อิทธิพลของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

อิทธิพลของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์”/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ โดย Thai VI Article » อังคาร ก.ย. 29, 2015 1:58 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    จากบทความก่อนหน้านี้ที่ผมกล่าวถึง “ฟิลลิป ฟิชเชอร์ – บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นการเติบโต” และวิธีหาข้อมูลในการลงทุนของเขาที่เรียกว่า “Scuttlebutt” หรือการ “สืบเสาะเจาะข้อมูลแบบรอบด้าน” ซึ่งได้บรรยายไว้ในหนังสือ “Common Stocks and Uncommon Profits” ของเขา  

    “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เป็นผู้หนึ่งที่ได้อ่านหนังสือเล่มดังกล่าวของ “ฟิชเชอร์” แล้วรู้สึกชื่นชอบกับแนวคิดของปรมาจารย์ผู้นี้ ต่อมา “บัฟเฟตต์” ได้มีโอกาสพบกับ “ฟิชเชอร์” เขาเล่าว่า “เมื่อผมได้พบเขา ผมประทับใจมากกับตัวตนและความคิดของเขา” และยังกล่าวยกย่องว่า “ความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งในธุรกิจ และการนำวิธีการของเขาไปใช้ จะทำให้การลงทุนเป็นไปอย่างชาญฉลาด”

    เป็นที่รู้กันดีว่า “บัฟเฟตต์” เป็นศิษย์เอกของ “เบนจามิน เกรแฮม – บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า” และลงทุนตามแนวของ “เกรแฮม” มาตลอด คือ เน้นลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงโดยไม่สนใจถึงคุณภาพของกิจการเท่าที่ควร แต่เมื่อเขาได้อ่านหนังสือและพบปะพูดคุยกับ “ฟิชเชอร์” เขาก็เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการในการลงทุน โดยนำแนวคิดของ “ฟิชเชอร์” ซึ่งมุ่งเน้นคุณภาพของกิจการมาประยุกต์ใช้ด้วย ครั้งหนึ่ง “บัฟเฟตต์” เคยบอกไว้ว่า การลงทุนของเขามีส่วนผสมของ “เบนจามิน เกรแฮม” 85 % และของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์” 15 % แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วน่าจะเป็น 50 % กับ 50 % มากกว่า เพียงแต่ “บัฟเฟตต์” อาจจะต้องการให้เกียรติแก่ “เกรแฮม” ผู้อาจารย์ที่เขาเคารพรัก

    กรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า “บัฟเฟตต์” ได้รับอิทธิพลจาก “ฟิชเชอร์” และนำวิธีการ “Scuttlebutt” มาปรับใช้ในการลงทุนของเขาได้แก่ กรณีของการซื้อหุ้น American Express ในช่วงที่บริษัทย่อยแห่งหนึ่งของ American Express เกิดปัญหา ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงต่ำเป็นประวัติการณ์ ช่วงนั้น “บัฟเฟตต์” ได้ “ลงพื้นที่” เพื่อไป “สืบเสาะเจาะข้อมูล” ด้วยตัวเองที่ร้านสเต็ก Ross’s Steak House ในโอมาฮา เขานั่งปักหลักอยู่หลังแคชเชียร์เพื่อคอยสังเกตพฤติกรรมในการชำระเงินของลูกค้า ซึ่งก็พบว่าลูกค้ายังคงใช้บัตร American Express ในการชำระค่าอาหารอยู่เช่นเดิม

    ไม่เพียงเท่านั้น “บัฟเฟตต์” ยังตรวจสอบข้อมูลจากธนาคารและเอเย่นต์ท่องเที่ยวในโอมาฮา ก็พบว่ายังคงจำหน่ายเช็คเดินทางของ American Express เขาเห็นว่าการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน American Express ยังเป็นที่นิยมในซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายยา นอกจากนี้เขายังได้พูดคุยสอบถามข้อมูลจากคู่แข่งของ American Express ด้วย เมื่อข้อมูลจากหลายๆ แหล่งออกมาตรงกันว่า ธุรกิจหลักของ American Express ไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวร้ายแต่อย่างใด “บัฟเฟตต์” จึงตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น American Express ไว้เป็นจำนวนมาก

    หรือในคราวที่ “บัฟเฟตต์” รู้สึกสนใจหุ้น Disney เขาก็ “ลงพื้นที่” ด้วยตัวเอง โดยเดินทางไปที่โรงภาพยนตร์ในไทม์สแควร์ เพื่อชมภาพยนตร์เรื่อง Mary Poppins ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ Disney ในเวลานั้น “บัฟเฟตต์” กวาดตามองทั่วโรงภาพยนตร์ แล้วก็พบว่า มีเขาเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ไม่ได้มากับเด็ก และเขายังสังเกตเห็นว่า เมื่อภาพยนตร์เริ่มฉายก็สามารถดึงดูดให้ผู้ชมทั้งโรงภาพยนตร์ใจจดใจจ่อกับภาพที่ปรากฏบนจอได้ตลอดทั้งเรื่อง หลังจากนั้น “บัฟเฟตต์” ยังได้เข้าพบและพูดคุยกับ “วอลต์ ดิสนีย์” ด้วยตัวเองที่โรงถ่าย Disney และรู้สึกประทับใจกับความกระตือรือร้นในการทำงานของ “ดิสนีย์” เป็นอย่างยิ่ง และตัดสินใจซื้อหุ้น Disney ในที่สุด

    นั่นก็คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากแนวความคิดการลงทุนของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์” ที่มีต่อ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” และมีส่วนทำให้เขาพัฒนาตัวเองจนก้าวไปสู่ความเป็น “สุดยอดนักลงทุนระดับโลก” มาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้
[/size]



ตอบกลับโพส