โค้ด: เลือกทั้งหมด
บทความ Value Way กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555
โดย ประภาคาร ภราดรภิบาล
เซียนหุ้น “ตกรถ”
เคยไหมครับที่บางครั้งเรามองข้ามศักยภาพ หรือประเมินค่าหุ้นบางตัวต่ำเกินไป จึงไม่ได้สนใจเข้าซื้อตั้งแต่ตอนที่ราคายังไม่สูง ภายหลังเมื่อมาพบว่าหุ้นตัวนั้นน่าสนใจลงทุน ราคาของหุ้นก็วิ่งหนีไปไกลเสียแล้ว หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือ รู้อยู่แล้วว่าหุ้นตัวนั้นน่าสนใจลงทุน แต่ยังจดๆจ้องๆ รอให้ราคาหุ้นลดต่ำลงมาก่อนแล้วจึงค่อยเข้าไปซื้อ ซึ่งก็ปรากฏว่า นอกจากราคาหุ้นจะไม่ยอมลดลงมาให้ซื้อแล้ว ยังวิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนซื้อไม่ลง สถานการณ์เช่นนี้ภาษาชาวหุ้นเรียกกันว่า “ตกรถ” ครับ
วันนี้ผมจะหยิบยกเรื่องการ “ตกรถ” หรือการพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการลงทุนของ “เซียนหุ้นรุ่นใหญ่” มาเล่าสู่กันฟังครับ
“วอร์เรน บัฟเฟตต์” เคยเขียนถึงการพลาดโอกาสดีๆในการลงทุนของเขาไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท เบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์ ที่เขาเป็นทั้งผู้บริหารและผู้ถือหุ้นว่า “ข้อผิดพลาดอันเลวร้ายของผมบางอย่างอาจไม่ค่อยมีคนรับรู้ ก็คือการที่มีหุ้นและธุรกิจผ่านเข้ามา ซึ่งผมมีความเข้าใจมันดีแต่กลับไม่ได้ซื้อไว้ มันเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ถ้าหากเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในเรื่องที่เราไม่ถนัด แต่ผมได้มองข้ามการซื้อครั้งใหญ่ไปสองสามครั้ง ซึ่งใส่พานมาให้ผมเป็นอย่างดี และทั้งที่ผมมีความเข้าใจเป็นอย่างดี ต้นทุนความผิดพลาดครั้งนี้ถือว่าสูงมากสำหรับผู้ถือหุ้นของเบิร์กไชร์ซึ่งมีผมเป็นส่วนหนึ่งด้วย”
“ปีเตอร์ ลินซ์” ก็เป็นเซียนหุ้นอีกผู้หนึ่งที่ “ตกรถ” มานับครั้งไม่ถ้วน เขาสารภาพว่า “เรื่องของการละเลยโอกาสดีๆในการลงทุนนั้น ผมโชกโชนไม่แพ้คนอื่น ครั้งหนึ่งผมได้ไปยืนอยู่บนสนามกอล์ฟ Pebble Beach ซึ่งเป็นหุ้น Asset Play ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษ โดยที่ผมไม่ได้รู้สึกเอะใจที่จะสอบถามว่ามันเป็นบริษัทมหาชนหรือเปล่า เพราะผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับการสอบถามระยะห่างระหว่างหลุมกอล์ฟ”
หุ้นอีกตัวหนึ่งที่ “ปีเตอร์ ลินซ์” พลาดโอกาสในการลงทุนก็คือ Clearly Canadian บริษัทผลิตน้ำอัดลมที่ลูกสาวของเขาชื่นชอบ “ลินซ์” เล่าว่าในตู้เย็นที่บ้านของเขาเต็มไปด้วยขวดของน้ำอัดลมยี่ห้อนี้ และที่สำคัญก็คือ ลูกสาวเคยถามเขาว่า Clearly Canadian เป็นบริษัทจดทะเบียนหรือเปล่า แต่เขากลับไม่ได้ไปหาข้อมูลต่อ ซึ่งตอนนั้น Clearly Canadian เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แคนาดา “ลินซ์” สารภาพว่า “การที่ผมไม่ได้หาข้อมูลต่อนับเป็นความโชคร้ายอย่างยิ่ง เนื่องจากหลังจากที่ Clearly Canadian เข้าจดทะเบียนในปี 1991 ราคาหุ้นก็ได้เพิ่มขึ้นจาก 3 ดอลล่าร์ไปเป็น 26.75 ดอลล่าร์ หรือเพิ่มเป็นเกือบๆ 9 เท่าภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี”
“ลินซ์” ยังเล่าต่ออีกว่า ในปี 1997 เขาพลาดการลงทุนในหุ้น Amazon เพราะเห็นว่ามันเป็นธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ ไม่ใช่การซื้อขายสินค้าตามห้างสรรพสินค้าอย่างที่เขาคุ้นเคย และในตอนนั้นเขายังไม่ได้ตระหนักถึงการเติบโตของธุรกิจซื้อขายแบบออนไลน์ เขาบอกว่า “ถ้าผมพยายามทำการวิเคราะห์ ผมคงได้เห็นตลาดขนาดมหึมาของการช็อปปิ้งในรูปแบบนี้ และคงได้เห็นศักยภาพของ Amazon แต่ผมก็ไม่ได้ลงมือทำ ระหว่างนั้นหุ้น Amazon พุ่งขึ้นไปถึง 10 เท่าตัวภายในปี 1998 เพียงปีเดียว”
การพลาดโอกาสในการซื้อหุ้นหรือการ “ตกรถ” นั้น อาจทำให้นักลงทุนบางคนเกิดความรู้สึกเสียดาย แต่อย่าลืมว่า ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ บางทีหุ้นที่เราพลาดโอกาสหรือ “ตกรถ” ไปในวันนี้ อาจจะ “ถอยกลับมารับ” เราในวันข้างหน้าก็ได้ ถ้าเพียงเรารู้จักอดทนและรอคอย
แต่ถึงแม้ว่าหุ้นเหล่านั้นจะไม่ถอยกลับมาให้เราซื้อ ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในการลงทุน เพราะในตลาดหุ้นนั้นยังมีหุ้นอีกมากมายให้เลือกลงทุน อาจจะมีโอกาสดีซุกซ่อนอยู่อีกก็ได้ถ้ารู้จักค้นหาดูให้ดี เราอาจตกรถคันหนึ่ง แต่ก็ยังมีรถคันอื่นๆอีกหลายคันให้เราขึ้นได้อีก เหมือนอย่างกรณีของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” และ “ปีเตอร์ ลินซ์” ที่ผมยกมาเป็นตัวอย่าง แม้เขาจะพลาดโอกาสสำคัญในการลงทุนไปบ้างในบางครั้ง แต่พวกเขาก็ยังพยายามที่จะมองหาโอกาสดีๆครั้งต่อไป นั่นจึงทำให้พวกเขาสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการลงทุน
แม้โอกาสดีๆอาจจะมีไม่บ่อยครั้ง แต่การที่เราพลาดมันไป ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตของเราจะ “ล้มเหลว” ตราบใดที่เราไม่ยอม “ล้มเลิก” และไม่ “ละความพยายาม” เราย่อมจะพบกับโอกาสใหม่ๆได้เสมอ