โค้ด: เลือกทั้งหมด
“อย่ามโน” เป็นศัพท์ที่ใช้กันค่อนข้างแพร่หลายในทุกวันนี้ มีความหมายในเชิงที่ว่า อย่ามโนภาพ หรืออย่าคิดไปเองโดยที่ความเป็นจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด
เราลองมาดูกันครับว่า การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น มีอะไรที่ควรใช้คำว่า “อย่ามโน” กันบ้าง
อย่ามโนว่า “ซื้อหุ้นตามเซียน แล้วจะรุ่ง”
นักลงทุนหลายๆ คนใช้แนวคิดในการลงทุนเช่นเดียวกับสุภาษิตที่ว่า “ตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด” ด้วยการซื้อหุ้นตามเซียน โดยให้เหตุผลว่า ซื้อหุ้นตามเซียนแล้วอุ่นใจ ปลอดภัย และมีโอกาสได้กำไรสูงๆ เพราะหุ้นที่เซียนซื้อ น่าจะการันตีได้ในระดับหนึ่งว่า ต้องเป็นหุ้นที่ดี เป็นหุ้นที่น่าลงทุน ไม่เช่นนั้นเซียนหุ้นคงไม่ควักเงินออกมาซื้อเป็นแน่
ในยุคข้อมูลข่าวสารท่วมท้นอย่างในปัจจุบันนี้ คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะเสาะหาข้อมูลว่านักลงทุนระดับเซียนหุ้นเขาลงทุนหุ้นตัวไหนบ้าง นอกจากจะสามารถสืบค้นจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่มากมายแล้ว บางทียังมีข้อมูลแบบปากต่อปากที่บอกกล่าวเล่ากันในกลุ่มก๊วนนักลงทุนเองด้วยว่า เซียนคนนั้นเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ เซียนคนนี้กำลังเก็บหุ้นตัวนั้น ส่วนจะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นข่าวลือ นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่งนะครับ
แต่ในการซื้อหุ้นตามเซียนนั้น สิ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเซียนหุ้นเขาตัดสินใจไม่ผิดในการเข้าซื้อหุ้นแต่ละครั้ง ต้องไม่ลืมสุภาษิตที่ว่า “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ดังนั้นแม้จะเป็นเซียนหุ้นก็มีสิทธิ์ผิดพลาดได้ และเราในฐานะผู้ซื้อหุ้นตามเซียนก็ย่อมมีโอกาสเสียหายหรือขาดทุนตามเซียนได้ด้วยเช่นกัน
หรือแม้ว่าเซียนหุ้นตัดสินใจไม่ผิดพลาดในการซื้อหุ้น แต่เราจะรู้หรือว่า หุ้นตัวนั้นมีดีตรงไหนอย่างไร ทำไมเซียนถึงได้เข้าไปซื้อ และเขาซื้อมาในราคาเท่าไหร่ อย่าลืมว่า ถ้าเขาซื้อตั้งแต่ตอนที่หุ้นมีราคาต่ำมากๆ เขาก็ย่อมมีความเสี่ยงต่ำกว่าคนอื่นๆ ที่แห่เข้าไปไล่ซื้อหุ้นตามเขาในภายหลัง
และนอกจากนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เซียนจะขายหุ้นเมื่อไหร่ และขายเพราะอะไร โดยปกติตอนที่เซียนหุ้นตัดสินใจขาย เขาคงไม่ป่าวประกาศให้เรารู้อย่างแน่นอน และที่สำคัญถ้าหากเขาขายหุ้นทิ้งเพราะเห็นว่าพื้นฐานของหุ้นแย่ลง หรือเพราะเห็นว่ามีปัจจัยบางอย่างกำลังจะก่อให้เกิดความเสียหายกับการลงทุนในหุ้นตัวนั้น กว่าที่เราจะรู้บางทีอาจสายเกินไปก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นการมโนว่า “ซื้อหุ้นตามเซียน แล้วจะรุ่ง” อาจไม่ทำให้การลงทุนของเรา “รุ่ง” อย่างที่คิด เผลอๆ นอกจากจะ “ไม่รุ่ง” แล้ว ยังอาจกลับกลายเป็น “รุ่งริ่ง” เสียด้วยซ้ำ
(ยังมีเรื่อง “อย่ามโน” ในการลงทุนอีกหลายประเด็น ผมขออนุญาตยกยอดไว้กล่าวถึงในบทความตอนต่อไปครับ)