มันมีบางอย่างข้างหลังตัวเลข/คนขายของ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

มันมีบางอย่างข้างหลังตัวเลข/คนขายของ

โพสต์ โดย Thai VI Article » อังคาร ส.ค. 21, 2012 10:02 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

มันมีบางอย่างข้างหลังตัวเลขโดย คนขายของ

วิธีหนึ่งที่ผมมักใช้ในการหากิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน  (Durable Competitive Advantage หรือเรียกย่อๆว่า DCA)  ก็คือการเปรียบเทียบตัวเลข  Net Profit Margin (NPM)  ของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน  โดยมากบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนมักจะมีตัวเลข NPM สูงกว่าคู่แข่ง  เพราะว่าตัวเลข NPM ที่สูงกว่าแสดงถึงการควบคุมต้นทุนที่ดีกว่าการบริหารต้นทุนการเงินที่ดีกว่า   การควบคุมสินค้าคงคลังที่ดีกว่า   มี Business Model ที่เหนือกว่า  และอื่นๆอีกมากมาย  ผมขอยกตัวอย่างในอดีตดังนี้


กรณีที่ 1  บริษัทที่ผลิตกระเบื้องเป็นหลักในเมืองไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เมือสี่ปีก่อนมีอยู่สี่บริษัท  เป็นที่น่าสังเกตุว่าตัวเลข NPM ของบริษัทกระเบื้องส่วนใหญ่ขาดทุนหมดในปี 2551  แต่มีอยู่บริษัทหนึ่งที่สามารถทำ NPM ได้ถึง 13% ในปีนั้น  ตัวเลขนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมากทำให้ผมทำการศึกษาต่อว่า

เพราะเหตุใดในขณะที่คนอื่นขาดทุนหมด  แต่บริษัทนี้กลับทำ NPM ได้ถึง 13%  อย่างนี้แสดงว่าต้องมีดี  และก็เป็นจริงดังคาด  จากการศึกษา Business Model ของบริษัทนี้ผมพบว่าแทนที่บริษัทจะมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่เหมือนเจ้าอื่นๆ  เขากลับสร้างร้านจำหน่ายสินค้าของเขาเอง  ซึ่งแต่ละร้านที่เขาเปิดใช้เงินลงทุนไม่มาก  ไม่ติดแอร์ แต่ใช้ระบบ IT เข้ามาจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

การขายผ่านหน้าร้านของบริษัทเองทำให้บริษัทไม่ต้องให้เครดิต  มาร์จิ้นไม่ถูกกดเหมือนการขายผ่านช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในระดับสูง  และสามารถจ่ายปันผลได้  ในขณะที่ตอนนั้นผู้คนในตลาดไม่มีใครสนใจธุรกิจกระเบื้องเพราะเหมาเอาหมดว่าเป็นธุรกิจตะวันตกดิน  ต้นทุนเราไม่สามารถแข่งขันกับจีนได้ กระเบื้องจีนต่อไปจะเข้ามาตีตลาด  แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นมาไม่กี่ปี บริษัทนี้กลับได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ใน SET50 Index 


กรณีที่ 2  ธุรกิจรับเงินสดเป็นธุรกิจที่ผมชอบมานานแล้ว  เพราะผมเคยเป็นพนักงานขายทำให้รู้ว่า  ขายของได้ยังไม่นับว่าเก่ง  ถ้าเก่งจริงต้องเก็บเงินให้ได้ด้วย  และรู้ดีว่าขั้นตอนการทวงเงินนั้นมันยุ่งยากขนาดไหน 

ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารจึงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ผมติดตามอยู่เสมอ  ผมเคยทำการวิเคราะห์ NPM ของร้านอาหารของไทย  ของเอเซีย  และร้านที่มีเครือข่ายระดับโลกที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์  และพบว่า NPM ส่วนใหญ่จะประมาณ 10%  หรือต่ำกว่า  แต่กลับมีบริษัทหนึ่งซึ่งเป็นร้านอาหารแบบทานด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก  กลับทำNPM ได้เกือบ 20% ติดต่อกันมานานหลายปี  เขาทำได้อย่างไร  ทำไมไม่มีใครทำได้  อย่างนี้มันต้องมีสิ่งที่เรียกว่า DCA อย่างแน่นอน  หลังจากที่ศึกษา Business Model ของบริษัทนี้ผมพบว่า  จริงๆแล้วเขาไม่ได้ขายอาหารแต่อย่างเดียวแต่ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แฝงตัวอยู่ในนั้นด้วย  ทั้งนี้เป็นเพราะว่า  เมื่อหลายสิบปีมาแล้วตอนที่บริษัทเริ่มขยายแฟรนไชส์ร้านในอเมริกา  ผู้ซื้อแฟรนไชส์ประสบปัญหาไม่สามารถหาทำเลดีๆในการทำร้านอาหาร  หรือไม่ก็ไม่มีเงินพอที่จะลงทุนสร้างร้าน  ทำให้บริษัทแม่ต้องเข้ามาเป็นผู้จัดหาร้านให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์  โดยบริษัทแม่จะเก็บค่าเช่าร้านคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายหรือไม่ก็เช่าช่วงมาแล้วมาปล่อยต่อให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์  เมื่อเวลาผ่านไปอสังหาเหล่านั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากมาย  ธุรกิจอาหารก็ได้รับความนิยม  ยอดขายเพิ่มขึ้นมากมายทำให้ค่าเช่าก็เพิ่มขึ้นด้วย

หน่ำซ้ำบริษัทแม่ยังสามารถทำการซื้อขายอสังหาเหล่านั้นได้อีก  บริษัทอื่นที่มาทีหลังหากต้องการทำธุรกิจร้านอาหารด้วย Business Model เดียวกันนี้คงทำได้ยากเพราะต้นทุนของธุรกิจอสังหาจะสู้ผู้ที่มาก่อนไม่ได้เนื่องจากเงินเฟ้อทำให้ค่าก่อสร้างและต้นทุนสัญญาเช่าที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี


ในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยมากจะเป็นการถือหุ้นในระยะยาวกว่าค่าเฉลี่ยของคนในตลาด 

นักลงทุนควรให้ความสำคัญต่อธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนซึ่งมีความหมายมากกว่าการให้ความสำคัญต่อตัวเลขอัตราส่วนทางการเงิน  เพราะในการถือหุ้นระยะยาวเราคงหลีกเลี่ยงการถือหุ้นฝ่าวิกฤตได้ยาก  ในวิกฤตเราจะเห็นว่ามีบริษัท PE < 5 PBV < 1 ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นที่ราคาถูก  แต่กลับต้องปิดกิจการลง  แต่หุ้นที่มี DCA นั้นสามารถฝ่าวิกฤตไปได้  และมีอยู่หลายครั้งที่ราคาจะขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อวิกฤตผ่านพ้นไป
[/size]



ภาพประจำตัวสมาชิก
คนขายของ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2004 9:48 am

Re: มันมีบางอย่างข้างหลังตัวเลข/คนขายของ

โพสต์ โดย คนขายของ » พุธ ส.ค. 22, 2012 8:43 pm

ขอขอบคุณพี่ๆน้องๆทุกคน ที่แวะเวียนมาอ่านกัน หากผมเขียนอะไรผิดพลาดไป ต้องขออภัย ยินดีหากท่านมีข้อท้วงติงใด และถ้ามีคอมเม้นท์อะไรก็แชร์ได้เต็มที่นะครับ



ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhichange
User
กระทู้: 1160
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm

Re: มันมีบางอย่างข้างหลังตัวเลข/คนขายของ

โพสต์ โดย Linzhichange » พฤหัสฯ. ส.ค. 23, 2012 9:37 am

ขอบคุณครับ เยี่ยมเลยครับ

ไม่รู้พี่พอมีข้อมูลรึเปล่าว่า ธุรกิจอย่างธุรกิจอาหาร ที่มี DCA มันไปส่งผลกับ GPM หรือ NPM มากกว่ากันครับ



ภาพประจำตัวสมาชิก
คนขายของ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 698
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2004 9:48 am

Re: มันมีบางอย่างข้างหลังตัวเลข/คนขายของ

โพสต์ โดย คนขายของ » พฤหัสฯ. ส.ค. 23, 2012 10:35 am

[quote="Linzhi"]ไม่รู้พี่พอมีข้อมูลรึเปล่าว่า ธุรกิจอย่างธุรกิจอาหาร ที่มี DCA มันไปส่งผลกับ GPM หรือ NPM มากกว่ากันครับ[/quote]

ขอบคุณสำหรับคำถามครับหลิน ผมเองยังไม่มีข้อมูลพอที่จะยืนยันว่า DCA ของร้านอาหารจะส่งถึง Gross หรือ Net Margin มากกว่ากัน

แต่ถ้าให้พูดจากความเห็นส่วนตัว สำหรับในกรณี business model ของร้านเบอร์เกอร์ระดับโลกแล้ว มีผลต่อ NPM มากกว่าครับ

เท่าที่ผมได้ดูมาถ้าพิจารณาจาก Gross Margin เป็นหลัก GPM ของเบอร์เกอร์จัดว่าอยู่ในระดับดีมากแต่ยังไม่สามารถทิ้งห่างอย่างเหนือชั้นได้

แต่หากพิจารณาจาก NPM แล้วตอนนี้ยังไม่มีใครเทียบได้ครับ

แต่ทั้งนี้สำหรับในกรณีอื่นเช่น มีธุรกิจร้านอาหารที่มี DCA ในเรื่องการให้แฟรนไชส์ซี่ซื้อวัตถุดิบโดยตรงจาก qualified suppliers โดยมีกระบวนการที่เทพมาก

สำหรับในกรณีนี้ DCA อาจมีผลต่อ GPM มากกว่า เพราะ DCAนี้มีผลโดยตรงต่อในเรื่องของ Cost of Goods Sold ของบริษัทแม่

สำหรับ NPM ก็คงมีผลด้วยเพราะอยู่ปลายน้ำ แต่คงไม่มี impact เท่า



ตอบกลับโพส