โค้ด: เลือกทั้งหมด
ความขัดแย้งและการต่อสู้กันระหว่างรัฐบาลอิรักกับฝ่ายกบฏที่รุกคืบมาจากตอนเหนือของประเทศนั้น สามารถมองได้ว่าเป็นปัญหาเล็กหรือเป็นปัญหาใหญ่ในครั้งนี้ผมจะเขียนในเชิงของการมองว่าเป็นปัญหาเล็ก ไม่ต้องเป็นห่วงจนเกินไปและในครั้งต่อไปจะเขียนในมุมมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่จะกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจและความมั่นคงของโลก ทั้งนี้ ต้องขอออกตัวว่ามิได้เป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในด้านนี้แต่อย่างใด แต่พยายามเรียบเรียงข้อมูลและบทวิเคราะห์มาให้ผู้อ่านได้พิจารณาตัดสินใจ สำหรับผมนั้นเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและศึกษาเรื่องนี้ให้รู้เรื่องถ่องแท้กว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้
กลุ่มที่เป็นแกนนำต่อต้านรัฐบาลชีอะห์ (Shiite) ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีนูรี อัล มาลิกี (Nouri Al-Maliki) คือกลุ่มซุนนี (Sunni) หัวรุนแรงที่แตกมาจากกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ (al Qaeda) ที่สหรัฐพยายามปราบปรามในอัฟกานิสถานและแหล่งอื่นๆ ในตะวันออกกลางรวมทั้งการสังหารผู้นำสำคัญคือ โอซามา บิน ลาเดน ที่ปากีสถาน โดยกลุ่มซุนนีที่รวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลอิรักของนายกมาลิกีนั้นสามารถรุกคืบไปจนกระทั่งปัจจุบันยึดพื้นที่ตอนเหนือได้เกือบทั้งหมดและทัพหน้าอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น โดยกลุ่มซุนนีหัวรุนแรงที่กำลังได้รับความสนใจมากที่สุดคือ กลุ่ม Islamic State at Iraq and al-Sham หรือที่เรียกย่อๆ ว่า ISIS ทั้งนี้เพราะกลุ่มนี้นั้นมีความโหดเหี้ยมกว่าอัลกออิดะห์และมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างประเทศใหม่โดยให้มีอาณาเขตครอบคลุมภาคเหนือของประเทศซีเรียและประเทศอิรัก
เมื่อเห็นข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วทำไมจะมองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาเล็ก คำตอบคือ หากพิจารณาจากการตอบสนองของตลาดทุนและตลาดน้ำมันก็จะเห็นว่าผลกระทบในเชิงลบน้อยมากนับแต่เป็นข่าวมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว กล่าวคือ ราคาหุ้นทั่วโลกก็ไม่ได้ปรับลดลงและราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 4-5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเท่านั้น จึงอาจประเมินในเบื้องต้นได้ว่าปัญหานี้(ยัง)ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่และคนส่วนใหญ่ยังสนใจติดตามข่าวฟุตบอลโลก มากกว่าการสู้รบกันในอิรัก
ข้อเท็จจริงอื่นที่เกี่ยวข้องนั้นก็อาจทำให้มองได้ว่าเป็นปัญหาเล็ก เช่น
1. แม้ภาคเหนือของอิรักจะถูก ISIS ยึดครองเกือบทั้งหมดแต่บ่อน้ำมัน 85% ของอิรักนั้นอยู่ที่ภาคใต้ ดังนั้น การผลิตน้ำมันของอิรักจึงถูกกระทบน้อยมาก คือการผลิตน้ำมันของอิรักลดลงจากปกติจาก 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวันมาเป็น 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ ในภาคเหนือก็มีบ่อน้ำมันสำคัญซึ่งชนกลุ่มน้อยคือกลุ่มเคิร์ด (Kurd) สามารถยึดครองคืนมาได้และปกป้องน้ำมันดังกล่าวอยู่
2. กลุ่มชาวซุนนีต่างๆ ที่เป็นแนวร่วมกับ ISIS มีวัตถุประสงค์เพียงแต่จะยึดครองภาคเหนือของอิรักและซีเรีย ดังนั้น บ่อน้ำมันของอิรักที่อยู่ทางภาคใต้ก็ไม่น่าจะถูกกระทบแต่อย่างใด นอกจากนั้นฝ่ายนายกรัฐมนตรีมาลิกีก็กำลังรวบรวมกองทัพเพื่อตีกลับฝ่ายกบฏ ทั้งนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากผู้นำด้านศาสนาของชีอะห์ที่เรียกร้องให้ชีอะห์สมัครเป็นทหารเพื่อปกป้องประเทศโดยเฉพาะเพื่อปกป้องเมืองหลวงแบกแดดและคำเรียกร้องดังกล่าวก็ได้รับการตอบสนองที่ดี
3. กระทรวงกลาโหมสหรัฐสั่งการให้เรือบรรทุกเครื่องบิน George H W Bush และเรือรบอื่นๆ ของสหรัฐอีกหลายลำเข้าปฏิบัติการที่อ่าวเปอร์เซีย กล่าวคือสหรัฐได้ส่งกองทัพเรือเข้าไปเตรียมตัวให้ประธานาธิบดีโอบามาสามารถสั่งการให้โจมตีกบฏซุนนีได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่าเขามิได้ปิดทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในอิรัก แปลว่าสหรัฐอาจสั่งให้โจมตีกลุ่มกบฏซุนนีได้ทุกเมื่อ (โดยการยิงจรวดหรือใช้เครื่องบินโจมตีและทิ้งระเบิด แต่จะไม่มีการส่งทหารราบไปรบในประเทศอิรัก)
4. อิหร่านได้ส่งทหาร Revolutionary Guard ซึ่งเป็นทหารชั้นนำและมีความชำนาญการรบเข้าไปช่วยอิรัก ทั้งนี้ รายงานข่าวกล่าวว่าอิหร่านส่งทหารไปอย่างน้อย 3 กองพลเพื่อปกป้องกรุงแบกแดดและเมืองที่มีความสำคัญทางศาสนาของคนชีอะห์ คือเมือง Karbala และ Najaf ซึ่งก่อนหน้านี้ ISIS ขู่ว่าจะเข้ายึดครอง ทั้งนี้ ยังมีการคาดการณ์ด้วยว่าอาจเห็นสหรัฐและอิหร่านร่วมมือกันต่อสู้กับกบฏซุนนีในอิรัก แต่ตรงนี้คงเกิดขึ้นได้ยากเพราะสหรัฐกับอิหร่านเป็นศัตรูกันมานานกว่า 40 ปีแล้ว แต่ก็เป็นไปได้ว่ากลุ่มกบฏซุนนีจะถูกต่อต้านทั้งจากสหรัฐและอิหร่าน
จากข้อมูลเบื้องต้นนักวิเคราะห์ด้านพลังงานของเมอร์ริลลินซ์ได้ประเมินแนวทางที่เป็นไปได้ไว้ 5 แนวทาง แนวทางที่เป็นไปได้สูงสุดคือการสู้รบที่ยืดเยื้อ โดย ISIS ถูกตรึงให้ครอบครองเพียงตอนเหนือของอิรัก ทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย กล่าวคือน้ำมัน Brent อยู่ที่ราคา 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (เพิ่มจากสภาวะก่อนความขัดแย้งประมาณ 4%)