ใต้ร่มพระบารมี/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

ใต้ร่มพระบารมี/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ โดย Thai VI Article » อังคาร ต.ค. 17, 2017 4:25 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ดิฉันเขียนบทความนี้ในวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ในสมองไม่มีความคิดที่จะเขียนเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องของความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตราบนิจนิรันดร

    คุณธีรนุช ยอดนุ่น เขียนในเฟซบุ้คเมื่อปีที่แล้ว ว่าเคยไปหิมลัย และชื่นชมความสวยงามของภูเขามาก ได้คุยกับคนขับรถรับจ้างไม่ประจำทางชาวเนปาลว่า อิจฉาที่เขามีภูเขาที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่น ภูเขาหิมาลัย อยู่ในประเทศ และได้รับคำตอบจากคนขับรถว่า “แลกกันไหมครับ เอาภูเขาหิมาลัยไปไว้ที่ประเทศไทย และขอพระมหากษัตริย์ของของคนไทยมาไว้ที่แผ่นดินเนปาล” เมื่อถามว่า เขารู้จักพระองค์ท่านด้วยหรือ เขาตอบว่า “ผมไม่ได้รู้อะไรมาก รู้แค่ว่า ถ้าได้พระองค์ท่านมาอยู่ที่เนปาล คนเนปาลคงจะอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุข ถ้าคุณอยากได้หิมาลัย เอาหิมาลัยไปไว้เมืองไทย แล้วขอพระมหากษัตริย์ไทยให้ที่นี่”

    ประเทศไทยโชคดีที่พระองค์ทรงปกครองประเทศยาวนานถึง 70 ปี และพระองค์ทรงห่วงใยประชากรอย่างจริงใจ ทรงปรารถนาดีต่อลูกๆชาวไทยทุกคน ทรงอยากให้คนไทยเป็นคนดี

    เราช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ที่เกิดภายใต้ร่มพระบารมี

    ดิฉันจำได้ว่า ตอนเด็กๆ โรงเรียนจะพาไปชมภาพยนตร์สารคดี และพวกเราก็ได้ชมสารคดีพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ก่อนชมภาพบนตร์อื่นๆทุกครั้ง ได้ซึมซับ ได้เห็นความยากลำบากต่างๆ ในการเสด็จฯของพระองค์ท่าน และได้รับทราบ ถึงพระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลาที่เราโตขึ้น

    เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2540 พระองค์ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทและแนวทางเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งคนก็ยังไม่เข้าใจดีนัก ต่อมาเมื่อทรงขยายความ และผู้รู้ได้นำมาถ่ายทอดต่อ คนไทยจึงเข้าใจพระราชดำริ และแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขึ้น และปัจจุบันได้ถูกเผยแพร่และได้รับการยกย่องไปทั่วโลก

    ในวันที่ 20 ตุลาคม ปีที่แล้ว ผู้จัดทำรายการของไทยพีบีเอส มาสัมภาษณ์ว่า เคยได้รับแรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือไม่ ดิฉันตอบว่า ได้รับมากมาย แต่ครั้งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2540 แต่ละวันกว่าจะผ่านไปยาวนานมาก ลูกค้ามาขายคืนกองทุนทุกวัน สถาบันการเงินก็แทบจะไม่มีเงินให้เราถอน กว่าจะได้กลับบ้านก็เหนื่อยอ่อน และท้อ

    แต่แล้วนึกแวบขึ้นมาว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงงานมากมายมหาศาลกว่าเรามากนัก ทรงเหนื่อยพระวรกาย ทรงเหนื่อยพระหทัยเพียงใด แต่ไม่เคยทรงแสดงพระอาการเหนื่อยหรือท้อเลย เพราะหากพระองค์ทรงท้อถอย พสกนิกรอีก 60 กว่าล้านคน ก็อาจจะหมดกำลังใจที่จะทำงานต่อไปเพื่อประเทศชาติ ดังนั้น ความรับผิดชอบของเรา ทุกข์ของเรา คิดเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลี ของพระราชภารกิจของพระองค์ท่าน เราจึงไม่ควรท้อถอย เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็มีพลังสู้ต่อไป เพื่อเพื่อนร่วมงานที่เราดูแลอยู่และครอบครัวของเขา หลายร้อยชีวิต

    ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ดิฉันได้รับการร้องขอให้บรรยายเรื่อง “การจัดการการเงินภายใต้แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง“  ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดเป็นบทความสามตอนไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว และยืนยันว่า แนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้เกี่ยวกับการประหยัด อดออม และการลงทุนเพื่ออนาคตนั้น ใช้ได้ตลอดกาล ไม่มีการตกยุค

    ดิฉันตั้งปณิธานเขียนไว้บนใบโพธิ์ แขวนไว้ที่ต้นโพธิ์ “ทำดีถวายพ่อหลวง” ที่จัดในงานพืชสวนโลก ว่า “จะให้ความรู้ทางการเงินแก่คนไทย เพื่อให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”

    วันนี้จึงขอเน้นย้ำ หลักการออมและลงทุนเพื่อความมั่นคงของชีวิต สั้นๆ สี่ประการค่ะ

    1. ความสมดุลจะเกิดได้ รายรับต้องมากกว่ารายจ่าย

    ประเด็นคือ คนไทย ไม่ใช้หลักแห่งความสมดุลในการใช้ชีวิต ผู้มีรายได้สูง สามารถใช้จ่ายได้มาก ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อย ต้องพยายามใช้จ่ายให้สมกับฐานะ และใช้จ่ายอย่างประหยัด

    หลายครั้งที่ผู้ทำการตลาด ทำการตลาดโดยไม่คำนึงถึงจริยธรรม บางทีผู้ต้องการซื้ออาจจะไม่มีกำลังซื้อ การผลักดันสินค้า ควรจะผลักดันโดยคำนึงถึงความเหมาะสมด้วยค่ะ

    2. ในการเก็บออม ต้องทำให้เงินออมเพิ่มพูนด้วยการลงทุน

    ต้องไม่ลงทุนเกินตัว ต้องไม่โลภ ต้องไตร่ตรองว่า ผลตอบแทนที่เสนอมา สมเหตุสมผล มีความเป็นไปได้หรือไ่ม่ จะได้ไม่ถูกหลอกลวงด้วยกลโกงเดิมๆ คือ แชร์ลูกโซ่ หลอกเอาเงินไปใช้ แล้วหาคนเข้ามาเพิ่ม เพื่อเอาเงินของคนที่เข้ามาทีหลัง จ่ายให้คนที่เข้ามาก่อน

    3. ไม่โลภ และไม่เบียดเบียนผู้อื่น

    ความโลภเป็นกิเลส ทำให้จิตใจเศร้าหมอง อย่าทำให้ความสุขในการลงทุนต้องหายไปเพราะเราโลภ หรืออย่าหารายได้จากการเบียดเบียนผู้อื่น เพราะจะทำบาปค่ะ

    4. ต้องมีการสะสมทุนเพื่อความมั่นคงของของชีวิต

    อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่เราสามารถช่วยทำให้ตั้วเองสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ดีขึ้น หากเรามีเงินก้อนเอาไว้เผื่อยามฉุกเฉิน หรือมีการนำทุนไปลงทุน เพื่อเป็นแหล่งรายได้ในอนาคต
[/size]



ตอบกลับโพส