โค้ด: เลือกทั้งหมด
รายงานการวิจัยล่าสุดของ Knight Frank ที่ปรากฏใน The Wealth Report 2014 แสดงให้เห็นว่ามหาเศรษฐี หรือ Ultra High Net Worth Individual (UHNWI) มีความกล้าที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นในปีนี้
โดยคำจำกัดความ อภิมหาเศรษฐีเหล่านี้คือผู้มีความมั่งคั่งมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เกินกว่า 970 ล้านบาท และกลุ่มที่ไนท์แฟรงก์สำรวจมีความมั่งคั่งเฉลี่ยคนละ 68 ล้านเหรียญหรือประมาณ 2,200 ล้านบาท
ทั้งนี้พบว่าเกินกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มคนเหล่านี้ มองว่าจะลงทุนในหุ้นทุน และในธุรกิจของตัวเองเพิ่มขึ้นกว่าปี 2013 และยังมองที่จะลงทุนในตลาดเกิดใหม่อยู่ (แม้ว่าตลาดเกิดใหม่จะมีความผันผวนค่อนข้างมาก) โดยสัดส่วนการลงทุนที่จะลดลงคือ โภคภัณฑ์ ทองคำและโลหะมีค่า และตราสารหนี้รวมถึงพันธบัตร
สำหรับตลาดที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนมากที่สุด อภิมหาเศรษฐีแต่ละคนก็มีความเห็นแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีความลำเอียงเข้าข้างประเทศหรือภูมิภาคของตน ตามที่ดิฉันเคยเขียนถึง คือ Home Country Bias แต่เอาเป็นว่ารวมๆทั่วโลก มีสัดส่วน 29%ที่เห็นว่าภูมิภาคอเมริกาเหนือน่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุด 20% เห็นว่าเป็นยุโรป 19% เลือกจีน 18% เลือกเอเชียแปซิฟิก(ไม่รวมจีน) 5% เลือกละตินอเมริกา ที่เลือกตะวันออกกลางและอัฟริกาเหนือ(MENA) กับเลือกอัฟริกามีอย่างละ 3% และเลือกออสเตรเลียรวมนิวซีแลนด์ กับเลือกรัสเซีย อย่างละ 2%
ตลาดที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนดีน้อยที่สุด เรียงลำดับดังนี้ คิดว่ายุโรปให้ผลตอบแทนดีน้อยที่สุด 26% จีน 18% อัฟริกากลางและใต้ 13% ละตินอเมริกา 10% MENA และออสเตรเลียนิวซีแลนด์ อย่างละ 8% เอเชียแปซิฟิก 7% รัสเซีย 6% และอเมริกาเหนือ 5%
ประเทศไทยก็ติดกลุ่มกับเขาด้วยค่ะ โดยในการเรียงลำดับเมืองใหญ่ที่จะมีกลุ่มมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้น กรุงเทพมหานคร จะมีอัตราเพิ่มของมหาเศรษฐีในช่วง 10 ปีข้างหน้าสูงถึง 47% คือ เพิ่มจาก 455 คนเป็น 668 คน โดยเมืองที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ โฮจิมินซิตี้ เพิ่มจาก 90 คนเป็น 246 คน หรือ 173%
หากมองทั้งประเทศ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นแชมป์ในเรื่องจำนวน แต่อาจจะไม่ได้แชมป์ในเรื่องอัตราการเพิ่มขึ้น กล่าวคือจะมีจำนวนเพิ่มจาก 39,378 คนในปี 2013 เป็น 47,468 คน ในปี 2023 หรือเพิ่มขึ้น 21%
แน่นอนว่า ประเทศที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของมหาเศรษฐีมากที่สุดจะเป็นประเทศไหนไปไม่ได้นอกจากประเทศจีน โดยคาดว่าจีน จะมีอัตราเพิ่ม 80% คือเพิ่มจาก 7,905 คน เป็น 14,213 คนในปี 2023 แซงหน้าเยอรมนี ที่จะมีจำนวนเพิ่มจาก 11,392 คน เป็น 13,546 คน หรือเพิ่มขึ้น 19%
ส่วนญี่ปุ่นจะยังคงรักษาแชมป์อันดับที่สองไว้ได้ แม้ว่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้นเพียง 15% คือ เพิ่มจาก 16,450 คน ในปี 2013 เป็น 18,974 คนในปี 2023
อีกสถิติหนึ่งที่ไทยเราติดอันดับคือ อัตราเพิ่มของอภิมหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งเกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เกิน 32,300 ล้านบาท ปัจจุบันมีคนไทยเพียง 15 คนที่อยู่ในกลุ่มนี้ คาดว่าในปี 2023 จะเพิ่มเป็น 23 คน คิดเป็นอัตราการเพิ่ม 53% เป็นอัตราการเพิ่มที่สูงเป็นอันดับ 8 ของโลกค่ะ
แต่ประเทศที่มีจำนวนอภิมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา มีจำนวน 417 คนในปี 2013 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 503 คนในปี 2023 ค่ะ
อย่างน้อยๆ เราก็ติดอันดับโลกเรื่องความมั่งคั่งบ้างแล้ว !
ในเมื่อไนท์แฟรงก์เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ดิฉันจะไม่เขียนถึงอสังหาริมทรัพย์เลยก็กระไรอยู่ ทุกปีจะมีการเปรียบเทียบว่าเงินหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐซื้อที่อยู่อาศัยแบบหรูหราได้กี่ตารางเมตร
ปีนี้ก็มีค่ะ โมนาโคยังครองแชมป์ความแพงอยู่ โดยเงิน 1 ล้านเหรียญซื้อที่อยู่อาศัยหรูหราในโมนาโคได้เพียง 15 ตารางเมตร ส่วนฮ่องกงตามมาที่ 20.6 ตารางเมตร ชนะลอนดอนที่ หนึ่งล้านเหรียญซื้อได้ 25.2 ตารางเมตร
สิงคโปร์แพงกว่าปารีสค่ะ หนึ่งล้านเหรียญซื้อที่ปารีสได้ 41.7 ตารางเมตร ขณะที่ซื้อในสิงคโปร์ได้เพียง 32.6 ตารางเมตร และหากนำไปซื้อที่โตเกียวจะซื้อได้ถึง 75.5 ตารางเมตร ถูกกว่าปักกิ่ง(52.6 ตร.ม.) เซี่ยงไฮ้ (46.2 ตร.ม.)และนิวยอร์ค(40.2 ตร.ม.)
ท่านผู้อ่านคงจะสงสัยว่า ดิฉันทำไมเขียนเรื่องสวิงไปสวิงมา สองสัปดาห์ก่อนยังเขียนถึงกิจการเพื่อสังคม เพื่อสิ่งแวดล้อม สัปดาห์นี้มาเขียนถึงมหาเศรษฐีแล้ว ก็ทั้งหมดยังคงเป็นเรื่องเงินๆทองๆ จึงเข้าแนวทางของคอลัมน์นี้อยู่
และที่อยากกล่าวขวัญถึงเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้คือ โจวเหวินฟะ หรือ Chow Yun Fat พระเอกภาพยนตร์ฮ่องกงที่หล่อและโด่งดัง ประกาศบริจาคเงินและความมั่งคั่งที่หามาได้ตลอดชีวิตประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 4,200 ล้านบาท เพื่อสาธารณกุศล หลังจากที่เขาจากไป
โจวเหวินฟะ ในปัจจุบันอายุ 58 ปี มีชีวิตวัยเด็กที่ยากไร้ เข้าสู่วงการแสดงโดยเป็นนักแสดงฝึกหัดของทีวีบี และมาโด่งดังเมื่อแสดงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” ในปี พ.ศ. 2523 หลังจากนั้นได้แสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขา ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และ กำกับศิลป์ยอดเยี่ยมในปี 2543 คือ Crouching Tiger, Hidden Dragon หรือชื่อภาษาไทย “พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก”โดยเขาแสดงเป็นดาราสมทบ
เขาให้สัมภาษณ์ว่า “เขาไม่มีบุตรหลานให้ดูแล จึงต้องการมอบสมบัติที่ได้รับมาจากสังคมและที่เก็บออมมา คืนกลับให้สังคมที่มีบุญคุณต่อเขา เพราะเขารู้สึกว่าเงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ใช่สมบัติที่แท้จริง เขาแค่ครอบครองมันชั่วคราวเท่านั้น”
เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ติดดิน มัธยัสถ์ ประหยัด ขึ้นรถโดยสารสาธารณะ ใช้โทรศัพท์มือถือตกรุ่น ไม่ได้ตัดสูทใหม่ๆตลอดเวลา
โจวเหวินฟะ ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอ ดิฉันเชื่อว่า ประเทศไทยอาจจะมีมหาเศรษฐีที่คิดแบบโจวเหวินฟะบ้างก็เป็นได้