สัญญาณแห่งความรุ่งเรือง/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

สัญญาณแห่งความรุ่งเรือง/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ โดย Thai VI Article » พฤหัสฯ. พ.ค. 16, 2013 12:38 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

   ในช่วงเวลา 30 วันที่ผ่านมา ผมใช้เวลาครึ่งหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นและอีกครึ่งหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากเคยไปประเทศญี่ปุ่นหลายต่อหลายครั้ง การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองครั้งนี้ จึงเลือกใช้เวลาส่วนใหญ่เที่ยวชมเมืองขนาดเล็ก และเมืองรอง ก่อนที่จะมาแวะเที่ยวเมืองใหญ่อย่างเมืองโอซาก้าก่อนเดินทางกลับ
	นอกจากได้รับความสนุกสนานในการเที่ยวชมสถานที่สวยงามและรับประทานอาหารอร่อยที่ญี่ปุ่นแล้ว ครั้งนี้มีความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ โดยเฉพาะเรื่อง “อำนาจซื้อที่เพิ่มขึ้น” ทั้งนี้เพราะเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าและเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นนั่นเอง ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเคยมีค่าครองชีพแพงกว่าไทยมากและต้องคิดอย่างรอบคอบยามต้องใช้จ่ายหรือซื้อสินค้า แต่ความรู้สึกดังกล่าวเปลี่ยนไปมาก เพราะสินค้าและอาหารที่คุณภาพใกล้เคียงกันนั้นได้ลดช่องว่างความห่างด้านราคาลง ทั้งนี้นอกจากเรื่องค่าเงินแล้ว อาจเป็นเพราะค่าครองชีพและเงินเฟ้อของไทยปรับตัวสูงขึ้นมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา การช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นที่เคยเป็นเรื่อง “ผิดที่ผิดเวลา” จึงกลายเป็นเรื่องที่ “เป็นไปได้” สำหรับนักช้อปไทยในปัจจุบัน
	ชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นและสภาพบ้านเมืองในหลายเมืองเล็กนั้นค่อนข้างเรียบง่าย สงบ ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา แม้ยังพบเห็นสิ่งบ่งบอกว่าเคยเป็นย่านพลุกพล่านในอดีต คนท้องถิ่นที่ประกอบอาชีพส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนขึ้นไป สนับสนุนข้อเท็จจริงของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Population) ส่วนย่านชุมชนเมืองรอง ย่านธุรกิจและเศรษฐกิจในเมืองใหญ่ยังหนาแน่นเต็มไปด้วยคนวัยทำงาน หนุ่มสาว วัยรุ่น และนักเรียนตามแนวโน้มใหญ่ของสังคมคนเมือง (Urbanization) เช่นกัน ประเทศไทยนั้นมีส่วนคล้ายกับญี่ปุ่นอยู่ในหลายมิติ ความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นในวันนี้อาจเกิดขึ้นกับเราในอนาคตอีก 10-30 ปีก็เป็นได้
	ส่วนการใช้เวลาอีกครึ่งเดือนในทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด มีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปและสัมผัสได้ถึงบ้านเมืองและผู้คนที่มีชีวิตชีวามากกว่า ผมขอเรียกสิ่งที่สังเกตเห็นว่า “สัญญาณแห่งความรุ่งเรือง” อาทิเช่น สนามบินทั้งภายในและต่างประเทศที่แน่นขนัด เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยแม้เป็นช่วงก่อนและหลังวันหยุดสงกรานต์พอสมควร เรายังสังเกตอย่างง่ายได้จาก ความยากในการจองตั๋วเครื่องบิน เงินต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนขาดแคลน พบนักท่องเที่ยวไทยในต่างแดนและต่างจังหวัดจำนวนมาก หรือการอัพเดทรูปที่ตนท่องเที่ยวในโซเชียลมีเดีย นี่คือสัญญาณที่บอกถึงอำนาจซื้อของคนไทยที่มากขึ้น 
	ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ มีผู้ใช้บริการจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่งผลให้ที่จอดรถแน่นขนัด ใช้เวลาหาที่จอดนานมากขึ้น การรอคิวยาวเพื่อใช้บริการร้านอาหาร คิวเพื่อชมภาพยนตร์รอบถัดไป แม้อาจเป็นเพราะต้องการหลบอากาศร้อน แต่คนส่วนใหญ่มักต้องจับจ่ายและใช้เงินเมื่อเข้าไปใช้บริการเช่นกัน นี่คือสัญญาณอีกอย่างที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยพร้อมที่จะจับจ่ายเพิ่มขึ้นแม้ราคาสินค้าและค่าบริการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม
	สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ แม้มีการปรับราคาขายขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะต้นทุนราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง ค่าแรงและค่าพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เกือบทุกโครงการมียอดจองสูงมากแม้ยังไม่ได้เริ่มงานก่อสร้าง ทำให้เกิดคำถามถึงความต้องการที่แท้จริงและความกังวลต่อภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดการจองซื้อที่สูงมากนั้นคือสัญญาณที่ผู้ซื้อมั่นใจต่อศักยภาพของตน นอกจากนี้ ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนที่เพิ่มขึ้นมากส่งผลต่อปัญหาจราจร ที่จอดรถ การเติมน้ำมัน แม้มีการทิ้งเงินจองจากนโยบายรถคันแรกบ้าง แต่ผู้ซื้อรถส่วนใหญ่ก็พร้อมที่รับภาระเพื่อแลกกับความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น
	ข่าวธุรกิจและการลงทุน โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ การเข้าซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศของกลุ่มธุรกิจไทย การขยายตัวของเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ไปยังต่างจังหวัด การขยายสาขาอย่างรวดเร็วของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ล้วนเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การพัฒนาและขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมากในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงาน กำลังซื้อ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนศักยภาพในการแข่งขันของประเทศอีกด้วย
	นั่นคือข้อสังเกตส่วนหนึ่งที่พบเห็น หน้าที่ของเราคนไทยทุกคนคือ ต้องร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นเพื่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในชาติต่อไป
	ที่กล่าวมาอาจเป็นสาเหตุทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในอนาคตของไทยส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องพร้อมปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับสูงขึ้นมากนั้นย่อมมาพร้อมกับ “ความคาดหวัง” ที่สูงขึ้นด้วย เมื่อผลประกอบการไม่เป็นดังคาดการณ์ ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงได้เช่นกัน 
	ในฐานะ Value Investor ต้องวิเคราะห์ถึงสาเหตุแท้จริงที่เกิดขึ้นและพร้อมเข้าลงทุนหากพบกิจการยอดเยี่ยมที่ประสบปัญหาชั่วคราวส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงอย่างมาก ทั้งนี้เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยามนี้ ยังต้องขึ้นอยู่กับประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชียซึ่งรวมกลุ่มประเทศเออีซีที่เพิ่มความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ หากประเทศไทยซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ “ไม่สะดุดขาตนเอง” เสียก่อน เราน่าจะยังอยู่ใน “วงจรแห่งความรุ่งเรือง” ต่อไปอีกนานพอสมควรทีเดียว
[/size]



ตอบกลับโพส