โค้ด: เลือกทั้งหมด
ในทุก ๆ ปีจะมีคำถามขึ้นมาจากนักลงทุนทุกครั้งว่าอุตสาหกรรมไหนน่าสนใจและน่าจะเป็นอุตสาหกรรมร้อน ๆ ที่ช่วยให้ผลตอบแทนสำหรับนักลงทุนที่ดี อันที่จริง คำถามนี้อาจจะเป็นคำถามอ้อมค้อมอย่างสุภาพกว่าคำถามที่ถามตรง ๆ ว่าปีนี้เล่นหุ้นตัวไหนดี
ก่อนจะพูดถึงอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงในประเทศไทย ที่เราคงได้เห็นมากมายในหน้าหนังสือพิมพ์ เราลองศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศที่มีตลาดหุ้นนานกว่าเราอย่างประเทศอเมริกา จากส่วนประกอบของดัชนี S&P500 (หรือหุ้นชั้นนำ 500 ตัวในตลาดหุ้นอเมริกา) ซึ่งดัชนีนี้เป็นดัชนีที่มีคุณภาพทางวิชาการมากกว่าดัชนีดาวโจนส์ที่ได้รับความนิยมกันมายาวนาน เนื่องจากเป็นการถ่วงน้ำหนักด้วยขนาดของมูลค่ากิจการรวมไปถึงการมีหลักเกณฑ์ชัดเจนรวมถึงข้อมูลย้อนหลังที่ยาวนานกว่าหลาย ๆ ดัชนีและยังถูกใช้เป็นตัวชี้วัดนำทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาตัวหนึ่งอีกด้วย ที่น่าสนใจคือ ดัชนีนี้มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ในปี 1957 ซึ่งเป็นปีที่ S&P500 กำเนิดขึ้น (ก่อนหน้านี้ดัชนีนี้มีองค์ประกอบยังไม่ถึง 500 ตัว) จะพบว่าโครงสร้างของดัชนี (ในแง่ขนาดตลาด) จะกระจุกตัวในอุตสาหกรรมวัตถุดิบต้นน้ำ (เช่นเคมีภัณฑ์กระดาษเหล็กเหมือง) และพลังงานมากกว่า 50% แต่เมื่อเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (เฉลี่ยบริษัทถูกปรับเข้าออกประมาณ 20 บริษัทต่อปี) สองอุตสาหกรรมดังกล่าวก็หดตัวเหลือแค่ 10% และเป็นการก้าวขึ้นมาของอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อย่าง อุตสาหกรรม Finance,IT,และ Healthcare ที่มีขนาดมากกว่าครึ่ง
อย่างไรก็ดีเมื่อไปดูตัวเลขผลตอบแทนของหุ้นจะพบไปในทางที่กลับกันแม้ว่าอุตสาหกรรมบางอย่างเช่นอุตสาหกรรมพลังงานจะหดตัวเมื่อเทียบกับเพื่อนแต่การลงทุนกับบริษัทในอุตสาหกรรมนั้น ๆ กลับทำผลตอบแทนในระยะยาวให้นักลงทุนได้ดีกว่าหลาย ๆ อุตสาหกรรมเนื่องจากสองเหตุผลคือหนึ่งอุตสาหกรรมมีการควบรวมเกิดขึ้น ทำให้การแข่งขันลดลง และความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และสอง อุตสาหกรรมที่ร้อนแรงอื่น ๆ มักจะมีหุ้นเติบโตทำให้นักลงทุน “ยอมจ่ายราคาแพง” ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนในการลงทุนน้อยลง ตรงกันข้ามกับอุตสาหกรรมที่ไม่มีคนสนใจซึ่งจะมีหุ้นคุณค่าที่มีราคาไม่แพง
กลับมาดูที่บ้านเรา จะพบว่าบริษัทที่มีศักยภาพสูงมักจะเป็นหุ้นที่มีราคาแพงกว่าค่าเฉลี่ย ยิ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงและดูดีกว่าเพื่อนแต่ละปีดูเหมือนกับว่านักลงทุนจะมี theme การลงทุนที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ย้ายไปมาตามกลุ่มที่ร้อนและเรามักจะพบเสมอว่าไม่ว่ากิจการไหน ๆ ถ้าอยู่ในกระแสราคาก็วิ่งได้ทั้งนั้นซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งจุดจบเดิม ๆ เสมอคือการขาดทุนของนักเก็งกำไรคนหลัง ๆ ซึ่งจบงานเลี้ยงแล้วกลับบ้านไม่ได้เพราะต้องอยู่ล้างจาน
สิ่งที่ผมจะแนะนำได้คือ
1.อย่าไปสนใจอุตสาหกรรมที่ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ทุก ๆ วันเพราะมันย่อมทำให้เราต้องจ่ายค่า premium แต่ให้พยายามมองข้ามไปไกลกว่านั้น
2.อุตสาหกรรมที่ดูน่าเบื่อ คนไม่ได้พูดถึงหรือพูดถึงซ้ำ ๆ ซาก ๆ มายาวนานอาจจะดูดีกว่าอุตสาหกรรมใหม่ ที่เหมือนจะขายฝัน ขายอนาคตที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ว่าเป็นไปได้จริง
3.อุตสาหกรรมจะร้อนหรือไม่ ก็ไม่สำคัญไปกว่าความสามารถในการแข่งขัน บริษัทที่ดีต้องแข่งขันได้ ยิ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงยิ่งสำคัญ เพราะจะมีคู่แข่งใหม่ ๆ เข้ามาท้าทายอยู่ตลอดเวลา
4.เราไม่จำเป็นต้องอยู่ในกระแส ถือหุ้นเหมือนเพื่อน คนรอบตัว นักลงทุนที่ดีต้องเป็นตัวของตัวเอง ใครจะ “เล่นอุตสาหกรรม” ไหนอยู่ก็ไม่ควรสนใจถ้าเรายังไม่ได้เข้าใจมัน
5.สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการประเมินมูลค่า ผลการวิจัยบอกอย่างชัดเจนว่า การซื้อกิจการในราคาที่แพงเกินไป นำมาซึ่งผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเสมอ
แล้วอุตสาหกรรมร้อน ๆ จะเป็นแค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป สิ่งที่สำคัญที่ผมอยากทิ้งท้ายคือเราต้องนำกระแสครับ ไม่ใช่ตามกระแส