Thai Value Investor Webboard

เรียนถามคุณ young-VI พอจะหาข้อมูลได้บ้างครับว่าปีที่เบิร์ดมีการออกเทปอัลบั้มของตัวเอง บริษัทgrammyจะมีรายได้ในธุรกิจเพลงเป็นอย่างไร มีความสัมพันธ์กันรึเปล่า ขอบคุณครับ

รายชื่อศิลปินที่มียอดจำหน่ายสูงสุด 10 อันดับแรก

ลำดับ ปี 2544 ปี 2545 ปี 2546
ชื่อศิลปิน สัดส่วน ชื่อศิลปิน สัดส่วน ชื่อศิลปิน สัดส่วน
1. โลโซ 9.69% ธงชัย แมคอินไตย์ 13.10% ธงชัย แมคอินไตย์ 7.15%
2. สะใภ้ไร้ศักดินา 4.66% พลพล 3.89% Clash 5.28%
3. ศิริพร
อำไพพงษ์ 4.55% โลโซ 3.69% รวมเพลง Project 3.74%
4. เพลงละคร 4.16% รวมเพลง Project 3.15% ศิริพร
อำไพพงษ์ 3.27%
5. ไมค์ ภิรมย์พร 4.16% อัสนี & วสันต์ 3.02% ต่าย - อรทัย 3.24%
6. วง กะลา 3.17% ศิริพร
อำไพพงษ์ 2.91% ใหม่ เจริญปุระ 3.09%
7. จีรศักดิ์
ปานพุ่ม 2.98% 2002 ราตรี 2.91% เพลงภาพยนตร์ 2.84%
8. X-TRA Project 2.52% ปาล์มมี่ 2.58% สลา คุณวุฒิ 2.79%
9. ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ 2.42% ไมค์ ภิรมย์พร 2.57% Little Rock Project 2.58%
10. Top Ten Project 2.37% น้องพลับ 2.49% อิ๊ด นอกรอบ 2.55%
รวม 40.68% รวม 40.31% รวม 36.53%

ขอบคุณคุณharry นะครับที่ช่วยหาข้อมูล ผมถามเพิ่มอีกนิดสิครับว่า
ปีที่เบิร์ด ออกเทป ทำให้ยอดรายได้ กำไร จากธุรกิจเพลงทั้งหมดของแกรมมี่ สูงกว่าปีที่เบิร์ดไม่ได้ออกเทปรึเปล่าครับ
ที่สนใจเพราะว่าช่วงนี้มีการโปรโมตเทปที่เบิร์ดออกคู่กับเสกโลโซครับ เลยสงสัยว่าจะทำให้รายได้ กำไร จากธุรกิจเพลงของแกรมมี่เพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะเป็นรายได้หลักของบริษัทถึง 60-70% ซึ่งปี 46 รายได้ส่วนนี้ลดลงทำให้กำไรต่อหุ้นลดลงมาก แต่รายได้จากธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาปีที่แล้วเพิ่มขึ้นครับ ถ้าอากู๋ทำให้รายได้จากธุรกิจเพลงเพิ่มขึ้นได้ น่าจะทำให้ปีนี้แกรมมี่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนะครับ

ตอนนี้บัตรconcert เบิร์ด-เสก ขายหมดแล้วคับ
ส่วนยอดขาย เห็นพี่เล็กบอกว่า ตั้งเป้าไว้ล้านcopy
เท่าที่ผมดูในwebboard พันทิพย์ เสียงตอบรับก็ดีครับ
สำหรับผมเอง ซื้อแล้ว ฟังแล้วก็ชอบครับ

Symbol: GRAMMY
Headline: แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2547
Time: 13 ส.ค. 2004 09:36:52


ที่ GRAMMY 033/2547

วันที่ 11 สิงหาคม 2547

เรื่อง แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2547

เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 4 / 2547 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2547
ได้มีมติที่สำคัญดังนี้

1. อนุมัติงบการเงินไตรมาสที่ 2/2547 ตามที่เสนอ
2. อนุมัติให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 100 ดำเนินการขายเงินลงทุนใน
บริษัท กรีน บีนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด และถือหุ้นร้อยละ 100
ให้แก่บริษัท บลิส พับลิชชิ่ง จำกัด โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 วันที่เกิดรายการ : ภายในเดือน สิงหาคม 2547
2.2 ผู้ขาย : บริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจโฮลดิ้ง มีทุนจด
ทะเบียนที่เรียกและชำระแล้ว 100 ล้านบาท
2.3 ผู้ซื้อ : บริษัท บลิส พับลิชชิ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจหนังสือเล่ม มีทุนจด
ทะเบียนที่เรียกและชำระแล้ว 20 ล้านบาท
2.4 ลักษณะรายการ : เป็นการได้มาและจำหน่ายไปเงินลงทุนใน บริษัท กรีน บีนส์
จำกัด มีทุนจดทะเบียนที่เรียกและชำระแล้ว 4 ล้านบาท
2.5 วัตถุประสงค์ในการทำรายการ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจหนังสือเล่ม โดย บริษัท กรีน บีนส์
จำกัด จะเป็นตัวแทนของ บริษัท บลิส พับลิชชิ่ง จำกัด ในการ
ร่วมทุนกับบุคคลภายนอกในรูปแบบของกิจการร่วมค้า
2.6 มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน 335,700 บาท
2.7 เกณฑ์ที่ใช้กำหนด : มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์สุทธิของบริษัท กรีน บีนส์ จำกัด
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 ตามรายละเอียดของสินทรัพย์
ดังนี้

(หน่วย : บาท) 30 มิ.ย. 47
สินทรัพย์ 380,700
หัก : หนี้สิน 45,000
สินทรัพย์สุทธิ 335,700
2.8 บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน : บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเกี่ยวโยงกัน ดังนี้
2.8.1) ถือหุ้น 100% ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น
100% ใน บริษัท กรีน บีนส์ จำกัด
2.8.2) ณ วันที่ 8 เม.ย. 47 ถือหุ้น 79.50% ใน บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย
ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ในบริษัท บลิส พับลิชชิ่ง จำกัด
2.9 สรุปความเห็นของคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับรายการดังกล่าว
คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่ารายการข้างต้นเป็นรายการเกี่ยวโยงกัน และมีมูลค่ารวมของสิ่ง
ตอบแทนที่มีความสมเหตุสมผล และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท
2.10 ลักษณะและขอบเขตของส่วนได้เสียของบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
การทำรายการดังกล่าวข้างต้นของบริษัทฯ เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน แต่ขนาดของรายการ
มีมูลค่าต่ำกว่าร้อยละ 3 ของมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ ดังนั้นบริษัทจึงเสนอสารสนเทศ
นี้มายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3. อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2547 สำหรับผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2547
ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท จำนวน 490 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 294 ล้านบาท โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการ
รับเงินปันผลในวันที่ 27 สิงหาคม 2547 เวลา 12.00 น. และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 กันยายน 2547
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ


ขอแสดงความนับถือ
บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)



(นางสาวบุษบา ดาวเรือง)
ประธานกรรมการบริหาร

Analyst Consensus

ถ้าอากู๋จะเอากำไรจากแพลทฟอร์ม ก็ไม่ควรขายกล่องแพง เอากำไรแบบนี้

อย่าง Playstation, Kindle ฯลฯ ก็ขายเครื่องถูก แล้วไปเอากำไรจาก software แทน

ผมว่า Grammy ทำธุรกิจงง ๆ ไม่รู้จะเอาอะไรซักอย่าง ทั้งกล่อง ทั้งแพลทฟอร์มหรือว่าจะทำรายการเอง

ส่วนการชนกับ True ก็ไม่ใช่เรื่องดีของบริษัท ผมคิดว่า GMM ควรจะให้เคลียร์ และส่ง msg ถึงคนติด True เร็วกว่านี้
เล่นบอกล่วงหน้าไม่กี่วัน คาราคาซังให้ความหวังคนมีกล่องโน่นนี่ โดนด่าก็สมควรล่ะ

กระแสตอนนี้น่าจะติดแล้ว แต่ Grammy โดนด่า loyalty ก็ไม่มี

ผมยังไม่มีกล่องเลย พรุ่งนี้ต้องแวะไปซื้อแล้ว ช่วยอุดหนุน (แต่เสียดายตังค์ พูดจริง ๆ 555)

คนที่โดนตำหนิควรเป็น true แต่ gmm เดินเกมส์ไม่ดีเอง เลยโดนด่าฟรี

ผมว่า true มีดราม่าต่อกับสมาชิกแน่ๆ ไม่คุ้มเลย คิดว่าพึ่งกสทชได้ แต่บอร์ดเป็นคนละชุดกับ true move เลยยาก

ตอนนี้ z เอายูโรไปแปะไว้ในช่องของ gmm แล้วคงไม่มีปัญหาครหาแล้ว

อนาคตถ้าสองเจ้ายังคุยกันไม่ได้ ผลเสียน่าจะอยู่ที่ true ถ้าเกิดประมูลพรีเมียร์ไม่ได้ งานเข้าล่ะ

งวดนี้ผมว่ากล่อง z น่าจะขายได้ดี กระแสติดแล้ว ถ้าเล่นกลยุทธ์ราคากับโปรโมชั่นเก่งๆ
Gmm ได้ที่ยืนบนทีวีดาวเทียมแน่ ๆ

อุตสาหกรรมนี้แข่งกันเดือด พลิกไปพลิกมาเร็วมาก ตอนนี้

woody เขียน:
ถ้ากระแสติดเพราะบอลยูโร แต่นี่เป็นการได้ลิขสิทธิ์แบบที่ไม่ใช่ recurring .... มันจะยืนได้อย่างไรหรือครับ?

GMM โมเดลนี้ต้องเริ่มจากกล่องก่อน ผมว่าถ้าได้ฐานกล่องตัวเองแล้ว GMM เค้าก็เล่นอะไรของเค้าได้
เพราะตอนนี้ ยังไม่มี standard เบอร์ช่องทีวีดาวเทียม ยังมั่ว ๆ อยู่ แล้วแต่ค่าย

สุดท้าย GMM อาจจะทำคอนเทนต์ เอาโฆษณา เป็นหลักก็ได้
และส่วนของสมาชิก ผมว่าเค้าเล็งเอาพรีเมียร์ เก็บสมาชิกถูกหน่อย 300-500

ผมไม่มีหุ้นนะครับ กลุ่มนี้ too hard สำหรับผม แค่มาดูการแข่งขัน ชอบวิเคราะห์ธุรกิจ แนวโน้มสื่อ เพราะมันเกี่ยวกับหุ้นที่ผมถืออยู่หลายตัว

ส่วนการโต้เถียงที่เกี่ยวกับจอดำ มันไม่เกี่ยวกับพื้นฐานตัวนี้ อยากให้เพลา ๆ กันหน่อยครับ
วิเคราะห์ผลลัพท์ที่ตามมาจะดีกว่าครับ

แรงอ่ะ ไม่เคยเห็น case ว่าจะตัดช่องทิ้งด้วย
Z จะโดนปล่อยเกาะรึเปล่าเนี่ย

สงสัยที่อากู๋เอา content บน youtube ออก จะรวมกำลังมาอยู่ในกล่องอย่างเดียว
ถ้าคู่แข่งมามุขแบบนี้ การดึง youtube ออก ก็มีเหตุผลรองรับอยู่เหมือนกัน

ผมมีข้อเสนอ น่าจะให้ GTH ผลิตรายการซีรีย์กับทีวีให้ Z แบบนี้น่าจะดึงคนดูได้ไม่น้อย

อนาคตมี digital tv มาอีก ผมว่า GMM ต้องเล่นให้แตกต่างด้วย ไม่ใช่จะเล็งเอาพรีเมียร์หรือฟุตบอลอย่างเดียว
แต่คนดูได้ประโยชน์สุด คนที่ปวดหัวก็น่าจะเป็น agency โฆษณา คงไม่รู้ลงอะไรดี

เกมส์แบบนี้สรุปคือช่องพื้นฐาน 3 หรือ 7 กลับแข็งแรงขึ้นนะเนี่ย