หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 30, 2003 4:27 pm
โดย BUFFE
KTB. ซื้อสะสมรอดอกเบี้ยปรับขึ้น ระหว่างนี้กินปันผลไปก่อน และขายออกเมื่อประเทศไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด นี่แหละแผนผม :lol:

ผ่านมา ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 06, 2004 12:22 am
โดย fongmok
กำลัง จดๆๆจ้องๆ มองๆๆ เสี่ยวๆๆๆๆ ซู๊ดๆๆ เอา อะไร ดี ยังไม่รู้จะจับ
ตัวไหนดี จะประเดิม อะไรก่อนดีน้า :lol: :cry: :P

KTB

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 10, 2004 1:23 am
โดย 2004F
ผมรับมาที่ 9บาท และ กะว่าจะเอาไว้ปล่อยที่ 15บาทด้วยคนนะครับ.

Re: KTB ธนาคารกรุงไทย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 12, 2004 12:03 am
โดย บุคคลทั่วไป
Financial Engineer เขียน:เพื่อไม่ให้ขาดความต่อเนื่อง ผมจะคัดย่อเอาข้อมูลที่ลงไว้ใน"ตลาดหุ้น"มาสรุปไว้ที่นี้ด้วยเลยแล้วกันครับ
:D

ถือต่อดีไหม

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2004 4:04 pm
โดย BUFFE
Financial Engineer เขียน:ล่าสุด KTB ประกาศจ่ายปันผลงวดปี 46 แล้วนะครับ

0.47 บาทต่อหุ้น

เทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน ก็ประมาณ 4% กว่าๆ น่าสนใจมั้ยครับ
ผมดูจากประมาณการจ่ายปันผลของ KTB. ถึงปี 2005 (Syrus) ก็ยังไม่ถึง 0.5 บาท จะถือต่อดีไหมนี่ หรืออาจต้องปรับ Port ขายออกบ้างดีนะ (รอเด้งอีที)... อ้อน้อง Giene เปลี่ยน Logo เถอะ...เห็นแล้วมือไม้อ่อนไปหมด :wink:

มั่นใจ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 18, 2004 10:56 am
โดย BUFFE
Financial Engineer เขียน:ภายหลังจากข่าวดีที่ผลประกอบการไตรมาส1 ของกลุ่มธนาคารโดยส่วนใหญ่รายงานออกมาดีเกินคาด ไม่ทันไร BOT ออกมาตรการใหม่อีกแล้ว โดยต้องการให้ธนาคารตั้งสำรองหนี้ NPL ทั้งจำนวน โดยไม่ให้นำหลักทรัพย์ค้ำประกันไปหักก่อน ส่งผลให้หลายธนาคารต้องหาทางตั้งสำรองมากขึ้น

ล่าสุด เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนอีกครั้งแล้ว ใครถือหุ้นกลุ่มธนาคารระวังตัวกันด้วยครับ เพราะผมว่าหลายแห่งต้องเพิ่มทุนอีกแน่นอน

ซึ่งจริงๆ แล้ว มาตรการนี้ของ BOT เป็นผลดีในระยะยาวแก่ธนาคาร แต่นักลงทุนและ มร. ตลาด มักจะแพ้ข่าวเพิ่มทุนซะด้วย

ผมแนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นธนาคารในระยะสั้นก่อน หลังจากเรื่องเพิ่มทุนผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยกลับมาลงทุนเพิ่มดีกว่านะ
ถ้าการตั้งสำรอง NPL. เป็นอย่างนั้นจริงผมว่าควต้องเพิ่มทุนกันทุกธนาคาร แต่อย่าลืมนะครับ การตั้งสำรองนั้นเงินไม่ได้ไปอยู่ไหนก็ยังอย่ในธนาคาร หากอนาคตกฎเปลี่ยน เงินที่ตั้งสำรองเหล่านี้จะเอาไปไหนครับ ปัจจุบันสภาพคล่องธนาคารก็ยังมีมาก (KTB) กำไรที่เพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ปีที่แล้วเลยเอามาปัผลซะ 60% ผมคิดว่าการเอากำไรสะสมไปตั้งสำรองคงทำได้อีกไม่นานอย่างมาก 3 ปี หลังจากนั้นกำไรสะสมจะเอาไปทำอะไร เงิตั้งสำรองจะเอาไปทำอะไร ถ้าไม่ทำก็กลับมารับรู้รายได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้น ถ้านำไปปล่อยกู้ประเทศเพื่อนบ้านก็มีรายได้และกำไรเพิ่ม ผมซื้อมาครั้งแรก 11.20 บาท และซื้อสะสมเฉลี่ยราคาเมื่อราคาตกลงจนปัจจุบันราคาใน Port ผม KTB. = 7.96 บาท ซึ่งหากตกต่ำกว่า 10 บามผมจะซื้ออีกเนื่องจากผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมกล่าวไว้เบื้องต้นจะต้องเกิดขึ้นภายในวันใดวันหนึ่ง ที่จริงเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อประมาณปี 2543 (เงินสำรองกลับมาเป็นรายได้) ต่ตอนนั้นธนาคารยังขาดทุนสะสมอยู่จึงไม่เห็นผลมากนัก อีกอย่างผมมั่นใจในผู้บริหารของ KTB. และประโยชน์ที่ได้จากการเป็นธนาคารกึ่งรัฐวิสาหกิจ ผมจึงยังคงลงทุนใน KTB. ต่อไป แค่ปันผลก็คุ้มแล้วครับ ขอความเห็นท่านอื่นๆด้วยครับ :lol:

มั่นใจ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 18, 2004 10:57 am
โดย BUFFE
Financial Engineer เขียน:ภายหลังจากข่าวดีที่ผลประกอบการไตรมาส1 ของกลุ่มธนาคารโดยส่วนใหญ่รายงานออกมาดีเกินคาด ไม่ทันไร BOT ออกมาตรการใหม่อีกแล้ว โดยต้องการให้ธนาคารตั้งสำรองหนี้ NPL ทั้งจำนวน โดยไม่ให้นำหลักทรัพย์ค้ำประกันไปหักก่อน ส่งผลให้หลายธนาคารต้องหาทางตั้งสำรองมากขึ้น

ล่าสุด เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนอีกครั้งแล้ว ใครถือหุ้นกลุ่มธนาคารระวังตัวกันด้วยครับ เพราะผมว่าหลายแห่งต้องเพิ่มทุนอีกแน่นอน

ซึ่งจริงๆ แล้ว มาตรการนี้ของ BOT เป็นผลดีในระยะยาวแก่ธนาคาร แต่นักลงทุนและ มร. ตลาด มักจะแพ้ข่าวเพิ่มทุนซะด้วย

ผมแนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นธนาคารในระยะสั้นก่อน หลังจากเรื่องเพิ่มทุนผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยกลับมาลงทุนเพิ่มดีกว่านะ
ถ้าการตั้งสำรอง NPL. เป็นอย่างนั้นจริงผมว่าควต้องเพิ่มทุนกันทุกธนาคาร แต่อย่าลืมนะครับ การตั้งสำรองนั้นเงินไม่ได้ไปอยู่ไหนก็ยังอย่ในธนาคาร หากอนาคตกฎเปลี่ยน เงินที่ตั้งสำรองเหล่านี้จะเอาไปไหนครับ ปัจจุบันสภาพคล่องธนาคารก็ยังมีมาก (KTB) กำไรที่เพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ปีที่แล้วเลยเอามาปัผลซะ 60% ผมคิดว่าการเอากำไรสะสมไปตั้งสำรองคงทำได้อีกไม่นานอย่างมาก 3 ปี หลังจากนั้นกำไรสะสมจะเอาไปทำอะไร เงิตั้งสำรองจะเอาไปทำอะไร ถ้าไม่ทำก็กลับมารับรู้รายได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้น ถ้านำไปปล่อยกู้ประเทศเพื่อนบ้านก็มีรายได้และกำไรเพิ่ม ผมซื้อมาครั้งแรก 11.20 บาท และซื้อสะสมเฉลี่ยราคาเมื่อราคาตกลงจนปัจจุบันราคาใน Port ผม KTB. = 7.96 บาท ซึ่งหากตกต่ำกว่า 10 บามผมจะซื้ออีกเนื่องจากผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมกล่าวไว้เบื้องต้นจะต้องเกิดขึ้นภายในวันใดวันหนึ่ง ที่จริงเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อประมาณปี 2543 (เงินสำรองกลับมาเป็นรายได้) ต่ตอนนั้นธนาคารยังขาดทุนสะสมอยู่จึงไม่เห็นผลมากนัก อีกอย่างผมมั่นใจในผู้บริหารของ KTB. และประโยชน์ที่ได้จากการเป็นธนาคารกึ่งรัฐวิสาหกิจ ผมจึงยังคงลงทุนใน KTB. ต่อไป แค่ปันผลก็คุ้มแล้วครับ ขอความเห็นท่านอื่นๆด้วยครับ :lol:

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 18, 2004 11:01 am
โดย BUFFE
Financial Engineer เขียน:ภายหลังจากข่าวดีที่ผลประกอบการไตรมาส1 ของกลุ่มธนาคารโดยส่วนใหญ่รายงานออกมาดีเกินคาด ไม่ทันไร BOT ออกมาตรการใหม่อีกแล้ว โดยต้องการให้ธนาคารตั้งสำรองหนี้ NPL ทั้งจำนวน โดยไม่ให้นำหลักทรัพย์ค้ำประกันไปหักก่อน ส่งผลให้หลายธนาคารต้องหาทางตั้งสำรองมากขึ้น

ล่าสุด เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนอีกครั้งแล้ว ใครถือหุ้นกลุ่มธนาคารระวังตัวกันด้วยครับ เพราะผมว่าหลายแห่งต้องเพิ่มทุนอีกแน่นอน

ซึ่งจริงๆ แล้ว มาตรการนี้ของ BOT เป็นผลดีในระยะยาวแก่ธนาคาร แต่นักลงทุนและ มร. ตลาด มักจะแพ้ข่าวเพิ่มทุนซะด้วย

ผมแนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นธนาคารในระยะสั้นก่อน หลังจากเรื่องเพิ่มทุนผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยกลับมาลงทุนเพิ่มดีกว่านะ

Re: มั่นใจ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 05, 2004 3:19 pm
โดย BUFFE
ผมขายไปแล้วครับที่ 11.50-11.60 เพราะมั่นใจว่าต้องเพิ่มทุนแน่ และรายใหญ่จะต้องไม่ยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนราคาแพง (ตอนนั้นราคา 12 บาท) และคงไม่ต้องการซื้อราคาแพงหกว่าที่ขายครั้งที่แล้ว 8.50 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะซื้อครับ รอให้เพิมทุนเสร็จและเกิด Diliution ราคาตกมาอีกหน่อยแล้วค่อยเข้าซื้อ (ตามรูปการณ์ปัจจุบันคิดว่าซื้อได้ที่ประมาณเดือน มี.ค- เม.ย 48 ครับที่ราคาไม่เกินราคาหุ้นเพิ่มทุนที่จะขายครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2004 1:07 pm
โดย Mo101 ไม่ได้ login
ไม่ทราบว่าคุณ วิโรจน์ จะกลับมาบริหารเมื่อไหร่ครับ อยากรู้จริงๆ