โค้ด: เลือกทั้งหมด
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายของกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีดีพีที่เติบโตลดลงของประเทศจีน แต่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยใน 11 เดือนแรกของปี 2555 ยังเพิ่มขึ้นถึงกว่า 29% นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 69% กลุ่มพาณิชย์ 60% กลุ่มไอซีที 47% กลุ่มขนส่ง 45% กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ 42% และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 35% ถือว่าเป็นปีทองปีหนึ่งของตลาดหุ้นไทยเลยทีเดียว ทั้งนี้เพราะมี “แรงเงิน” เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากนั่นเอง
มีหลายปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมอยู่ในระดับน่าพอใจ พร้อมกับความคาดหวังในการเติบโตของบริษัทในอนาคต นักลงทุนต่างชาติจึงเชื่อมั่นและใช้เงินซื้อสุทธิถึงกว่า 53,000 ล้านบาท หากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ได้เพราะยังมี “แรงเงิน” พร้อมลงทุนจากข้อสังเกตต่อไปนี้
หนึ่ง มี “แรงเงิน” หมื่นล้านบาทภายในสิ้นเดือนนี้ที่พร้อมลงทุนในกองทุนระยะยาวและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (LTF/RMF) เพื่อสิทธิลดหย่อนภาษีของผู้มีเงินได้ อย่างไรก็ตาม อาจมีการไถ่ถอนเงินลงทุนส่วนหนึ่งเมื่อครบกำหนดในปีหน้าเช่นกัน
สอง นักลงทุนหน้าใหม่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม SET in the City สัมมนาหุ้น เศรษฐกิจและการลงทุนอย่างล้นหลาม หนังสือขายดีและรายการโทรทัศน์ที่เพิ่มมากขึ้นล้วนเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นทั้งสิ้น แสดงให้เห็นถึงความสนใจและ “แรงเงิน” ใหม่ที่พร้อมรับความเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดังจะเห็นปริมาณการซื้อขายเป็นสถิติสูงสุดใหม่กว่า 77,000 ล้านต่อวันบาทนั่นเอง
สาม แม้มีการระดมทุนของหุ้นไอพีโอหลายบริษัท แต่ยังมี “แรงเงิน” ต้องการซื้อมากกว่าปริมาณจำหน่ายอย่างมาก จนปริมาณและราคาที่ซื้อขายวันแรกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้บริษัทต้องการเข้ามาระดมทุนมากขึ้นในปีนี้และอนาคตอันใกล้
สี่ ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา การรวมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปีแต่ยังต่ำจากจุดที่เคยสูงสุด 1,700 จุดขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านได้ผ่านจุดดังกล่าวแล้ว ตลาดหุ้นไทยจึงยังมีเสน่ห์ดึงดูด “แรงเงิน” เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น
ส่วน “แรงเงา” เป็นละครหลังข่าวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื้อเรื่องสะท้อนถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับผู้คนทุกระดับ ทุกเพศ ทุกวัย ตัวละครที่สำคัญคือ “มุตตา” แฝดผู้น้องที่สวย ใส ซื่อและมองโลกในแง่ดีจนถูกหลอกและต้องตัดสินใจลาโลกก่อนวัยอันควร ส่วน “มุนินทร์” แฝดผู้พี่เป็นคนเรียนเก่ง มั่นใจ กล้าตัดสินใจ มีความสามารถจนได้ทำงานที่ดี
ในตลาดหุ้นนั้น แม้มีผู้คนหลากหลายประเภท แต่ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน คือผลตอบแทนจากการลงทุน ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยโดยรวมให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม การลงทุนระยะยาวนั้นจะต้องพบความผันผวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อวิกฤติตลาดหุ้นเกิดขึ้น เราจะเห็น “มุตตา” ที่ประสบภาวะขาดทุนหรือหันหลังให้การลงทุนเช่นในอดีต นักลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จจึงต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า
หนึ่ง ไม่มีสูตรสำเร็จในการลงทุน หากต้องการผลตอบแทนที่ดี ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ ติดตามข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม หากยังไม่พร้อมก็ไม่จำเป็นต้องรีบลงทุน แต่ควรรีบขยัน ศึกษาหาความรู้เพิ่มให้มาก เพราะยิ่งรู้มาก ยิ่งเข้าใจมาก ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน
สอง ไม่ต้องกังวลหากมีผู้สนใจลงทุนในแนวทางเดียวกันแม้มีการเผยแพร่ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ เพราะปัจจัยสำคัญของความสำเร็จคือ อารมณ์และจิตวิทยาการลงทุน การมีวินัยในการปฏิบัติและตัดสินใจ ณ ราคาและเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม
สาม วิธีการที่ประสบความสำเร็จในอดีต อาจใช้ไม่ได้ผลดีเช่นเดิมเนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนต้องหมั่นทบทวน ปรับปรุง พัฒนา แนวทางและกลยุทธ์ลงทุนของตนอย่างสม่ำเสมอ
สี่ ตั้งเป้าหมายการลงทุนให้เหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง เป้าหมายที่สูงมากเกินความรู้ ความสามารถของตน ทำให้เคร่งเครียดโดยไม่จำเป็น การตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมทำให้มีความสุขกับการลงทุนแต่ต้องท้าทายและปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง
“ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาง่าย โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม” ใช้ได้ดีกับการลงทุนเช่นกัน ในฐานะ Value Investor ต้องนำคุณสมบัติที่ดีของ “มุนินทร์” มาใช้ หากค้นพบกิจการชั้นยอดในราคายุติธรรมก่อนผู้อื่นแล้ว จะต้องมี“แรงเงิน” เข้ามาทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่หากไม่การพัฒนาแนวทางการลงทุนของตน ยามเผชิญภาวะวิกฤติอาจกลายเป็น “มุตตา” ที่ต้องยอมแพ้ไปซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะในระยะยาวการลงทุนในหุ้นนั้นให้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนชนิดอื่นนั่นเอง