% (ผมก็พยายามหาหนังสือของ Philip A. Fisher มาอ่านอยู่เหมือนกัน - ที่สนใจ คือ Common Stocks and Uncommon Profits - เห็นโฆษณาใน TVI แต่ไม่แจ้งเบาะแสแหล่งซื้อหาเลยนะครับคุณ Genie และอีกเล่ม คือ Conservative Investors Sleep Well แต่หาเบาะแสที่ซื้อไม่เจอ ไม่ทราบบ้านเรามีขายเปล่า ใครทราบโปรดชี้แนะด้วยนะครับ) สรุปแล้วผมว่าแต่ละท่านก็พัฒนาปรัญชาการลงทุนของตนเองขึ้นมาตามจริตนิสัยส่วนตนและประสบการณ์ที่ตนพบเจอมา แล้วยึดถือเป็นปรัชญาของตัวเอง ....... แต่ที่สำคัญผมว่าหากปรัชญาการลงทุนของใครที่ยึดถืออยู่เมื่อเอาไปใช้เป็นหลักปฎิบัติในการลงทุนของตนแล้วได้ผล ...ผมว่าใช้ได้ทั้งนั้นละครับ
และที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ ความผิดพลาดในการลงทุนจากประสบการณ์ของแต่ละท่านมีค่ายิ่งสำหรับผู้คนที่มาทีหลังไว้ศึกษา เพราะเป็นเรื่องเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ทฤษฎีที่บันทึกไว้เป็นตัวหนังสือ ผมจึงอยากให้ท่านอื่นที่มีประสบการณ์ผิดพลาดดังกล่าวในอดีตเฉกเช่นคุณปรัชญา ที่แตกต่างออกไป ช่วยกรุณานั่งทบทวนแล้วบันทึกเป็นตัวอักษรไว้บน TVI จะดียิ่งนะครับ ตามที่คุณ genie ร้องขอมาแต่เดิม และขอบคุณไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ เหมือนกับ Charlie Munger เองซึ่งทำงานให้กับ Warren Buffet เขายังเสาะแสวงหาความผิดพลาดต่างๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดิินหลงเข้าไปติดกับดักความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำเติมอีก (แหล่งที่มาจาก Uncommon Sense - บทสัมภาษณ์ของ Warren และ Munger ...... ที่คุณ Mon Money ได้เอิ้อเฟิ้อส่งไปให้ผมทางอีเมล นั่นแหละครับ)
PP
ผมขอยกมือสนับสนุนให้คุณปีเตอร์ ชาง มาร่วมแจมเล่าประสบการณ์ตามที่คุณปรัชญาร้องขอมา ....อีกหนึ่งเสียงครับปรัชญา เขียน:"อยากร้องขอให้คุณปีเตอร์ชาง ช่วยเข้ามาให้ข้อคิดความเห็นเรื่องการลงทุน ที่ได้สัมผัสมาหลายปีแล้ว ที่ลงทุนทั้งแบบVI และVS การเอาตัวรอดจากเกมส์ไล่ล่าต่าง เจอลูกเล่นอะไรมาบ้าง......."
PP
ปล. ช่วยลง website address ของคุณปีเตอร์ ชางเองด้วยนะครับ
เว็บนี้อ่านแล้วได้สาระจริงๆ
เห็นด้วยกับพี่ปรัชญา
เห็นด้วยกับคุณปีเตอร์ ชาง
แต่แต่มีความเห็นที่แตกต่างจากคุณประจวบ ทรงเกียรติ
ด้วยเหตุผลคือ การเอาข้อดีของหลายๆคนมาผสม เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่แล้วครับ แต่ถ้าจะเรียนรู้ให้เร็ว ต้องเรียนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ไปก่อนซักระยะหนึ่ง แล้วค่อยดัดแปลง
ประโยค โตแล้วค่อยแตก ของนายห้างเทียมยังชอบใจอยู่ทุกวันนี้
ฝลินจื่อ อาจารย์ของหานเฟย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของจินซือ กล่าวว่า "สืบทอดไม่เป็น ดัดแปลงไม่ได้"
ผมไม่ได้แย้งอะไรนะครับ
ผมกำลัง ศึกษา warren buffet 100 % เพื่อการดัดแปลงเป็นแบบของผมเองในอนาคต
ข้อที่เห็นแตกต่างคือ ต้องเรียนแบบ 100 % ก่อนดัดแปลงเป็นของตัวเอง
แต่คนส่วนใหญ่ จะดัดแปลงก่อนเลย โดยคิดไปว่า วอเรนทำแบบนั้น ฟิชเช่อ ทำแบบนี้ งั้นเมืองไทย ไม่เหมือน เมกา ต้องทำแบบนี้
ผมขอยืนยัน
ถ้าให้ดร.นิเวศน์ที่ผมเคารพ 100 ล้านบาท
แล้วเชิญอาจารย์ผมมา ผมหมายถึง วอเรน บัพเฟต
ก็มี 100 ล้านบาท เท่ากัน
มาเล่นหุ้นไทย แข่งกัน
ผมมั่นใจว่า วอเรนชนะครับ
ขออภัยที่ล่วงเกินท่านดร.นิเวศน์ คิดแบบว่ารุ่นน้องจุฬา ยกมาอ้างบ้าง ห้ามโกรธนะ
เห็นด้วยกับพี่ปรัชญา
เห็นด้วยกับคุณปีเตอร์ ชาง
แต่แต่มีความเห็นที่แตกต่างจากคุณประจวบ ทรงเกียรติ
ด้วยเหตุผลคือ การเอาข้อดีของหลายๆคนมาผสม เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่แล้วครับ แต่ถ้าจะเรียนรู้ให้เร็ว ต้องเรียนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ไปก่อนซักระยะหนึ่ง แล้วค่อยดัดแปลง
ประโยค โตแล้วค่อยแตก ของนายห้างเทียมยังชอบใจอยู่ทุกวันนี้
ฝลินจื่อ อาจารย์ของหานเฟย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของจินซือ กล่าวว่า "สืบทอดไม่เป็น ดัดแปลงไม่ได้"
ผมไม่ได้แย้งอะไรนะครับ
ผมกำลัง ศึกษา warren buffet 100 % เพื่อการดัดแปลงเป็นแบบของผมเองในอนาคต
ข้อที่เห็นแตกต่างคือ ต้องเรียนแบบ 100 % ก่อนดัดแปลงเป็นของตัวเอง
แต่คนส่วนใหญ่ จะดัดแปลงก่อนเลย โดยคิดไปว่า วอเรนทำแบบนั้น ฟิชเช่อ ทำแบบนี้ งั้นเมืองไทย ไม่เหมือน เมกา ต้องทำแบบนี้
ผมขอยืนยัน
ถ้าให้ดร.นิเวศน์ที่ผมเคารพ 100 ล้านบาท
แล้วเชิญอาจารย์ผมมา ผมหมายถึง วอเรน บัพเฟต
ก็มี 100 ล้านบาท เท่ากัน
มาเล่นหุ้นไทย แข่งกัน
ผมมั่นใจว่า วอเรนชนะครับ
ขออภัยที่ล่วงเกินท่านดร.นิเวศน์ คิดแบบว่ารุ่นน้องจุฬา ยกมาอ้างบ้าง ห้ามโกรธนะ
ขอบคุณที่ชี้แนะครับคุณ genie เดี๋ยวคงต้องลองทาบทามคุณ Mon money ดูgenie เขียน:"พี่PPครับ พี่จวบแกก็อยู่ที่ตราดครับไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ "
คุณ Mon Money นี่เล่นถอดแบบ Buffett มาเลยนะครับ เท่าที่อ่านๆหนังสือเกี่ยวกับเขารู้สึกเขาเน้นเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ เขาไม่สนภาวะเศรษฐกิจ macro economic ภาวะตลาดหุ้น ฯลฯ เคยอ่านเจอว่าแม้ Alan Greenspan จะมากระซิบเรื่องลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบื้ยของ Fed เขาก็ยังคงจะทำอย่างที่เขาคิดและตัดสินใจไว้แล้วเท่านั้นMon Money เขียน:"............และอ่านรายงานประจำปีทุกปี....."
หนังเล่มที่ผมกำลังค่อยๆพยายามอ่านขณะนี้ คือ Buffett - The Making of an American Capitalist ก็ดูเหมือนว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอ่านรายงานเอามากๆตั้งแต่หนุุ่มจนอายุป่านนี้ไม่ยอมเลิก แม้แต่ให้เลือกระหว่างครอบครัวกับเรื่องหุ้น เขาเลือกเรื่องหุ้นมาเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นพฤกติกรรมติดตัวมาแต่เด็กจนแก่ไม่แปรเปลี่ยนเลยนะครับ ดูแล้วหากเราทำได้อย่างเขาสัก 10-20% ก็น่าจะพออยู่รอดในยุทธจักรซื้อขายหุ้นนะครับ
ส่วนเรื่องรายงานประจำปีที่คุณ Mon Money อ่านน่ะ ...หาได้จากที่ไหนครับจำเป็นต้องซื้อหุ้นของบริษัททุกบริษัทที่เราต้องการได้รายงานประจำปีของเขาไว้ศึกษาหรือเปล่า เขาถึงจะส่งให้ ช่วยชี้แนะหน่อยนะครับ มือใหม่หัดขับครับ
หนังสือที่อยากอ่านมากๆอีกเล่มคือ Conservative Investors Sleep Well คืออยากทราบว่าค้าหุ้นอย่างไรถึงจะได้นอนหลับสบาย ไม่ใช่กระสับกระส่ายกังวลนอนไม่หลับ ยิ่งอายุมากอย่างผมนี่โดยปกติก็เริ่มมีปัญหาหลับยากตามวัยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว หากเข้าตลาดไม่ถูกทางเกรงว่าเดี่ยวโรคนอนไม่หลับเล่นงาน แย่แน่ๆเลยครับ
PP