ปฏิรูป/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

ปฏิรูป/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ โดย Thai VI Article » พฤหัสฯ. มิ.ย. 12, 2014 10:53 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

	หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และอีก 5 วันต่อมาก็เริ่มจ่ายเงินค่าจำนำข้าวในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วนลำดับแรกที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวนา ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและช่วยกระตุ้นบรรยากาศการใช้จ่ายโดยรวมให้ดีขึ้น คณะ คสช. ยังกล่าวถึงภารกิจสำคัญอื่นได้แก่ การสร้างความปรองดอง การปฏิรูปประเทศ การลดปัญหาคอรัปชั่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว ก่อนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อประเทศไทยมาถึงจุดนี้ ประชาชนทุกคนจึงหวังที่จะเห็นการ “ปฏิรูป” ทุกๆ ด้านอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม 
	สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติแต่งตั้งคุณเกศรา มัญชุศรี เป็นกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 12 โดยเริ่มดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2557 หลังจากหมดวาระของคุณจรัมพร โชติกเสถียร ซึ่งคุณเกศราได้ตั้งเป้าหมายมุ่งเน้น 3 ด้านคือ การต่อยอดโดยการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น การสร้างใหม่โดยมีสินค้าและบริการให้ครบวงจรมากขึ้น และการขยายฐานผู้ลงทุนให้มีจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่ต้องวางรากฐานต่อเพื่อเป้าหมายเพิ่มปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยให้ถึงหนึ่งแสนล้านบาทต่อวันในปี 2563 อีกด้วย
	หากดูปริมาณซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2557 ทั้งตลาด SET และ mai จะพบว่านักลงทุนทั่วไปในประเทศมีสัดส่วนสูงถึง 52.6% ตามด้วยนักลงทุนต่างประเทศ 26.5% สถาบันในประเทศและพอร์ตบัญชีบริษัทหลักทรัพย์มีสัดส่วนเท่ากันประมาณ 10.5% นับว่านักลงทุนทั่วไปในประเทศมีความสำคัญต่อตลาดทุนไทยอย่างมากทีเดียว
	แม้ตลาดหุ้นไทยโดดเด่นในหลายด้านและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่ในยามกระแส “ปฏิรูป” ประเทศเพื่อการเติบโตแบบยั่งยืน ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มต้องร่วมช่วยกันเปลี่ยนแปลงเพื่อต่อยอดให้มีกิจการเข้ามาระดมทุนมากขึ้น และขยายฐานนักลงทุนทุกประเภทเพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานตลาดทุนไทยให้ดียิ่งขึ้นอีกจากปัจจุบันดังนี้
	กลุ่มแรก บริษัทจดทะเบียน จุดเด่นของตลาดหุ้นไทยคือ การส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจผ่านช่องทางต่างๆ การพบปะผู้บริหาร การเยี่ยมชมกิจการ การให้ข้อมูลก่อนรายงานผลประกอบการ การด่วนให้ข้อมูลที่อาจเปลี่ยนแปลงต่อพื้นฐานกิจการอย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เปิดเผยจะต้องอยู่ในเกณฑ์เหมาะสม เท่าเทียมกันต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและต้องไม่เข้าข่าย “ชี้นำ” จนมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น นี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิรูปเพราะคือ “จุดเริ่มต้น” ของข้อมูลที่จะถูกนำไปใช้ต่อในอีกหลายรูปแบบ 
	กลุ่มที่สอง บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อบทวิเคราะห์มากขึ้น เนื่องจากความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และการติดตามข้อมูลของแต่ละกิจการอย่างใกล้ชิด แม้บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ทั้งมุมมอง วิธีประเมินมูลค่าและบทสรุป แต่การประเมินมูลค่าและคำแนะนำเพื่อซื้อ ขายหรือถือในบางบทวิเคราะห์นั้นอาจไม่สอดคล้องและไม่สมเหตุสมผลนัก  การปฏิรูปเพื่อเพิ่มคุณภาพของบทวิเคราะห์ให้ดียิ่งขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนและผู้นำไปใช้ต่อเพิ่มมากขึ้น
	กลุ่มที่สาม สื่อ นับว่ามีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดหุ้นไทย แม้ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ปรากฏเป็นข่าวมักมาจากแหล่งข้อมูลสองกลุ่มแรก แต่การเพิ่มสีสันในการนำเสนอ นอกจากทำให้น่าสนใจติดตาม ยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น แม้ข้อมูลส่วนใหญ่มีแหล่งที่มาแน่ชัด แต่ในกรณีที่มีความคลาดเคลื่อนในการนำเสนอและต้องปฏิเสธข่าวในเวลาต่อมา อาจมีความสับสนและเกิดความเสียหายในการตัดสินใจลงทุนได้ นี่คืออีกสิ่งที่ควรปฏิรูปเช่นกัน เพราะสื่อนั้นทำให้เกิดพฤติกรรมหมู่ได้ง่ายที่สุด
	กลุ่มที่สี่ นักลงทุน ในทุกตลาดหุ้นนั้นจะประกอบด้วยนักลงทุนหลายประเภท นักลงทุนทุกคนจึงต้องเข้าใจถึงความแตกต่างทั้งด้านเป้าหมาย วัตถุประสงค์ กลยุทธ์และวิธีการของนักลงทุนแต่ละประเภท หากคิดว่าตนไม่สามารถเอาตัวรอดจากการลงทุนได้ด้วยตัวเองแล้ว ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือ “การปฏิรูปตนเอง” ทั้งวิธีการและแนวทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าตนยังไม่เหมาะที่จะลงทุนด้วยตนเอง การลงทุนผ่านกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติผลตอบแทนดีก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน
	กลุ่มสุดท้าย หน่วยงานกำกับดูแล ตลาดทุนไทยนับว่ามีกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่มาตรฐานสากลยอมรับ มีการกล่าวโทษปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง การเพิ่มระดับความเข้มข้นและความรวดเร็วของการบังคับใช้และบทลงโทษจะทำให้เกิดความกลัวต่อการกระทำผิดมากขึ้น และจะช่วยเพิ่มมาตรฐานตลาดทุนไทยให้โดดเด่นเพิ่มขึ้นไปอีก
	องค์ประกอบที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างของผู้มีส่วนได้เสียในทุกตลาดหุ้น แม้องค์ประกอบในตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีมาตรฐานดีระดับหนึ่ง แต่การเปลี่ยนแปลงให้ดีเพิ่มขึ้นไปอีกนั้นย่อมดีกว่าการละเลยจนกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขยากขึ้น การมีธรรมาภิบาลที่ดีและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียจากทุกภาคส่วนจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ตลาดทุนไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุนทุกประเภทและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นอน… รักเธอ (ตลาดหุ้น) ประเทศไทย
[/size]



ตอบกลับโพส