โค้ด: เลือกทั้งหมด
อีกไม่กี่วันจะถึงวันจุดจบของโลกจากสมมติฐานคำทำนายของชาวมายา อาณาจักรมายานั้นเป็นอาณาจักรโบราณในอเมริกากลางบริเวณประเทศเม็กซิโกซึ่งมีความรุ่งเรือง 500 ปีก่อนศริสตกาลจนถึง ค.ศ. 1502 ชาวมายามีความสามารถทางดาราศาสตร์จนทำนายเวลาเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคาล่วงหน้าเป็นเวลานาน จากหลักฐานสิ้นสุดของเวลาในปฏิทินมายาซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม 2555 จึงเป็นคำทำนายถึงเหตุการณ์วันสิ้นโลกและถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ “2012 วันสิ้นโลก” ก่อนหน้านี้
แม้จะมีผู้ที่คล้อยตามกับคำทำนาย แต่คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าเหตุการณ์เลวร้ายดังกล่าวจะเกิดขึ้น ชวนให้คิดถึงประโยคภาษาอังกฤษคุ้นหูที่ว่า “It is not the end of the world” แปลเป็นไทยทำนองว่า อย่ากังวลเลย มันไม่ใช่จุดจบ มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด หรือ มันไม่ถึงขนาดโลกจะแตก ดับสูญหรือถึงกาลสิ้นสลาย ยังมีหวัง ต้องสู้ต่อไป
ลองมาดูกันว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นทุกคนต้องประสบเหตุการณ์อะไรบ้าง
หุ้นไอพีโอปีนี้สร้างผลตอบแทนจากราคาปิดวันแรกเทียบกับราคาจองให้กับผู้ได้รับสิทธิจองซื้ออย่างงาม ได้แก่ PJW (+18%), VIH (+143%), SRICHA (+12%), UWC (+90%), TVD (+114%), HOTPOT (+36%), FPI (+157%), PPS (+200%), VGI (+57%), TMC(+108%), WHA (+51%), TMILL (+77%), JMT (+200%), BEAUTY (101%) มีเพียง AAV(+0%) และ ANAN (-9.5%) ที่ไม่ได้สร้างผลตอบแทนเชิงบวก การจัดสรรหุ้นไอพีโอนั้นล้วนมีเงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวยแก่นักลงทุนรายย่อย พอร์ตขนาดเล็ที่มูลค่าการซื้อขายไม่มาก ดังนั้นหากไม่ได้รับการจัดสรร ก็ต้องคิดว่า It is not the end of the world นักลงทุนที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงแต่ส่วนใหญ่มาจากกำไรที่ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอ ต้องไม่ลืมว่านี่คือกำไรที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ไม่ได้จากฝีมือการลงทุนของตนที่แท้จริง
หุ้นในพอร์ตไม่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน +2.8% กลุ่มปิโตรเคมี +2.2% ซึ่งต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นกว่า 30% ของดัชนีตลาดโดยรวม นี่คือกรณี It is not the end of the world เช่นกัน นักลงทุนควรศึกษาและวิเคราะห์ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้พอร์ตมีผลตอบแทนน้อยกว่า ประเมินการจัดพอร์ตโฟลิโอลงทุนและการกระจายอุตสาหกรรมให้เหมาะสม นอกจากนี้ควรศึกษาทางเลือกอื่นเช่น ผ่านกองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดีและให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนเอง
การปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีตลาดหุ้นไทยจาก 800 จุดเมื่อสองปีก่อนหน้าจนถึง 1025 จุดเมื่อต้นปีและกว่า 1350 จุดในปัจจุบัน จะมีนักลงทุนหรือผู้สนใจลงทุนหุ้นจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่กล้าในการตัดสินใจลงทุนและต้องการรอให้ตลาดปรับตัวลงแรงก่อนเข้าลงทุน ทำให้พลาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี นักลงทุนเหล่านี้ไม่ควรเสียใจ ผิดหวังและต้องคิดเสมอว่า It is not the end of the world คำแนะนำก็คือ กำหนดกลยุทธ์แนวทางการลงทุนของตนใหม่โดยทบทวนจากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งซื้อเพราะมีเงินสดอยู่เยอะ ตลาดหุ้นเปิดซื้อขายทุกวันทำการจึงควรเข้าซื้อเมื่อมีหุ้นเข้าเงื่อนไขและกลยุทธ์ที่ตั้งไว้
การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น มีเรื่องอารมณ์และจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก นักลงทุนที่จิตใจอ่อนไหวและใช้จังหวะซื้อขายหุ้นบ่อยครั้ง อาจประสบภาวะ “ขาดทุนกำไร” นั่นคือ ขายหุ้นที่ดีออกไปและต้องซื้อหุ้นกลับในราคาที่สูงขึ้นเพราะราคาไม่ได้ปรับลดลงตามคาด หรือภาวะ “เสียโอกาสในการทำกำไร” เพราะไม่กล้าตัดสินใจขายหุ้นที่พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนอย่างถาวร เมื่อเกิดขึ้นมักจะเครียด หงุดหงิด จึงต้องคิดว่า It is not the end of the world เพราะอาจยังได้ผลตอบแทนโดยรวมในระดับน่าพอใจ ควรใช้การตัดสินใจผิดพลาดเป็นบทเรียนและพัฒนาเรื่อง Market Timing จิตวิทยาและวินัยในการลงทุนของตนในอนาคต
นักลงทุนที่เพิ่งเริ่มลงทุน 2-3 ปีที่ผ่านมาในภาวะตลาดขาขึ้น จะมีความสุขจากผลตอบแทนมหาศาลหลายเท่าตัวจนคิดตนค้นพบสูตรสำเร็จในการลงทุน แต่การคาดหวังผลตอบแทนที่ดีเช่นเดิมหรือดีกว่าเดิมในทุกปีนั้น เป็นการตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไป ยามเผชิญภาวะผันผวนหรือวิกฤติตลาดหุ้น จะเครียด อารมณ์เสีย ต้องคิดเสมอว่า It is not the end of the world นักลงทุนควรพอใจกับผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย 12-15% ต่อปีอย่างน้อยในระยะ 7-10 ปี เพราะวอร์เรน บัฟเฟตต์นักลงทุนเอกของโลกทำผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ปีตลอด 40 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น
การลงทุนในตลาดหุ้นมีทั้งทางด้านปัจจัยพื้นฐาน แนวเทคนิค หรือแนวผสมผสาน แต่ละแนวจะมีหลักการและความเชื่อที่แตกต่างกัน และยังขึ้นอยู่กับความชอบ บุคลิก แนวทางการใช้ชีวิตของแต่ละคนเช่น ชอบเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย หรืออนุรักษ์นิยม นักลงทุนทุกคนต้องค้นหาแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตนให้พบ ดังคำกล่าวที่ว่า “แมวสีอะไรก็ได้ ขอให้เพียงจับหนูได้เป็นพอ” แต่หากแนวทางที่ใช้อยู่ไม่เหมาะกับตนเพราะ “ไม่มีความสุขหรือผลตอบแทนไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” ก็อาจต้องเปลี่ยนแนวทางเพราะ It is not the end of the world แต่สำหรับผมแล้ว Value Investment เป็นคำตอบสุดท้ายครับ