แก่ ใจดี สปอร์ต กทม. ไม่ช็อต/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

แก่ ใจดี สปอร์ต กทม. ไม่ช็อต/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ โดย Thai VI Article » พฤหัสฯ. พ.ย. 08, 2012 10:36 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

	“แก่ ใจดี สปอร์ต กทม. ไม่ซ๊อต” กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ชั่วเวลาข้ามคืนทางสังคมออนไลน์  วลีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาระหว่างชายสูงอายุและสาวงามผู้หนึ่ง ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ในโลกโซเซียลมีเดียอันทรงพลังในการกระจายข้อมูลข่าวสาร เช่นเดียวกับกรณี “เรื่องนี้.. ถึงคุณครูอังคณาแน่” เมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ แม้ไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็เป็นกระแสที่สื่อและวงสนทนานำมาพูดคุยกันอย่างกว้างขวางในสัปดาห์ที่ผ่านมา
	หากพิจารณาคุณลักษณะในวลีดังกล่าว ชายสูงอายุผู้นี้มีโอกาสที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก ดังนี้
	“แก่” หมายถึง “ผู้สูงอายุ” ซึ่งก็คือ “ผู้มากด้วยประสบการณ์” นั่นเอง นักลงทุนที่มีประสบการณ์ผ่านทุกสภาวะตลาดทั้งยามเป็นกระทิงเปลี่ยว เป็นหมีที่ดุร้าย หรือเพียงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จะได้เปรียบเรื่องการควบคุมสภาพจิตใจ การใช้เหตุผลเหนืออารมณ์ นักลงทุนที่เก่งจะมีจุดเด่นเรื่อง “จิตวิทยาการลงทุน” อย่างมาก คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มลงทุนคือ การเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตของตนและของผู้อื่นเพื่อพัฒนาแนวทางการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น
	“ใจดี” นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักมีจิตใจดี แบ่งปัน ข้อมูล แนวความคิดของตน “ด้วยเจตนาบริสุทธิ์” การแลกเปลี่ยนมุมมองคือ การทดสอบวิธีวิเคราะห์การลงทุนของตนอย่างดีเพราะบ่อยครั้งจะพบประเด็นสำคัญที่ไม่เคยคำนึงถึง นักลงทุนที่จิตใจดีมักแบ่งเวลาช่วยแนะนำคนรอบข้างในการวางแผนการเงินส่วนบุคคลให้มีทัศนคติที่ถูกต้องเพื่อการออมในระยะยาวสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความสุขและสบายใจกับการลงทุนโดยไม่ต้องกังวลกับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นมากเกินไป
	“สปอร์ต” คือ ใจกว้าง ใจใหญ่และพร้อมกล้าตัดสินใจลงทุนในปริมาณมาก นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องมั่นใจหรือ “สปอร์ต” เมื่อพบกิจการที่ยอดเยี่ยม มีศักยภาพแข่งขันระยะยาว มีผู้บริหารเก่ง ในราคายุติธรรมหรือมีส่วนต่างความปลอดภัย (Margin of Safety) การเข้าซื้อหุ้นปริมาณมากในราคาเหมาะสมจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดีเมื่อราคาหุ้นปรับสูงขึ้น ส่วนการทยอยเข้าซื้อหุ้นจะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นและได้ผลตอบแทนในอัตราที่ต่ำกว่า
	“กทม.” คือเมืองหลวงซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจและตลาดทุน เทคโนโลยีช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูล นักลงทุนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพสามารถใช้สื่ออินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ รวมถึงการถ่ายทอดสดโครงการ Opportunity Day เป็นแหล่งข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน จะมีเพียง “กิจกรรมเยี่ยมชมกิจการ” เท่านั้นที่นักลงทุนในกทม. ได้รับความสะดวกมากกว่า
	“ไม่ซ๊อต” การ “ซ๊อตเซล” คือการยืมหุ้นเพื่อนำไปขายก่อนแล้วซื้อคืนภายหลัง ส่วนการซื้อหุ้นด้วย “มาร์จิ้น”   คือการกู้เงินมาซื้อหุ้นโดยชำระเงินคืนให้ภายหลัง ธุรกรรมทั้งสองคือการทำธุรกรรมนอกเหนือจากอำนาจที่ตนมีโดยยอมชำระดอกเบี้ยในการกู้ยืม แม้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นใน แต่อาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคนเพราะต้องใช้ความรู้ ความถนัด ความเชี่ยวชาญและจิตวิทยาเฉพาะด้าน นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงจึง “ไม่ซ๊อตเซล”หรือ “ไม่ใช้มาร์จิ้น” ในแนวทางการลงทุนของตน
	การนำลักษณะของชายสูงอายุมาเปรียบเป็นนักลงทุนเป็นตัวอย่างการมองโลกในแง่ดี ส่วนคำกล่าวที่ว่า “สนามหญ้าบ้านคนอื่นมักจะเขียวและสวยกว่าสนามหญ้าของตน (The Grass is always greener on the other side)” หรือ “หุ้นที่คนอื่นซื้อหรือถือมักจะดีกว่าหุ้นของตน” ล้วนเป็นการไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่และมองโลกในแง่ร้ายเกินไป คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างมีความสุขคือ หนึ่ง หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุนกับผู้อื่น สอง ศึกษาและพิจารณาหุ้นทั้งคุณภาพและราคาอย่างดีก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน
	ในฐานะ Value Investor  ต้องนำข้อดี จุดแข็ง ความรู้ ประสบการณ์ของตนมาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลาเพื่อประโยชน์สูงสุดในการลงทุน และต้องพอใจกับผลตอบแทนที่ได้หากใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มความสามารถ ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่นักลงทุนเน้นคุณค่าต้องการคือ อิสรภาพทางการเงิน มีความสุขผลตอบแทนและความมั่งคั่งที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง
[/size]



ตอบกลับโพส