โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 30, 2003 4:27 pm
KTB. ซื้อสะสมรอดอกเบี้ยปรับขึ้น ระหว่างนี้กินปันผลไปก่อน และขายออกเมื่อประเทศไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด นี่แหละแผนผม :lol:
Financial Engineer เขียน:เพื่อไม่ให้ขาดความต่อเนื่อง ผมจะคัดย่อเอาข้อมูลที่ลงไว้ใน"ตลาดหุ้น"มาสรุปไว้ที่นี้ด้วยเลยแล้วกันครับ
ผมดูจากประมาณการจ่ายปันผลของ KTB. ถึงปี 2005 (Syrus) ก็ยังไม่ถึง 0.5 บาท จะถือต่อดีไหมนี่ หรืออาจต้องปรับ Port ขายออกบ้างดีนะ (รอเด้งอีที)... อ้อน้อง Giene เปลี่ยน Logo เถอะ...เห็นแล้วมือไม้อ่อนไปหมดFinancial Engineer เขียน:ล่าสุด KTB ประกาศจ่ายปันผลงวดปี 46 แล้วนะครับ
0.47 บาทต่อหุ้น
เทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน ก็ประมาณ 4% กว่าๆ น่าสนใจมั้ยครับ
ถ้าการตั้งสำรอง NPL. เป็นอย่างนั้นจริงผมว่าควต้องเพิ่มทุนกันทุกธนาคาร แต่อย่าลืมนะครับ การตั้งสำรองนั้นเงินไม่ได้ไปอยู่ไหนก็ยังอย่ในธนาคาร หากอนาคตกฎเปลี่ยน เงินที่ตั้งสำรองเหล่านี้จะเอาไปไหนครับ ปัจจุบันสภาพคล่องธนาคารก็ยังมีมาก (KTB) กำไรที่เพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ปีที่แล้วเลยเอามาปัผลซะ 60% ผมคิดว่าการเอากำไรสะสมไปตั้งสำรองคงทำได้อีกไม่นานอย่างมาก 3 ปี หลังจากนั้นกำไรสะสมจะเอาไปทำอะไร เงิตั้งสำรองจะเอาไปทำอะไร ถ้าไม่ทำก็กลับมารับรู้รายได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้น ถ้านำไปปล่อยกู้ประเทศเพื่อนบ้านก็มีรายได้และกำไรเพิ่ม ผมซื้อมาครั้งแรก 11.20 บาท และซื้อสะสมเฉลี่ยราคาเมื่อราคาตกลงจนปัจจุบันราคาใน Port ผม KTB. = 7.96 บาท ซึ่งหากตกต่ำกว่า 10 บามผมจะซื้ออีกเนื่องจากผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมกล่าวไว้เบื้องต้นจะต้องเกิดขึ้นภายในวันใดวันหนึ่ง ที่จริงเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อประมาณปี 2543 (เงินสำรองกลับมาเป็นรายได้) ต่ตอนนั้นธนาคารยังขาดทุนสะสมอยู่จึงไม่เห็นผลมากนัก อีกอย่างผมมั่นใจในผู้บริหารของ KTB. และประโยชน์ที่ได้จากการเป็นธนาคารกึ่งรัฐวิสาหกิจ ผมจึงยังคงลงทุนใน KTB. ต่อไป แค่ปันผลก็คุ้มแล้วครับ ขอความเห็นท่านอื่นๆด้วยครับ :lol:Financial Engineer เขียน:ภายหลังจากข่าวดีที่ผลประกอบการไตรมาส1 ของกลุ่มธนาคารโดยส่วนใหญ่รายงานออกมาดีเกินคาด ไม่ทันไร BOT ออกมาตรการใหม่อีกแล้ว โดยต้องการให้ธนาคารตั้งสำรองหนี้ NPL ทั้งจำนวน โดยไม่ให้นำหลักทรัพย์ค้ำประกันไปหักก่อน ส่งผลให้หลายธนาคารต้องหาทางตั้งสำรองมากขึ้น
ล่าสุด เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนอีกครั้งแล้ว ใครถือหุ้นกลุ่มธนาคารระวังตัวกันด้วยครับ เพราะผมว่าหลายแห่งต้องเพิ่มทุนอีกแน่นอน
ซึ่งจริงๆ แล้ว มาตรการนี้ของ BOT เป็นผลดีในระยะยาวแก่ธนาคาร แต่นักลงทุนและ มร. ตลาด มักจะแพ้ข่าวเพิ่มทุนซะด้วย
ผมแนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นธนาคารในระยะสั้นก่อน หลังจากเรื่องเพิ่มทุนผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยกลับมาลงทุนเพิ่มดีกว่านะ
ถ้าการตั้งสำรอง NPL. เป็นอย่างนั้นจริงผมว่าควต้องเพิ่มทุนกันทุกธนาคาร แต่อย่าลืมนะครับ การตั้งสำรองนั้นเงินไม่ได้ไปอยู่ไหนก็ยังอย่ในธนาคาร หากอนาคตกฎเปลี่ยน เงินที่ตั้งสำรองเหล่านี้จะเอาไปไหนครับ ปัจจุบันสภาพคล่องธนาคารก็ยังมีมาก (KTB) กำไรที่เพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ปีที่แล้วเลยเอามาปัผลซะ 60% ผมคิดว่าการเอากำไรสะสมไปตั้งสำรองคงทำได้อีกไม่นานอย่างมาก 3 ปี หลังจากนั้นกำไรสะสมจะเอาไปทำอะไร เงิตั้งสำรองจะเอาไปทำอะไร ถ้าไม่ทำก็กลับมารับรู้รายได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้น ถ้านำไปปล่อยกู้ประเทศเพื่อนบ้านก็มีรายได้และกำไรเพิ่ม ผมซื้อมาครั้งแรก 11.20 บาท และซื้อสะสมเฉลี่ยราคาเมื่อราคาตกลงจนปัจจุบันราคาใน Port ผม KTB. = 7.96 บาท ซึ่งหากตกต่ำกว่า 10 บามผมจะซื้ออีกเนื่องจากผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมกล่าวไว้เบื้องต้นจะต้องเกิดขึ้นภายในวันใดวันหนึ่ง ที่จริงเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อประมาณปี 2543 (เงินสำรองกลับมาเป็นรายได้) ต่ตอนนั้นธนาคารยังขาดทุนสะสมอยู่จึงไม่เห็นผลมากนัก อีกอย่างผมมั่นใจในผู้บริหารของ KTB. และประโยชน์ที่ได้จากการเป็นธนาคารกึ่งรัฐวิสาหกิจ ผมจึงยังคงลงทุนใน KTB. ต่อไป แค่ปันผลก็คุ้มแล้วครับ ขอความเห็นท่านอื่นๆด้วยครับ :lol:Financial Engineer เขียน:ภายหลังจากข่าวดีที่ผลประกอบการไตรมาส1 ของกลุ่มธนาคารโดยส่วนใหญ่รายงานออกมาดีเกินคาด ไม่ทันไร BOT ออกมาตรการใหม่อีกแล้ว โดยต้องการให้ธนาคารตั้งสำรองหนี้ NPL ทั้งจำนวน โดยไม่ให้นำหลักทรัพย์ค้ำประกันไปหักก่อน ส่งผลให้หลายธนาคารต้องหาทางตั้งสำรองมากขึ้น
ล่าสุด เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนอีกครั้งแล้ว ใครถือหุ้นกลุ่มธนาคารระวังตัวกันด้วยครับ เพราะผมว่าหลายแห่งต้องเพิ่มทุนอีกแน่นอน
ซึ่งจริงๆ แล้ว มาตรการนี้ของ BOT เป็นผลดีในระยะยาวแก่ธนาคาร แต่นักลงทุนและ มร. ตลาด มักจะแพ้ข่าวเพิ่มทุนซะด้วย
ผมแนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นธนาคารในระยะสั้นก่อน หลังจากเรื่องเพิ่มทุนผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยกลับมาลงทุนเพิ่มดีกว่านะ
Financial Engineer เขียน:ภายหลังจากข่าวดีที่ผลประกอบการไตรมาส1 ของกลุ่มธนาคารโดยส่วนใหญ่รายงานออกมาดีเกินคาด ไม่ทันไร BOT ออกมาตรการใหม่อีกแล้ว โดยต้องการให้ธนาคารตั้งสำรองหนี้ NPL ทั้งจำนวน โดยไม่ให้นำหลักทรัพย์ค้ำประกันไปหักก่อน ส่งผลให้หลายธนาคารต้องหาทางตั้งสำรองมากขึ้น
ล่าสุด เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนอีกครั้งแล้ว ใครถือหุ้นกลุ่มธนาคารระวังตัวกันด้วยครับ เพราะผมว่าหลายแห่งต้องเพิ่มทุนอีกแน่นอน
ซึ่งจริงๆ แล้ว มาตรการนี้ของ BOT เป็นผลดีในระยะยาวแก่ธนาคาร แต่นักลงทุนและ มร. ตลาด มักจะแพ้ข่าวเพิ่มทุนซะด้วย
ผมแนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นธนาคารในระยะสั้นก่อน หลังจากเรื่องเพิ่มทุนผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยกลับมาลงทุนเพิ่มดีกว่านะ