หุ้นปลิดชีวิต/วีระพงษ์ ธัม

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

หุ้นปลิดชีวิต/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ โดย Thai VI Article » เสาร์ ต.ค. 21, 2017 10:17 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ในการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น นักลงทุนจะใช้เวลาส่วนใหญ่มุ่งหา “หุ้นดี” ที่สามารถทำกำไรสูง ๆ เพื่อซื้อเข้าพอร์ต อย่างไรก็ดีประสบการณ์ผมพบว่าการพยายามเลี่ยง “หุ้นอันตราย” นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า เพราะนอกจากจะเสียทั้งเงิน เรายังเสียเวลาติดตาม เสียสุขภาพอีกด้วย และนี่คือลักษณะหุ้นปลิดชีวิตที่ผมพยายามระวังหรือหลีกเลี่ยง

    1. หุ้นผู้บริหารสีเทา การลงทุนนั้นเป็นกิจกรรมที่เราต้องพึ่งพาผู้บริหาร 100% ผู้บริหารที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง และผู้บริหารสีเทาก็สร้างปัญหามากกว่าที่เราคิดมาก ศิลปะในการดูผู้บริหารนั้นถูกพูดถึงอยู่ในบทความมากมายหลายครั้ง แต่ผมขอเอาจากงานวิจัยจากหนังสือเลี้ยงลูกเล่มหนึ่งที่ชื่อ How Children Succeed ที่พูดว่าเด็กที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตสูง ต้องมีคุณสมบัติเด่น 7 ข้อ คือ มีความมุ่งมั่น รู้จักควบคุมตนเองรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ มีความกระตือรือร้น รู้จักเข้าหาสังคม มีความกตัญญูยึดในความดี มองโลกในแง่บวก มีความสงสัยใครรู้และชอบค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งผู้บริหารที่ดีก็น่าจะมีลักษณะนี้เช่นเดียวกัน และบทสรุปหนึ่งที่ใช้ได้เสมอคือผู้บริหารที่ดีควรจริงจังกับธุรกิจมากกว่าตลาดหุ้น

    2. หุ้นหนี้สูงท่วมหัว ในตำราการเงิน การก่อหนี้ให้ผลที่ดีเสมอในเชิงตัวเลข ให้ผลลัพท์ที่นักลงทุนชอบ คือเพิ่มกำไรได้ง่าย เพิ่มอัตราส่วนทางการเงินให้ดูสวยงาม แต่หุ้นที่มีหนี้จำนวนมาก คือหุ้นที่เราควรจะหลีกเลี่ยงถ้าไม่จำเป็น บริษัทคุณภาพดีจำนวนไม่น้อยก็ประสบปัญหาล้มละลายเพราะหนี้ ในเวลาทุกอย่างดูดี เจ้าหนี้จะยุ่งกับธุรกิจไม่บ่อยนัก แต่พอทุกสิ่งเข้าสู่ช่วงยากลำบาก เจ้าหนี้เริ่มตั้งข้อสงสัยและจะดึงเงินกลับอย่างรวดเร็ว วิกฤตทั้งภาพเศรษฐกิจจนถึงตัวบริษัทส่วนมากมักเกิดจากเรื่องสภาพคล่องและหนี้ ล่าสุดวิกฤตตั๋ว BE ในปีนี้ก็ทำให้หุ้นหลายตัวเป็นหุ้นปลิดชีวิตไปทีเดียว

    3. หุ้นล้าสมัย ธุรกิจในยุคนี้ ความล้าสมัยไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจเติบโตไม่ได้ แต่อาจจะทำให้ธุรกิจล้มหายไปเลย เพราะการแข่งขันที่ค่อนข้าง “ข้ามสนาม” สมัยก่อนธุรกิจจะแยกกันทำมาหากิน แต่สมัยนี้ธุรกิจใหญ่ ๆ หรือสินค้าหลาย ๆ อย่างจะเป็นลักษณะกินรวบมากขึ้น หุ้นล้าสมัยมีลักษณะหนึ่งที่คล้ายกันคือ ลูกค้าใหม่ไม่ปรากฏ คนใช้อยู่มักใช้มานาน และเป็นกลุ่มคนสูงอายุ หุ้นลักษณะนี้จะค่อย ๆ ปลิดชีวิตเราอย่างช้า ๆ ผลประกอบการจะทรงและทรุด จนถึงวันที่บริษัทกลายเป็นหุ้นถูกเรื้อรัง

    4. หุ้นบินก่อนผ่อนที่หลัง หุ้นที่ธุรกิจสบายในวันนี้แต่จะยากในอนาคตเป็นหุ้นที่ควรจะระวัง เช่นธุรกิจที่เลียนแบบได้ง่าย คนทำคนแรกก็จะสบายก่อนและจะลำบากในภายหลังเมื่อคู่แข่งเข้ามาใหม่ หุ้นที่หลาย ๆ อย่างดูดี เติบโตสูงต้องระวังว่าอนาคตจะดียั่งยืนแบบนี้ได้ต่อไปหรือไม่ เหมือนกับคำพูดที่ว่าแชมป์เป็นง่ายแต่รักษาแชมป์ยากกว่า หรือ ธุรกิจวัฏจักรหรือหุ้นโภคภัณฑ์ในวันที่ทุกอย่างสวยหรูคือหุ้นที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากเมื่อวงจรขาลงมาถึง หุ้นประมูล หุ้นโครงการก็มีโอกาสเข้าข่ายลักษณะนี้ถ้าแข่งขันกันสูง หรือธุรกิจมุ่งแต่จะคว้างาน ผลสุดท้ายธุรกิจได้งานจำนวนมาก แต่ไม่สร้างกำไร ธุรกิจที่ดีควรจะลำบากในวันนี้ แต่ “สบายสุด ๆ” อย่างถาวรในอนาคต

    5. หุ้นอริเทคโนโลยี เพื่อนที่จำเป็นที่สุดในยุคนี้ของธุรกิจ น่าจะชื่อว่า “เทคโนโลยี” ธุรกิจไหนที่นำเทคโนโลยีมาใช้ได้ดีที่สุดคือผู้ชนะ ยุคนี้คำว่า Disruptive Technology หรือเทคโนโลยีที่ทำลายล้างนั้นถูกพูดถึงบ่อย แต่ถ้าสังเกตจะพบว่าเทคโนโลยีประจำวันที่เราใช้อยู่ปัจจุบันนั้นล้วนทำลายล้างสิ่งเก่า ๆ ทั้งสิ้น หุ้นที่ต่อต้านเทคโนโลยี ส่วนมากจะมีจุดจบที่ไม่ดี ดังนั้นเทคโนโลยีนอกจากต้องไม่เป็นภัยต่อ สินค้า ธุรกิจ กระบวนการ เครื่องจักร ของบริษัท แต่บริษัทต้องมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดีกว่าคู่แข่ง เทคโนโลยีคือโอกาสและความเสี่ยงที่สุดอย่างหนึ่งของโลกธุรกิจยุคนี้

    6. หุ้นเบี้ยล่าง บ่อยครั้งนักลงทุนมักให้ราคากับหุ้นที่เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำเนื่องจากหุ้นผู้ตามมีขนาดเล็กกว่า การเติบโตจึงมีโอกาสสูงกว่า หุ้นเบี้ยล่างมักมีขนาด Market Cap ไม่ใหญ่ นักลงทุนก็หวังให้กำไรเติบโตก้าวกระโดดได้เป็นรายไตรมาส หุ้นเหล่านี้ในสนามธุรกิจเป็นเบี้ย แต่ราคาหุ้นเหมือนเป็นขุน ธุรกิจที่แข่งขันกันหนัก ๆ เราจะรู้ว่าไม่ใช่ง่ายที่ธุรกิจเล็กกว่าจะแข่งขันชนะธุรกิจใหญ่กว่าได้ หุ้นเบี้ยล่างที่สำเร็จได้ต้องไม่ถูกธุรกิจใหญ่บีบให้อยู่ในเกมการแข่งขัน แต่ต้องสามารถ “หนี” ไปทำในสิ่งที่ธุรกิจใหญ่ ๆ ทำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนในกระดานหมากรุก คือเบี้ยมักจะตายก่อน

    7. หุ้นพึ่งคนอื่น หุ้นอะไรก็ตามที่ต้องพึ่งปัจจัยบางอย่างโดยไม่สามารถควบคุมได้ย่อมมีเหตุให้เกิดเหตุการณ์ที่ “ที่พักพิง” นั้นหายไป แม้ว่าธุรกิจทุกธุรกิจย่อมต้องพึ่งพาคนอื่น แต่จุดสำคัญคือ ธุรกิจที่มี “ทางเลือก” ในการพึ่งคนหลาย ๆ คนย่อมได้เปรียบกว่า ตัวอย่างเช่น ลูกค้ามีพันคน ย่อมปลอดภัยกว่าลูกค้าไม่กี่คน มี Supplier หลายรายย่อมปลอดภัยกว่ามีรายเดียว พึ่งพาใบอนุญาตเพียงใบเดียวที่ออกจากรัฐ ย่อมเสี่ยงกว่าที่ไม่ต้องพึ่งพาใบอนุญาตอะไรเลย

    8. หุ้นเด่นราคาฟ้าประทาน ไม่ว่าหุ้นจะดีขนาดไหน การซื้อหุ้นในราคาแพงย่อมทำให้ผลตอบแทนเงินลงทุนเราแย่ลง หุ้นกลุ่มนี้มักจะมี Story ที่ยอดเยี่ยม ราคาหุ้นขึ้นมาตลอด มีคนพูดถึงจำนวนมาก ยิ่งหุ้นขึ้นรุนแรงเท่าไหร่ ยิ่งมีความเสี่ยงเท่านั้น หุ้นเบื่อไม่เคยปลิดชีวิต สิ่งที่หวือหวาต่างหากที่อันตราย
[/size]



ตอบกลับโพส